Saturday, May 31, 2014

กฎเหล็ก 6 ข้อ ดับร้อนด้วยไอศกรีมเต็มอิ่มแต่หุ่นไม่พัง




        อากาศร้อนแบบนี้ ใครจะไปทนความเย็นเกินห้ามใจไหวของ "ไอศกรีม" ได้กัน แต่ถ้าไม่อยากให้หุ่นพังล่ะก็ Lisa มีเคล็ดลับมาฝาก


1. อย่าซื้อมากักตุน

          ถ้าคุณมีไอศกรีมเก็บอยู่ในช่องฟรีซของตู้เย็นละก็ จิตใจมันก็จะพะวักพะวนนึกอยากจะกิน และยังเป็นเรื่องง่ายที่สามารถไปหยิบกินได้ทุกเวลา ต่อให้ช่วงนี้อากาศจะร้อนแค่ไหน ไอศกรีมก็ยังเป็นของที่สมควรจะเดินทางไปซื้อหาเมื่อความอยากเข้าครอบงำจริง ๆ มากกว่า


2. จัดไปให้หายอยาก แต่ต้องมีลิมิต

          จำกัดปริมาณการกินของตัวเองสักหน่อย อย่าซัดโฮกตามใจปากท่องให้ขึ้นใจว่าไอศกรีมไม่ใช่ข้าว ไม่ใช่อาหารจำเป็นที่ขาดไม่ได้ กินให้รู้สึกปลื้มปริ่มว่าได้กินก็พอแล้ว



3. อย่าหลงระเริงกับคำว่า "ไขมัน 0%"

          ต่อให้เป็นไอศกรีมเชอร์เบ็ตไขมันต่ำแค่ไหน ก็อย่าลืมว่ารสชาติหวานอร่อยนั่นน่ะ น้ำตาลล้วน ๆ ปัจจัยแห่งความอ้วนที่พร้อมจะวิ่งเข้าหา เมื่อไรก็ตามที่คุณเผลอตัวจนกินมากเกินไป ถึงเขาจะบอกว่า ไขมัน 0% แต่เขาไม่ได้บอกนี่ว่าแคลอรี 0%…ชัดนะ?


4. ให้ไอศกรีมเป็นเพชรยอดมงกุฎ

          งงล่ะสิ ! หลักการนี้พูดง่าย ๆ ก็คือ ให้กินผลไม้ไปพร้อม ๆ กับไอศกรีม อาจจะใช้เป็นผลไม้แช่ช่องแข็งให้เย็นฉ่ำก็ได้ โดยสมมติให้ผลไม้เป็นฐานมงกุฎ ส่วนไอศกรีมก็เป็นเหมือนเพชรที่ประดับอยู่บนยอดมงกุฎนั่นเอง ทุกช้อนที่คุณตักไอศกรีมขึ้นมาต้องมีผลไม้ติดอยู่ด้วย


5. Single-Serve ก็พอแล้วนะ

          ต่อให้เมื่อคำนวณแล้วราคาของไอศกรีมถ้วยใหญ่จะคุ้มกว่าแค่ไหนก็ตาม ซื้อในปริมาณน้อย ๆ แค่เสิร์ฟเดียวก็พอแล้ว เพราะเมื่อลองเทียบกับสุขภาพและรูปร่างที่เสียไปเมื่อคุณกินเยอะ ราคาที่ลดลงถือว่าไม่คุ้มเลย ซึ่งขนาด 1 เสิร์ฟของไอศกรีมอยู่ที่ประมาณส้มครึ่งผลเท่านั้นเอง


6. ทำเองได้ก็ทำเองเลย

          ถ้าคุณชื่นชอบไอศกรีมมากจริง ๆ ก็ลงทุนซื้อเครื่องทำไอศกรีมแล้วลงมือทำเองไปเลย เพราะจะได้ควบคุมปริมาณของส่วนผสมอ้วน ