Sunday, October 30, 2016

10 วิธีเก็บรักษาหนังสือพิมพ์ ให้อยู่ในสภาพดีและคงเดิมไปนาน ๆ




         วิธีเก็บหนังสือพิมพ์ ให้คงสภาพเดิมไปนาน ๆ ไม่เก่า ไม่ซีดจาง และไม่เหลือง อยากรู้ว่าเก็บหนังสือพิมพ์อย่างไรไม่ให้เก่าเร็ว มาดู 10 วิธีเก็บหนังสือพิมพ์ แล้วนำไปใช้กันเลย

          เนื่องจากตอนนี้หลายคนตามซื้อหนังสือพิมพ์เพราะอยากเก็บความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับในหลวงเอาไว้ แต่ไม่รู้จะเก็บรักษาหนังสือพิมพ์ฉบับสำคัญแบบนี้อย่างไรให้อยู่ในสภาพดีและคงสภาพหนังสือสีสด ๆ แบบนี้ไว้ไปนาน ๆ กระปุกดอทคอมเลยรวบรวมวิธีการเก็บรักษาหนังสือพิมพ์มาฝาก เพื่อรักษาเนื้อข่าวและรูปภาพเอาไว้ ไม่ให้สีซีดจาง ดูเก่า และเนื้อกระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลือง


1. ทำความสะอาดบริเวณที่เก็บ

           เพราะสิ่งสกปรกคือตัวการสำคัญที่ทำให้หนังสือพิมพ์ดูเก่าและเปลี่ยนสี ดังนั้นก่อนจะหยิบจับหนังสือพิมพ์เล่มที่ต้องการเก็บ ควรจะล้างมือให้สะอาดหรือสวมถุงมือผ้าคอตตอนซะก่อน แล้วจัดเก็บพื้นที่บริเวณที่เก็บหนังสือพิมพ์ให้สะอาดปราศจากฝุ่นควัน ที่สำคัญบริเวณนั้นห้ามนำอาหารเข้ามารับประทานใกล้ ๆ จุดเก็บหนังสือพิมพ์ด้วยก็จะดี

2. ห้ามพับหนังสือพิมพ์ให้เกิดรอย

           ลักษณะการเก็บหนังสือพิมพ์จะต้องเก็บให้อยู่ในลักษณะแบนราบ ห้ามพับให้เกิดรอยเด็ดขาด ไม่ว่าจะพับด้านมุมหรือพับแบ่งครึ่ง เพราะจะทำให้หนังสือพิมพ์เสียรูปทรง แต่ถ้าหนังสือพิมพ์ที่ได้รับมามันถูกพับอยู่แล้ว ก็ให้เก็บไว้ในลักษณะนั้น แค่อย่าพับให้เกิดรอยใหม่เพิ่มก็พอ

3. ไม่ควรเก็บไว้ใกล้ของมีคม

           เพราะหนังสือพิมพ์ผลิตจากกระดาษ โดนอะไรนิดหน่อยก็เสียหายได้โดยเฉพาะของมีคม ดังนั้นเราจึงไม่ควรเก็บหนังสือพิมพ์ให้อยู่ใกล้กับสิ่งของหรืออุปกรณ์มีคม ที่อาจจะไปทำลายหนังสือพิมพ์ได้ เช่น กรรไกร มีด คัตเตอร์ หรือของที่มีแถบกาว

4. เก็บให้พ้นแสง

           แสง คือตัวการสำคัญที่ทำให้หนังสือพิมพ์เก่า นาน ๆ ไปอาจจะอยู่ในสภาพกรอบและซีดจาง ฉะนั้นหลังจากที่ได้หนังสือพิมพ์มาแล้ว ควรเก็บไว้ในที่ที่อับแสงหรือที่มืด แต่ห้ามเก็บไว้ในมุมอับความชื้นสูง หรือเก็บไว้ในกล่องกระดาษหรือกล่องไม้ที่มีฝาปิดมิดชิด เพราะไม้จะช่วยลดกรดที่ทำให้หนังสือพิมพ์เปลี่ยนสีได้ด้วยค่ะ 

