Wednesday, December 30, 2015

กินของหวานแล้วปวดฟัน มาดูสาเหตุกันว่าเป็นเพราะอะไร ?





กินของหวานแล้วปวดฟัน บางครั้งอาการยังลามไปปวดหัวตุบ ๆ เมื่อกินของหวานอีกต่างหาก สาเหตุของอาการปวดฟันเหล่านี้คืออะไร รู้ให้ทันอาการปวดฟันไว้ จะได้ไม่เจ็บตัวอีก
   
          เคยมีอาการปวดฟันเวลากินของหวานกันบ้างไหมคะ แล้วทำไมเราถึงรู้สึกจี๊ด ๆ ที่ฟันจนกินของหวานไม่อร่อยถึงใจ ทั้งที่ของหวานเหล่านั้นไม่ใช่อาหารที่มีความเย็นซะด้วยซ้ำ โอ๊ย ! ปวดฟันเวลากินของหวาน ปัญหาสุขภาพอย่างนี้อย่าปล่อยให้อยู่กับเรานานเลยนะ

กินของหวานแล้วปวดฟัน เป็นเพราะอะไรกันล่ะ ?

          ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจในเบื้องต้นว่า อาการปวดฟันส่วนใหญ่เกิดจากฟันที่ผุ ซึ่งฟันผุก็เกิดจากการที่มีเศษอาหารตกค้าง หรือมีคราบพลัคติดค้างอยู่ในซอกฟัน แล้วไม่ได้รับการทำความสะอาด เศษอาหารและคราบพลัคเหล่านี้จะถูกย่อยสลายให้กลายเป็นกรดกัดกร่อนเคลือบฟัน ยิ่งหากเกิดการสะสมของเศษอาหารเป็นประจำ ยกตัวอย่างเช่น คนที่แปรงฟันไม่สะอาด เคลือบฟันก็จะถูกกัดกร่อนไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ทะลุผ่านเนื้อฟัน กัดกร่อนต่อไปยังชั้นโพรงประสาทฟัน ก่อให้เกิดอาการปวดฟันจี๊ด ๆ ขึ้นได้
   
          ทว่าอาการปวดฟันเวลากินของหวาน สาเหตุก็เกิดจากเมื่อเรากินอาหารประเภทน้ำตาลเข้าไป น้ำลายจะย่อยสลายน้ำตาลให้กลายเป็นกรด และเจ้ากรดจากการย่อยน้ำตาลที่ว่านี่แหละค่ะ ตัวการแทรกซึมไปยังเนื้อฟัน และประสาทฟัน ทำให้เรารู้สึกปวดฟันจี๊ดขึ้นมา และหากฟันใครผุเกินเยียวยา เคสนี้อาจรู้สึกปวดฟันตุบ ๆ ไล่ไปตามแนวสันกราม แล้วลามไปปวดศีรษะเพิ่มมาอีกอาการด้วยนะ
   
          อ้อ ! นอกจากนี้เมื่อกินอาหารเย็นจัดหรือร้อนจัด ก็อาจทำให้รู้สึกปวดฟันแปลบ ๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งหากเพิกเฉยกับอาการปวดฟันเมื่อรับประทานอาหารเหล่านี้ ต่อไปรากฟันอาจเกิดอาการอักเสบ บวม และเป็นหนอง สร้างความทรมานอย่างที่สุดเลยก็ได้นะคะ


วิธีแก้ปวดฟันเมื่อกินของหวาน

          วิธีแก้ปวดฟันเมื่อกินของหวาน เบื้องต้นสามารถทำได้โดยหยุดรับประทานอาหารประเภทของหวานและอาหารที่มี ปริมาณน้ำตาลสูง รวมไปถึงอาหารชนิดอื่น ๆ ที่กระตุ้นอาการปวดฟัน เช่น อาหารที่เย็นจัด อาหารร้อนจัด และหากรู้ตำแหน่งของฟันซี่ที่ปวด ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้วยฟันซี่นั้น ๆ ด้วยนะคะ
   
          แต่สำหรับคนที่รู้สึกปวดฟันจนทนไม่ไหว งดอาหารรสหวาน อาหารเย็น หรือปัจจัยกระตุ้นอาการปวดฟันใด ๆ ก็แล้วแต่ ทว่ายังคงทรมานกับอาการปวดฟันหนักมากอยู่ กรณีนี้แนะนำให้ไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการปวดฟันโดยด่วนเลยค่ะ


ปวดฟัน กินยาพาราได้ไหม ?

