Thursday, October 23, 2014

9 เคล็ดลับ เลือกของว่างให้ดีต่อสุขภาพ




        ทำงานจนหัวหมุนก็ต้องเติมพลังงานกันบ้าง แต่ร่างกายคนเราก็เหมือนกับรถ ถ้าเติมน้ำมันผิดประเภท เครื่องยนต์ก็จะใช้การไม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องเลือกให้ดีว่าจะเติมน้ำมันชีวิตอย่างไรค่ะ!


1.ของว่างกับของหวานต่างกันนะ

          ของว่างควรจะมาพร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย ทำให้รู้สึกหนักท้องและให้พลังงาน เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงบ่าย ส่วนของหวานก็คือของหวาน (เช่น โอรีโอ ช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ฯลฯ) ของเหล่านี้มักจะทำให้คุณมีความสุข อย่าตัดมันออกไปทั้งหมด เก็บไว้กินในโอกาสพิเศษหรือกำหนดไปเลยว่า "ฉันจะกินของหวานเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น"

2.พอแล้วกับกาเฟอีน

          หากรู้ตัวว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดกาเฟอีน จนถึงขนาดถ้าไม่ได้ดื่มแล้วจะปวดศีรษะ คุณสามารถค่อย ๆ เลิกได้ด้วยการบันทึกว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้างในช่วง 2-3 วัน ดูว่ากาเฟอีนมาจากไหน (ชา กาแฟ และน้ำอัดลม มักจะเป็นสาเหตุสำคัญ) และทุก 2-3 วันให้ลดปริมาณลง 10% ซึ่งถ้าคุณดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน ให้ลองสลับกาแฟปกติกับดีแคฟและค่อย ๆ ลดปริมาณกาแฟปกติ

3.ไม่ใช่ข้าวกลางวัน...แทนกันไม่ได้

          ชาวออฟฟิศทั้งหลายต้องเข้าใจว่าของว่างไม่ใช่ตัวแทนมื้อหลัก ถ้าไม่อยากซื้อมาเก็บไว้ให้เปลืองเงินก็ลองทำข้าวเย็นเยอะ ๆ แล้วแบ่งเก็บไว้กินในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่คุณจะได้แน่ใจว่า มื้อกลางวันของคุณมีคุณค่าทางโภชนาการ และอิ่มท้องพอที่คุณจะไม่หยิบของจุกจิกมากินต่อ

4.เลือกอาหารเคี้ยวเพลิน

          เราไม่ได้หมายถึงมันฝรั่งทอด หรือเกี๊ยวกรอบ แต่เราพูดถึงของมีประโยชน์อย่าง แอปเปิ้ล แหล่งไฟเบอร์ชั้นดีซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอล สาลี่ ซึ่งอุดมด้วยวิตามินอี แคลเซียมและน้ำตาล ไม่มีไขมัน แก้ร้อนใน และท้องผูกได้ แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะ ชมพู่ มีวิตามินซี เอ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมอยู่มาก ดับกระหายดีนัก ฯลฯ

          นอกจากนี้ ตามตลาดนัดมักจะมีถั่วลิสงมาเร่ขาย ลองซื้อมากินเล่นจะพบว่าได้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมากมาย...

 
5.อย่ากินซีเรียลที่เปลี่ยนสีผมได้

          ของว่างชนิดนี้ดูไม่มีพิษภัย เพราะข้างกล่องมักจะมีรายการสารอาหารยาวเหยียด แต่ซีเรียล ที่ทำให้สีผมเปลี่ยนไปจะผ่านกระบวนการมานับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตแปรรูปและสารเคมีปรุงแต่งมากมาย

6.บอกลาส่วนผสมมากมายและที่ไม่รู้จัก

          หากพลิกดูฉลากบรรจุภัณฑ์แล้วพบส่วนผสมมากมาย หรือมีแต่ส่วนผสมที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อ เช่น Ethoxylated Diglycerides, Xanthan Gum, Calcium Propionate ฯลฯ (อะไรกันเนี่ย!) เก็บกลับไปที่ชั้นเถอะ สารเคมีเหล่านี้ได้รับการผลิตมา เพื่อให้อาหารมีอายุนานขึ้น ดูสดใหม่อยู่ตลอดเวลา และดูน่ากินกว่าความเป็นจริงอีกด้วย อนึ่ง สารเคมีหลายชนิด อาจไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่มีหลายชนิดที่เราพึ่งเริ่มกินไม่นานมานี้ หลีกเลี่ยงเสียจะดีกว่านะคะ

7.กินแต่ของที่เน่าได้

          ยิ่งอาหารที่กินนั้นผ่านกระบวนการมามากเท่าใด มันก็มักจะมีอายุขัยนานแต่คุณค่าต่ำมากเท่านั้น ซึ่งอาหารที่แท้จริงนั้น "มีชีวิต" สักวันหนึ่งมันก็ต้องเน่าเสียไป (ยกเว้นน้ำผึ้ง ถ้าหากเก็บให้มิดชิด พ้นจากแสงแดดและความร้อน อาจอยู่ได้เป็นศตวรรษเลยทีเดียว)

8.เลือกของที่ผ่านการย่อยมาแล้ว

          อาหารเหล่านี้จะย่อยง่าย เช่น โยเกิร์ต ซึ่งผ่านการย่อยจากจุลินทรีย์ต่าง ๆ มาแล้ว ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่มีประโยชน์ภายในลำไส้ หรือน้ำผึ้ง ยาขนานเอกที่มีสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินเอ บี2 บี6 ซี อี ดี เค โปรตีน เกลือแร่ น้ำตาลกลูโคส ฟรักดตส และซูโครส ราดลงบนขนมปัง โฮลวีต แล้วจะรู้ว่า "หวานเป็นยา" เหมือนกันนะ

 
9.นาน ๆ ครั้งก็แหกกฎบ้าง

          หากยึดถือกฎเรื่องอาหารมากเกินไป คุณจะไม่มีความสุข (ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้) ในโอกาสพิเศษ คุณก็ต้องอยากจะโยน "ระเบียบวิธีในการกินให้มีสุขภาพดี" ทิ้งไป ไม่เป็นไรค่ะ เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่การกินอาหารในโอกาสพิเศษ แต่เป็นเรื่องของชีวิตประจำวันต่างหาก ถ้าเราไม่เดินทางสายกลางก็อาจจะตกไหล่ทางได้นะ


แหล่งที่มา  Lisa, http://health.kapook.com/view10768.html

No comments:

Post a Comment