5. คั่นทุกหน้าด้วยกระดาษไร้กรด

           แม้บางคนจะบอกว่าเก็บหนังสือพิมพ์ไว้อย่างดีแล้ว แต่ทำไมหนังสือพิมพ์ยังดูเก่า นั่นก็เป็นเพราะว่าในหนังสือพิมพ์มีความเป็นกรดอยู่มากและหนังสือพิมพ์แต่ละหน้าก็ตั้งอยู่ในลักษณะทับซ้อนกัน จึงทำให้ปริมาณกรดมากขึ้นและค่อย ๆ ทำลายกระดาษไปทีละนิด หากหาซื้อกระดาษไร้กรดมาคั่นหนังสือพิมพ์ไว้ทุกหน้า ไม่ให้กระดาษหนังสือพิมพ์ทับกัน ก็จะช่วยรักษาสภาพให้คงเดิมไปอีกนาน

6. เก็บตามหมวด

           หากอยากให้หนังสือพิมพ์หาง่ายขึ้น อาจจะจัดเก็บตามวันที่ ตามอักษร หรือตามเหตุการณ์สำคัญ ก็จะทำให้สะดวกเวลาค้นหาและหยิบมาใช้งาน ไม่ต้องรื้อค้นกระจัดกระจาย จนอาจจะทำให้หนังสือพิมพ์ที่รื้อออกมาชำรุดเสียหาย

7. ใส่กรอบรูปกันแสงยูวี

           ถ้าต้องการนำส่วนสำคัญในหนังสือพิมพ์ออกมาตั้งโชว์ แต่กลัวแสงแดดทำลายหนังสือพิมพ์ ก็ให้นำกระดาษลังมาทำเป็นแผ่นรองด้านหลังหนังสือพิมพ์ แล้วปิดด้วยกระจกชนิดกันแสงยูวี เอาไปใส่กรอบไม้ ก่อนนำไปติดผนังหรือตั้งโชว์ เพียงเท่านี้หนังสือพิมพ์ก็จะคงสภาพเดิมไปอีกนาน

8. เก็บในที่เย็นแต่ไม่ชื้น

           นอกจากแสงจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำร้ายหนังสือพิมพ์แล้ว อุณหภูมิในการเก็บก็สำคัญไม่แพ้กัน แนะนำให้เก็บหนังสือพิมพ์เอาไว้ในที่มืด มีความเย็นแต่มีความชื้นไม่สูงหรือในที่ที่มีองศาอยู่ที่ระหว่าง 15-21 องศาเซลเซียส และมีความชื้นในอากาศประมาณ 40% ถึงจะเป็นอุณหภูมิที่เหมาะกับการเก็บหนังสือพิมพ์ 

9. เคลือบขี้ผึ้ง

           อีกหนึ่งทางเลือกในการเก็บถนอมหนังสือพิมพ์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ทั้งยังช่วยกันน้ำและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยการนำบีแว็กซ์หรือขี้ผึ้งธรรมชาติมาตั้งไฟอ่อน ๆ จนละลาย จากนั้นหนังสือพิมพ์ชุบลงไปช้า ๆ ให้ทั่วทั้งหน้าทีละแผ่น แล้วรีบดึงขึ้นมาทันที ถือค้างไว้ให้ขี้ผึ้งหยดจนหมดและแห้ง จึงค่อยนำไปวางพักไว้

10. ตัดเฉพาะที่อยากเก็บไว้

           เริ่มจากตัดข่าวที่เป็นส่วนสำคัญออกมา นำไปแช่ในน้ำกลั่นบริสุทธิ์ประมาณ 20 นาที นำออกมาวางทิ้งไว้ให้แห้งบนพื้นแบนราบ ที่สำคัญอากาศบริเวณนั้นต้องเป็นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ หากอุณหภูมิสูงจะทำให้กระดาษงอตัว เมื่อกระดาษหนังสือพิมพ์แห้งดีแล้ว ก็ใช้สเปรย์พ่นให้ทั่วเพื่อเคลือบกระดาษเอาไว้ รอให้แห้ง แล้วค่อยนำไปใส่ในซองพลาสติก เก็บไว้ในกล่องที่ปิดมิดชิด หรือจะเก็บใส่กรอบรูปกันรังสียูวีเพื่อตั้งโชว์ก็ได้ค่ะ

           ต่อให้กาลเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน หนังสือพิมพ์ที่คุณอยากจะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ก็จะไม่ชำรุดเสียหายอย่างแน่นอน หากใครที่กำลังมองหาวิธีการเก็บหนังสือพิมพ์ให้อยู่ในสภาพดี ก็อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikihow, Craftingagreenworld, Ehow และ Howcast
ภาพจาก nattapan72 / Shutterstock.com



Thursday, October 27, 2016

9 วิธี ทำให้รู้สึกดีในวันที่แย่ ๆ




ทุกคนล้วนมีวันที่แย่ ๆ กันทั้งนั้น เช่นไม่ว่าวันนั้นจะทำอะไร ทุกอย่างก็ดูเลวร้ายไปซะหมด เหมือนอะไรก็ไม่เข้าข้าง แต่ในความโชคร้ายก็มีเรื่องดี เมื่อเรามีวิธีที่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมานำเสนอ หลาย ๆ ข้ออาจทำให้คุณประหลาดใจ แต่หากวันใดคุณต้องมีวันเหล่านั้น อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ออกมาใช้ อาจจะช่วยลดรอยเหี่ยวย่นที่เกิดพร้อมความกังวล แถมมาก่อนวัยได้เป็นอย่างดี


1. อ่านหนังสือดี ๆ

           การอ่านหนังสือสำหรับบางคน อาจทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ โดยฉพาะหากเป็นหนังสือเล่มโปรด หนังสือของผู้แต่งที่ชื่นชอบ เพราะการอ่านหนังสือนั้นจะช่วยเปิดมุมมอง ดึงคุณไปสู่เรื่องน่ารู้ ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับสิ่งต่า งๆ มากมาย ลองหยิบหนังสือสักเล่มในวันที่เงียบเหงา แล้ววันนั้นตัวหนังสือจะโลดแล่นไปในใจคุณให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาก็เป็นได้

2. ทำดีต่อผู้อื่น

           คุณเคยสังเกตไหมว่าเมื่อคุณทำดีต่อผู้อื่น อารมณ์ของคุณก็จะดีตามไปด้วย การทำดีกับผู้อื่นมักจะทำให้วันที่แย่ๆ ของเราดีขึ้นเสมอ เพราะเราจะรู้สึกสบายใจเมื่อเราได้ช่วยเหลือคนอื่น  บางครั้งชีวิตเราก็มีคุณค่าสำหรับคนอื่นเหมือนกันนะ อย่าคิดว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าอะไรอีกเลย หันไปทำสิ่งดี ๆ กับคนรอบข้างดีกว่านะ

3. ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

           บางครั้งความยุ่งยากวุ่นวายต่าง ๆ คงทำให้คุณรู้สึกแย่ ในที่นี้หมายถึงความวุ่นวายทางใจ หากจิตใจคุณเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสับสน ปั่นป่วน  ลองนั่งสมาธิหรืออย่างน้อยที่สุดใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพักดูสิ สิ่งนี้จะสามารถทำใจให้โล่งสบายได้ เพราะคุณได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น และพร้อมจะตั้งมั่นในการแก้ไขเรื่องอะไรก็ตามให้ดีขึ้นไงล่ะ

4. กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ

           การกระตือรือร้น แอคทีฟ หรือการออกกำลังกายซะบ้างก็สามารถช่วยได้ คุณอาจไม่จำเป็นต้องถึงขนาดวิ่งเข้าโรงยิม เพียงแค่คุณมีกิจกรรมใด ๆ ก็ตามทำทุกวัน นอกจากจะช่วยด้านจิตใจแล้ว ก็ยังช่วยด้านร่างกายในการหลั่งสารเอ็นโดรฟินซึ่งจะช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีสมดุล

5. หากิจกรรมทำ

           บ่อยครั้งที่คุณสามารถพัฒนาอารมณ์ของคุณให้คงที่ได้โดยการทำงาน  รวมถึงหากิจกรรมอื่น ๆ ทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารด้วยเมนูใหม่ ๆ จัดชั้นหนังสือใหม่ ตกแต่งห้อง ลองหาต้นไม้มาปลูกเพิ่ม ทำความสะอาดครัว ฯลฯ  ในยามที่คุณกำลังมุ่งมั่นทำสิ่งใดนั้น ก็จะช่วยให้คลายความรู้สึกที่ไม่ดีที่ติดในใจได้ แถมเราจะได้สิ่งใหม่ ๆ มาประดับชีวิตเราอีกด้วย ลองดูสิ