          ทราบว่าหลายคนคาใจค่ะว่า เราจะแก้อาการปวดฟันด้วยยาพาราเซตามอลได้หรือเปล่า คำตอบคือ หากมีอาการปวดฟันเพียงเล็กน้อย และเพิ่งเริ่มรู้สึกปวดฟัน อาจลองบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม/เม็ด ตามขนาดการใช้ยาที่ระบุในฉลาก เป็นต้นว่า ในผู้ใหญ่ให้กินยาพาราเซตามอลครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง และหากอาการปวดฟันบรรเทาลงไป ก็ให้หยุดใช้ยาได้
   
          ทว่าหากอาการปวดฟันมีความรุนแรงมาก รู้สึกปวดฟันตุบ ๆ ลามไปปวดศีรษะ เคสนี้ยาพาราเซตามอลอาจเอาไม่อยู่ แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ยาแก้ปวดชนิดแอสไพริน กรดมีเฟนนามิก หรือไอบูโพรเฟน เป็นต้น แต่ยาแก้ปวดเหล่านี้ควรใช้อย่างระมัดระวังที่สุด หรือทางที่ดีควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนใช้ยาจะปลอดภัยกว่า หรือหากอยากลองแก้ปวดฟันด้วยตัวเองในเบื้องต้น วิธีแก้ปวดฟันเหล่านี้ก็น่าจะช่วยได้นะคะ

          แก้ปวดฟันด้วยวิธีธรรมชาติ
          วิธีแก้ปวดฟัน โอ๊ยปวดฟันจัง ทำไงดี
          9 สมุนไพรแก้ปวดฟัน พิชิตอาการให้บรรเทาแบบไม่ต้องพึ่งยา


วิธีป้องกันอาการปวดฟันเมื่อกินของหวาน
   
          แปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง หรืออย่างน้อย ๆ ควรต้องบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำยาบ้วนปากหลังกินของหวานโดยทันที
         
          พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวาน น้ำตาลสูง หรืออาหารเย็นจัดร้อนจัด
         
          หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารด้วยฟันซี่ที่รู้สึกปวด
         
          แปรงฟันให้สะอาดหมดจด และควรแปรงอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
         
          ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันเป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของคราบพลัค และเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในซอกฟันซี่ต่าง ๆ โดยเฉพาะฟันซี่ในที่เข้าถึงยาก

          ใครที่เคยปวดฟันคงจะซึ้งกันดีกว่าอาการปวดฟันสร้างความทรมานมากแค่ไหน ฉะนั้นหากไม่อยากเจอกับอาการปวดเช่นนั้นอีก ก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำ หรือไปตรวจเช็กสุขภาพช่องปากและฟันกับทันตแพทย์เป็นประจำด้วยนะคะ
   


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หมอชาวบ้าน
student.nu.ac.th
Livestrong
http://health.kapook.com/view137965.html

Tuesday, December 29, 2015

10 ผลไม้ที่ควรกินตอนเช้า เติมความเฮลธ์ตี้ให้สุขภาพดีรับวันใหม่



อาหารเช้า มื้อสำคัญที่สุดสำหรับร่างกาย อยากเพิ่มความเฮลธ์ตี้ให้กับสุขภาพ ลองเพิ่มผลไม้เหล่านี้เข้าไปในมื้อเช้าของคุณดูสิ

          หลายคนมักจะคิดว่าอาหารเช้าที่ดีจะต้องมีสารอาหารอย่างครบถ้วน ซึ่งสารอาหารอย่างคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เราก็พอทราบแล้วว่าจะหาทานจากอาหารชนิดใด แต่นอกเหนือจากอาหารเหล่านั้น ผลไม้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ทว่าเราควรรับประทานผลไม้อะไรในมื้อเช้ากันดี วันนี้กระปุกดอทคอมได้หยิบเอาเรื่องนี้มาฝากกัน สำหรับใครที่อยากจะมีมื้อเช้าแบบเฮลธ์ตี้ ลองเพิ่มผลไม้เหล่านี้เข้าไปในมื้อเช้าดูสิคะ รับรองว่าดีกับสุขภาพแน่นอน