6. แสดงมันออกมา

           จากการศึกษาพบว่าคุณควรจะแสดงในสิ่งที่คุณต้องการแสดงออกมา ถ้าคุณอยากเศร้า คุณก็จงแสดงออกมา อยากร้องไห้ ก็ร้องมาเลย  ถ้าคุณอยากจะมีความสุข คุณก็สามารถกระตุ้นตัวเองให้มีความสุขได้โดยการยิ้ม หัวเราะ ดังนั้นคุณต้องการให้ตนเองมีความสุขก็พยายามยิ้ม หัวเราะออกมา

7. กำลังใจจากผู้อื่น

           บางทีคุณก็ต้องการให้ใครสักคนนึงอยู่ข้างๆ คุณ มาทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น นั่นก็คือคุณต้องบอกคนที่คุณรักว่าคุณต้องการกำลังใจจากพวกเขา พวกเขาไม่สามารถรู้ได้โดยอัตโนมัติเพียงแค่บอกพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าลอง

8. พักผ่อน

           ความจริงก็คือ การพักผ่อนเป็นหนทางที่แทบจะดีที่สุด ที่จะทำให้คุณพักจากวันแย่ๆ ของคุณ เมื่อใดที่คุณรู้สึกแย่และเศร้า ให้คุณพักผ่อนสักขณะเพื่อให้ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นและเมื่อตื่นขึ้นมาคุณก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น

9. พูดคุยกับคนรอบข้าง

           ข้อสุดท้ายนี้ ก็คือ ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักก็ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น คุณอาจจะพูดคุยกับเพื่อนสนิทของคุณ เพียงแค่พูดคุยกับคนอื่น ๆ ก็จะทำให้อารมณ์คุณดีขึ้น

           มีหลายวิธีที่แตกต่างกันไปที่จะทำให้วันแย่ ๆ ของคุณกลายเป็นวันที่ดีได้ จริง ๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะเลือกให้ตนเองเป็นอย่างไร แต่ในวิธีการเหล่านี้ก็อาจจะมีข้อหนึ่งที่คุณรู้สึกว่ามันช่วยคุณได้จริง ๆ และคุณก็ควรจะทำเมื่อคุณรู้สึกแย่ เท่านี้วันแย่ ๆ ก็กลับกลายเป็นดีได้...อยู่ที่ตัวคุณ

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/325666616783970155/

Wednesday, October 26, 2016

กินกล้วยเสร็จแล้ว..อย่าทิ้งเปลือก เพราะมันมีประโยชน์มากขนาดนี้เลย!




เราทุกคนรู้ดีถึงประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพจากกล้วย แต่มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่า เปลือกของมันยังมีสารอาหารที่สำคัญอยู่มาก มีคนมากมายในบางประเทศอย่างเช่น คนในประเทศอินเดีย ใช้ประโยชน์อย่างสิ่งนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือ แยกเปลือกของมันออกมาด้วยช้อนที่จะทำให้ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อย่างเต็มที่

เปลือกกล้วยบรรเทาอาการแก้ปวดได้ดี

โดยการนำเปลือกกล้วยไปถูกับร่างกายที่เรารู้สึกปวดเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

สิวและริ้วรอย

กล้วยเป็นผลไม้ที่ยอดเยี่ยมชนิดหนึ่งที่สามารถให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในเปลือกกล้วยมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดริ้วรอยและสิว เราทำได้โดยการนำเปลือกกล้วยมาทาบริเวณที่เกิดอาการดังกล่าวและปล่อยทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะล้างออกด้วยน้ำสะอาด

รักษาโรคสะเก็ดเงิน

เปลือกของกล้วยมันยังรักษาโรคสะเก็ดเงินได้อีกด้วย

ฟอกสีฟัน

เพียงแค่คุณนำเปลือกกล้วยมาถูฟัน เป็นระยะเวลา 15 วันติดต่อกัน มันจะทำให้ฟันของคุณขาวขึ้นไม่อย่างน่าเชื่ออย่างแน่นอน

การกำจัดหูดที่ผิวหนัง

เปลือกกล้วยยังสามารถช่วยกำจัดหูดบนผิวหนังของคุณ อีกทั้งยังป้องกันการเกิดขึ้นของมันได้อีกด้วย 