 

กล้วย

           จะมีอะไรดีไปกว่าการได้รับประทานกล้วยเป็นมื้อเช้า เพราะกล้วยมีแร่ธาตุและวิตามินสูง อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลจากธรรมชาติที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และคาร์โบไฮเดรตช่วยเติมพลังให้กับร่างกายแบบไม่ต้องพึ่งพาแป้งหรือน้ำตาล ชนิดอื่น ๆ ขณะที่โพแทสเซียมในกล้วยก็ยังช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ยังไม่นับรวมไฟเบอร์ที่พบได้ในผลไม้เกือบทุกชนิด อยากเริ่มต้นวันใหม่แบบเฮลธ์ตี้สุด ๆ ลองเติมกล้วยลงไปในมื้อเช้าแบบง่าย ๆ ของคุณ เช่น เติมลงในชามซีเรียล รับประทานกับข้าวโอ๊ต หรือนำไปปั่นเป็นสมูทตี้ก็ดีไม่ใช่น้อย แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยาก หลังจากรับประทานมื้อเช้า ปิดท้ายด้วยกล้วยสักผล รับรองว่าดีกับสุขภาพแน่นอน


เกรปฟรุต

           ผลไม้รสชาติจี๊ดจ๊าดที่อุดมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้ เหมาะจะเป็นผลไม้สำหรับมื้อเช้าเพื่อคนลดน้ำหนัก เพราะมีการศึกษาพบว่าการรับประทานเกรปฟรุตครึ่งผลก่อนรับประทานอาหารจะช่วย ให้น้ำหนักลดลงไวกว่าปกติ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดได้ รวมทั้งระบบการเผาผลาญไขมันก็จะทำงานได้มากขึ้น ขณะที่วิตามินซีในเกรปฟรุตก็ยังทำหน้าที่สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และความฉ่ำของเกรปฟรุตก็ยังช่วยเติมน้ำให้กับร่างกายไม่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ในตอนเช้าด้วย แต่สำหรับใครที่อยู่ในช่วงการใช้ยาเพื่อรักษาอาการบางอย่าง ควรระมัดระวังไว้หน่อย เพราะสารอาหารที่อยู่ในเกรปฟรุตอาจมีผลข้างเคียงกับยา ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อเกรปฟรุตมารับประทานนะคะ


บลูเบอร์รี

           ไม่ว่าจะเป็นบลูเบอร์รีสดหรือแช่แข็ง ผลไม้ชนิดนี้ก็ยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่อย่างมากมาย โดยมีการศึกษาพบว่าคนที่รับประทานบลูเบอร์รีเป็นประจำจะมีความจำและทักษะการ เคลื่อนไหวที่ดี ความดันโลหิตเป็นปกติ และระบบเผาผลาญของร่างกายก็จะทำงานดีตามไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ที่ในบลูเบอร์รี่นั่นเอง นอกจากนี้บลูเบอร์รียังมีแคลอรีต่ำ ใครที่กำลังลดน้ำหนัก เริ่มต้นวันใหม่ด้วยผลไม้ชนิดนี้ จะยิ่งช่วยทำให้การลดน้ำหนักของคุณเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ


แตงโม

           แตงโม ผลไม้ฉ่ำน้ำชนิดนี้จะช่วยเติมความชุ่มฉ่ำให้กับคุณในยามเช้า อีกทั้งสารไลโคปีนที่อยู่ในแตงโม อันเป็นสารอาหารที่พบได้ในอาหารที่มีสีแดง ก็ยังช่วยในการมองเห็น บำรุงสุขภาพหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง แถมยังมีแคลอรีต่ำ ไฟเบอร์สูง เหมาะจะเป็นอาหารเช้าสำหรับคนลดน้ำหนักอย่างที่สุด แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะไฟเบอร์ในแตงโมหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ถ่ายท้องได้


สตรอว์เบอร์รี

           ผลไม้ในตระกูลเบอร์รีอีกชนิดที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานสตรอว์เบอร์รีเพียง 1 ถ้วยก็ทำให้เราได้รับปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับความต้องการต่อวัน โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของแคลอรี ไม่เพียงเท่านั้น ในสตรอว์เบอร์รียังมีกรดโฟลิก และไฟเบอร์ซึ่งช่วยในระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูก ถ้าอยากจะเพิ่มเติมให้มื้อเช้าของคุณเฮลธ์ตี้มากขึ้น มีสตรอว์เบอร์รีสด ๆ เพิ่มบนโต๊ะอาหารด้วยก็ดีเหมือนกันนะคะ


แคนตาลูป

           หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าแคนตาลูปเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี การรับประทานแคนตาลูป 1/4 ของผลก็ทำให้เราได้รับวิตามินซีในปริมาณเท่าความต้องการของร่างกายในแต่ละ วัน โดยให้พลังงานแค่ 50 แคลอรี นอกจากนี้ในแคนตาลูปก็ยังมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิวอีกด้วย ขณะที่ปริมาณไฟเบอร์ก็มีเพียบ ช่วยให้อยู่ท้องนานไปจนถึงมื้อเที่ยงเลยเชียวล่ะ


กีวี

           สำหรับคนที่อยากได้เติมรสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ให้มื้อเช้า ขอแนะนำกีวีค่ะ เพราะไม่เพียงช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการแบบเน้น ๆ อาทิ วิตามินซี โพแทสเซียม ทองแดง และไฟเบอร์ที่มีสูงกว่ากล้วย จึงทำให้ผลไม้ชนิดนี้ดีกับสุขภาพอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ทั้งท้องผูกหรือลำไส้แปรปรวน หากรับประทานกีวีอย่างน้อยวันละ 2 ผลเป็นประจำ จะช่วยให้อาการท้องผูกลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เอ้า ! รู้แบบนี้แล้วก็หามารับประทานกันดีกว่าเนอะ


ราสป์เบอร์รี

           ถ้าพูดถึงญาติในตระกูลเบอร์รีแล้วจะไม่เอ่ยถึงราสป์เบอร์รีก็คงไม่ได้ เพราะนอกจากปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่มีเยอะทัดเทียมกับผลไม้ในกลุ่มเดียว กันแล้ว ก็ยังมีไฟเบอร์ วิตามินซี และวิตามินเคที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ถ้าได้ลองเติมลงในชามซีเรียลหรือชามข้าวโอ๊ตในมื้อเช้าสักหน่อย รับรองว่าได้ว่ามื้อเช้าของคุณจะยิ่งดีกับสุขภาพยิ่งขึ้น


ส้ม

           ส้มถือเป็นผลไม้อีกชนิดที่อยู่คู่กับมื้อเช้ามานาน ไม่ว่าจะรับประทานแบบสด ๆ หรือคั้นเป็นน้ำผลไม้ ส้มก็ยังคงอุดมไปด้วยคุณค่าอย่างมหาศาล เพราะไม่เพียงแค่วิตามินซีสูง แต่ยังมีวิตามินดีที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็งได้ด้วย ยังไม่รวมถึงไฟเบอร์ที่มีมากมายที่ช่วยลดอาการท้องผูก และทำให้อิ่มนานขึ้น แต่ก็ต้องระวังอย่ารับประทานเยอะจนเกินไป เพราะส้มเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูง อย่างน้อยแค่เช้าละ 1 ผล หรือจะรับประทานเป็นน้ำส้มคั้นสดก็ดีเช่นกันค่ะ


แครนเบอร์รี

           แครนเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ในด้านการรักษาโรคมะเร็ง แครนเบอร์รียังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้การรักษาโรคมะเร็งรังไข่อีก ด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าสูงมากเลยทีเดียว จะใส่ในชามซีเรียลแล้วรับประทานแบบสด ๆ หรือจะดื่มแบบเป็นน้ำผลไม้ก็ดีทั้งนั้น ทว่าเจ้าแครนเบอร์รีก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูงเช่นกัน ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะดีกว่า จะได้ไม่กระทบถึงระดับน้ำตาลในเลือดค่ะ