โพสท์โดย: SpiderMeaw
ขอบคุณที่มา:อ้างอิง : healthyfoodhouse.com
แปลข้อมูลโดย : http://www.rak-sukapap.com/
http://www.rak-sukapap.com/2016/10/blog-post_368.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/246501779578367149/

Tuesday, October 25, 2016

10 วิธีเผด็จศึกความเปลี่ยนแปลง ด้วยหัวใจที่เบิกบาน



          ความเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด อาจเป็นเรื่องยากที่เราจะทำใจยอมรับได้ แต่หากเรามีสติ และเตรียมพร้อมแต่เนิ่น ๆ เราก็จะผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนจนเกินไปนัก


          ไม่มีใครหยั่งรู้ "อนาคต" นั่นจึงทำให้คนจำนวนไม่น้อย ไม่สามารถรับความเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับฉับพลันที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ พลอยทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ แต่ถ้าปล่อยให้สภาพจิตใจย่ำแย่อยู่อย่างนี้ คงกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นแน่แท้ คอลัมน์ Life Management โดย พัชร์-ภัทร์ จากนิตยสาร Secret จึงฝาก 10 วิธีเผด็จศึกความเปลี่ยนแปลงด้วยหัวใจที่เบิกบาน มาแนะนำให้คนที่ประสบพบเจอความเปลี่ยนแปลงได้ลองปรับตัวไปทีละขั้น เพื่อยอมรับในความจริงที่เกิดขึ้น

           ความไม่แน่นอน เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด แต่ธรรมชาติของคนเราก็ไม่มีใครชอบความเปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่ความเปลี่ยนแปลงทั้งดีและไม่ดีนั้นอยู่รอบ ๆ ตัวเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์บ้านเมือง ดินฟ้าอากาศ คน สัตว์ สิ่งของ หรือแม้ตัวของเราเองก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้

          หลายครั้งที่สถานการณ์นั้น "ยาก" แก่การทำใจ เช่น การสูญเสียคนที่เรารัก หรือต้องสูญเสียสิ่งที่สร้างมากับมือ แต่เราจะมีวิธีอยู่กับความเปลี่ยนแปลงอย่างไรให้มีความสุข

          วันนี้ Life Management มีวิธีดี ๆ ที่เชื่อว่าทุกคนทำได้แบบ Step by Step มาฝากกันค่ะ


Step 1 ฝึกเป็นคนช่างสังเกต

          ก้าวนี้เป็นก้าวแรกที่จะทำให้คุณรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น เพราะบางคนเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบวันต่อวันจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบตัว หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "ชะล่าใจ" คิดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้นกับเรา พอวันหนึ่งเมื่อเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นจริง ๆ ก็จะเกิดอาการช็อก ตั้งตัวไม่ทัน เพราะไม่เคยเตรียมใจมาก่อน ขอแนะนำว่าให้ลองมองหาสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงสักนิด เพื่อชีวิตของคุณจะได้ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท

Step 2 ตั้งคำถามตามตัวเอง

          เมื่อคุณมองเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเริ่มส่อเค้าแล้ว ให้ถามตัวเองว่า สิ่งที่แย่ที่สุดที่จะมีผลกระทบต่อคุณคืออะไร คุณอาจลองจินตนาการโดยลองสมมติว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์นั้น เพื่อหยั่งความรู้สึกว่าคุณจะรับได้แค่ไหน ทั้งนี้ก็เพื่อหาวิธีป้องกันไว้ล่วงหน้า ไม่ให้สติแตกเวลาที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ที่ว่านั้นขึ้นมาจริง ๆ

Step 3 เปลี่ยนอะไรไมได้เปลี่ยนใจตัวเองง่ายกว่า

          เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว สิ่งที่คุณควรทำคือการทำใจยอมรับความจริงให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสิ่งนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยเกินกว่าที่คุณจะแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนอะไรได้ ช่วงแรกคุณอาจรู้สึกเป็นทุกข์ เดือดเนื้อร้อนใจ ก็ขอให้คุณพยายามสูตลมหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมาให้เร็วที่สุด เพราะบางครั้งอาจมีเรื่องที่คุณต้องแก้สถานการณ์ด่วน หรือมีการตัดสินใจสำคัญ ๆ รอคุณอยู่