 

          ผลไม้ที่หยิบมาฝากกันนี้ล้วนแต่เป็นผลไม้ที่ดีกับสุขภาพอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานแค่ตอนมื้อเช้าเท่านั้น จะกินตอนไหนเวลาไหนก็ช่วยเสริมประโยชน์ให้แก่ร่างกายได้ แต่ต้องระวังในเรื่องของแคลอรีกันหน่อย ไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้สุขภาพดี อาจจะได้น้ำหนักตัวเพิ่มแทนนะคะ
 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
health.com 
abcnews.go.com
http://health.kapook.com/view137715.html

Monday, December 28, 2015

6 สิ่งที่ชาวออฟฟิศต้องทำ ถ้าไม่อยากเจอกันกับมะเร็งลําไส้





มะเร็งลำไส้ ไม่ถามหาแน่ ถ้าหนุ่ม-สาวชาวออฟฟิศทั้งหลายสามารถดูแลสุขภาพได้ตามนี้

           มะเร็งลำไส้ ถือเป็นมะเร็งอีกชนิดที่มาแรงมากสำหรับสาวทำงาน เพราะเกิดจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยจะเฮลธ์ตี้เท่าไร นับเป็นมะเร็งที่มาเป็นอันดับต้น ๆ ในการเสียชีวิตของประเทศที่มีคนเป็นโรคอ้วนเยอะอย่างอเมริกาและออสเตรเลีย ไทยก็อาจตามมาติด ๆ Lisa Guru จึงไปสอบถามผู้รู้ เพื่อมาแชร์กับคุณ ว่าควรมีวิธีระวังอย่างไร
 

         6 กฎในการดูแลสุขภาพแสนเบสิกเพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้


* ไม่สูบบุหรี่และงดเหล้า

* ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

* ควบคุมปริมาณการกินเนื้อติดมันหรือโปรตีนไม่ดี

* ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

* กินผลไม้และผักไฟเบอร์สูง

* กินปลาเยอะ ๆ

           ยังมีข้อแนะนำจากคุณหมอเพิ่มเติมอีกว่า หมั่นลุกจากโต๊ะทำงานทุก 2 ชั่วโมงด้วยนะ เพราะการนั่งนานเกินกว่านั้นจะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งชนิดนี้ได้ เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์เชียวล่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa
http://health.kapook.com/view137748.html
เครดิตภาพ  http://best-wallpaper.net/Delicious-fruit-raspberry_1920x1200.html

Saturday, December 26, 2015

15 ทริคแก้ของใช้พังอย่างฉับไว มั่นใจพร้อมเผชิญโลก !



         ไม่ต้องกังวลว่าของใช้จะทำให้คุณหน้าแตกกลางสาธารณชนอีกต่อไป กับทริคแก้ปัญหาของใช้พังเฉพาะหน้าที่ไม่ต้องเสียเวลาไปหาช่างมาแก้ไข

          อย่า ให้เรื่องของใช้ชำรุดมาทำให้คุณเสียความมั่นใจเลยค่ะ เดินอย่างมั่นใจอกผายไหล่ผึ่งเชิดหน้าต่อไป แล้วค่อย ๆ หาจังหวะหลบเข้ามุมลับเพื่องัดทริคเด็ดที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปลองใช้ดู แล้วจะรู้ว่าก็แค่เรื่องสิว ๆ ที่สามารถจัดการได้ด้วยสองมือของเราเอง ด้วยของง่าย ๆ ที่หาได้จากรอบตัว


1. เบกกิ้งโซดาและน้ำมะนาวขัดคราบรักแร้บนเสื้อผ้า

          หมดปัญหาไม่กล้ายกแขนเพราะกลัวรอยคราบรักแร้เหลือง ๆ โผล่ออกมาต้อนรับโลกภายนอก มาสร้างความมั่นใจกันดีกว่าด้วยการผสมน้ำมะนาวและน้ำเปล่าให้เข้ากัน จากนั้นเติมเบกกิ้งโซดาเพื่อทำเป็นสครับนำไปขัดคราบเหลืองบริเวณใต้วงแขนของ เสื้อ แล้วทิ้งไว้ 2-3 นาทีก่อนนำไปซักตามปกติ