Step 4 หาข้อดีและคิดในทางที่ดี

          เพื่อคลี่คลายสถานการณ์จากหนักให้เป็นเบา ขอให้คุณมองหาข้อดีจากความเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น สิ่งนี้หรือเหตุการณ์นี้ทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น เข้าใจโลก เข้าใจชีวิตมากขึ้น และสุดท้ายมันก็จะผ่านไป

Step 5 ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

          การอยู่กับความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือ ต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ฝึกเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันทุกวัน อย่าทำใจต่อต้าน แต่ให้อยู่อย่างมีความหวังและพยายามบอกตัวเองทุกวันว่า "ฉันต้องทำได้", "ฉันจะก้าวข้ามช่วงเวลานี้ไปให้ได้" โดยไม่ลืมที่จะสร้างความมั่นใจให้กลับคืนมาทีละเล็กละน้อย

Step 6 รักษาสมดุลของกายและใจด้วยการฝึกสมาธิ

          เมื่อคุณพบหนทางเริ่มคุ้นเคยกับการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่แล้ว คุณควรเรียนรู้การฝึกทำสมาธิ เพื่อสะสมพลังจิต โดยหมั่นนึกคำบริกรรมที่คุณชอบ (อาจเป็นพุทโธ สัมมาอะระหัง ยุบหนอพองหนอ) ครั้งละ 5 นาที วันละ 3 ครั้ง (เช้า กลางวัน เย็น) ทั้งนี้ เพื่อฝึกรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียว ใจของคุณก็จะมีพลัง แข็งแรง ฟุ้งซ่านน้อยลง และสามารถเผชิญความทุกข์ได้ดีขึ้น

Step 7 เอาความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมา

          หลังฝึกสมาธิเพื่อสะสมพลังจิตแล้ว คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับตัวคุณเองอย่างชัดเจนคือ คุณจะมีความอดทนอดกลั้นมากขึ้น ไม่หงุดหงิดรำคาญใจอะไรง่าย ๆ นอกจากนี้ยังมีสติ คิดสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดรอบคอบ มีวุฒิภาวะ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเร้ารอบข้าง ใจของคุณจะนิ่งขึ้น ส่งผลให้คุณมีความมั่นใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นด้วย และสุดท้ายความเป็นตัวของตัวเองก็จะกลับมหาคุณ

Step 8 แสวงหาโอกาสดี ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในการเปลี่ยนแปลงนั้น

          ฟ้าหลังฝนมีความสดใสฉันใด ชีวิตของคนเราหลังผ่านความทุกข์มาย่อมเจอทางสว่างฉันนั้น ให้คุณจำไว้ว่า โอกาสดี ๆ ย่อมมีแก่ผู้ที่แสวงหาโอกาสเสมอ ที่สำคัญคือ คุณควรให้โอกาสตัวเองในการเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ โดยอาจเริ่มจากสิ่งที่คุณชอบและสนใจ ซึ่งจะช่วยให้คุณลืมความทุกข์และมีความสุขง่ายขึ้นและเร็วขึ้น

Step 9 หันหลังให้กับความทุกข์

          เมื่อพบสิ่งที่ชอบและใช่แล้ว คุณควรใช้เวลาอยู่กับสิ่งนั้นเพื่อให้จิตใจของคุณให้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่ และเมื่ออณูของความสุขหนาแน่นขึ้น ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณควรหันหลังให้ความทุกข์อย่างเด็ดขาด เหลือไว้แต่ความทรงจำดี ๆ ที่น่าประทับใจ และเป็นประโยชน์กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณ

Step 10 ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง และอย่าลืมภาคภูมิใจที่มาถึงจุดจุดนี้

          เมื่อมาถึงจุดนี้ได้ก็แสดงว่าคุณสามารถเอาชนะ ความทุกข์ ความเศร้าโศก เสียใจที่เคยเกาะกินหัวใจได้แล้ว จงภูมิใจและดีใจเถอะว่า ตอนนี้คุณคือผู้ชนะในเกมของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นดั่งบททดสอบของชีวิต และแน่นอน ไม่มีใครช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้เท่ากับตัวเราเอง

          ...วันนี้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วหรือยังถักยัง ลองทำตาม 10 ขั้นตอนที่นำมาฝากดูนะคะ

เรื่อง พัชร์-ภัทร์
ข้อมูลจาก Secret