ภาพจาก thekrazycouponlady 

2. แฮร์สเปรย์พ่นกำจัดรอยลิปสติก
          รอยลิปสติกกวนใจที่ยากจะทำความสะอาดนั้น เชื่อไหมว่าเราสามารถกำจัดได้ง่าย ๆ ด้วยการพ่นแฮร์สเปรย์ลงบนคราบแล้วทิ้งไว้ 2 นาที จากนั้นใช้กระดาษซับคราบและสเปรย์ออกก่อนนำไปทำความสะอาดซ้ำจนคราบหาย



3. ป้ายน้ำยาเคลือบเล็บเพื่อซ่อมขาแว่นหัก

          โลกเอียงอาจจะไม่ใช่เหตุทางดาราศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าขาแว่นหักโดยที่คุณไม่ทันสังเกต เอาเป็นว่าให้ใช้น้ำเคลือบเล็บป้ายลงข้อต่อระหว่างขาแว่นก็จะช่วยสมานรอยหัก ให้กลับมาเข้าที่ได้ชั่วคราว

ภาพจาก infobarrel


4. ที่ตะไบเล็บขัดคราบสกปรกออกจากเครื่องหนัง

          แม้ว่าเครื่องหนังจะหรูหราราคาแพงขนาดไหนเราก็ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่ดี หากมีรอยคราบสกปรกติดก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะเราสามารถใช้ที่ตะไบเล็บถูเพียงเบา ๆ คราบก็จะออกอย่างง่ายดายหรือจะใช้แปรงสีฟันขนนุ่มซับน้ำส้มสายชูแล้วถูก็ได้ค่ะ


 ภาพจาก susiestyles

5. ปิโตรเลียมเจลลี่เช็ดรอยเสียดสีระหว่างรองเท้าหนัง

          ระหว่างเดินเราไม่รู้หรอกว่ารองเท้าหนังกำลังเสียดสีกันอยู่จึงทำให้เกิดรอย ขูดด้านข้าง ให้แก้ปัญหาด้วยการนำคอตตอนบัดจุ่มปิโตรเลียมเจลลี่เพียงเล็กน้อยแล้วป้ายลง บนคราบ ค่อย ๆ ถูจนกว่ารอยนั้นจะจางหายไป


ภาพจาก thekrazycouponlady 
 
6. ติดพลาสเตอร์กันโครงเสื้อชั้นในโผล่

          เสียเวลาเปล่าถ้าจะมานั่งเย็บผ้าแก้ปัญหาโครงชุดชั้นในโผล่เพราะเรามีวิธี ที่ง่ายกว่านั้น แค่ใช้พลาสเตอร์ยาแปะทับรอยขาด โครงชุดชั้นในก็จะไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกแล้ว


ภาพจาก 365daysotherramblings   

7. ล้างคราบไวน์แดงบนพรมด้วยไวน์ขาว

          ไม่ต้องตกใจไปถ้าคราบไวน์แดงดันหกเลอะพรมจนเป็นดวง รีบคว้าไวน์ขาวมาเทลงบนคราบไวน์แดงแล้วปล่อยทิ้งไว้สักพัก จากนั้นค่อยนำไปซักหรือใช้ผ้าชุบน้ำซับคราบออก


ภาพจาก carpetcleaningmachinesreviews   

8. หล่อลื่นซิปด้วยปิโตรเลียมเจลลี่และดินสอ

          ซิปขัดรูดไม่ขึ้นเป็นหนึ่งในปัญหาเสื้อผ้าที่ยากจะจัดการ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเราหรอกค่ะ ให้นำปิโตรเลียมเจลลี่มาถูหรือจะใช้ดินสอระบายรางซิปเบา ๆ หลังจากนี้ก็รูดซิปขึ้น-ลงได้อย่างง่ายดายสบายมือแล้ว


ภาพจาก birchbox 
 
9. ร้อยลวดติดกระดุมแทนการเย็บ

          ไม่ต้องเดินตามหาร้านซ่อมเสื้อผ้าเพราะว่ากระดุมหลุดหรอกค่ะ แค่นำลวดมาร้อยระหว่างเสื้อและกระดุมให้แน่นสนิท เพียงเท่านี้กระดุมของเราก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม


ภาพจาก thegirlbythesea   

10. ใช้ยางลบดินสอล็อกต่างหูแทนแป้น

          เมื่อถึงเวลาต้องไปงานสำคัญแต่ตัวแป้นล็อกต่างหูดันหลุดหายไปซะนี่ ไม่ต้องเสียเวลาหาให้วุ่นวาย เพราะแค่ดึงยางลบบนหัวดินสอมาเสียบแทนก็เอาอยู่แล้ว


ภาพจาก lifehacker 
 
11. คล้องหนังยางระว่างซิปกับกระดุมป้องกันซิปไหล

          ถ้าไม่อยากอับอายขายหน้ากลางสาธารณชนเพราะซิปกางเกงร่วง ก่อนออกจากบ้านแนะนำให้หาหนังรัดผมมาคล้องที่ซิป เมื่อรูดซิปขึ้นก็คล้องไว้ที่กระดุมกางเกงอีกที คราวนี้ซิปก็จะไม่หนีลงไปไหนแล้วล่ะ


ภาพจาก sweetlittlebluebird   

12. ติดเทปกาวช่วยทำให้กางเกงสั้นลงได้

          มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องขากางเกงลากพื้นกันด้วยเทปกาวดีกว่าค่ะ ก่อนอื่นเราต้องกลับด้านกางเกงเพื่อพับขากางเกงให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ จากนั้นติดเทปกาวล็อกรอยพับเอาไว้ไม่ให้ไหลขณะเดิน เมื่อกลับเอาด้านนอกออกมาเราก็จะได้ความยาวของขากางเกงที่ต้องการแล้ว


ภาพจาก creativeconnectionsforkids 
 
13. แม็กเย็บปิดรอยผ้าขาดแบบเร่งด่วน

          ยิ้มสู้ไว้ค่ะแม้เสื้อตัวโปรดจะขาดขณะพบปะผู้คน แล้วค่อย ๆ ถอนตัวออกจากกลุ่มอย่างแนบเนียนไปพร้อมกับแม็กเย็บกระดาษ จัดการกลับเสื้อเอาด้านในออก ปิดรอยขาดให้เป็นตะเข็บแล้วใช้แม็กเย็บกระดาษค่อย ๆ เย็บผ้าให้ติดกัน พอกลับผ้าออกมาเราก็จะได้เสื้อตัวเดิมกลับคืนมา


 ภาพจาก the-unfashionista

14. ติดคลิปหนีบกระดาษทำตะขอสร้อยชั่วคราว

          เราสามารถขอต่อเวลาก่อนถึงนัดสำคัญเพื่อไปซ่อมตะขอสร้อยที่ร้านได้ เพราะเราสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยคลิปหนีบกระดาษ โดยนำคลิปติดไว้ที่ตะขอสร้อยทั้ง 2 ด้านแล้วเกี่ยวคลิปทั้งคู่เข้าหากัน


 ภาพจาก buttonedbears

15. แก้ซิปแตกด้วยการใส่ซิปใหม่

          อีกหนึ่งปัญหาหน้าแตกระดับชาตินั่นก็คือปัญหาซิปแตกกลางสาธารณชน ถ้าไม่อยากให้ใคร ๆ ต่างพากันตั้งฉายาซิปแตก ให้แก้ด้วยการปลดรางซิปด้านล่างออกมา เพื่อดึงตัวซิปออกแล้วจับใส่เข้าไปใหม่พร้อมรูดซิปขึ้นอีกครั้ง เสร็จแล้วก็นำด้ายมาเย็บรางซิปด้านล่างให้ติดกัน


ภาพจาก survivallife 
 
          ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแค่พกพาความมั่นออกไปเผชิญโลกให้เต็มร้อย และเมื่อเกิดเหตุของใช้ชำรุดก็อย่าลืมเอาทริคเหล่านี้ไปลองใช้เพื่อความฉับ ไวแถมไม่ต้องขายหน้าอีกด้วย
http://home.kapook.com/view132312.html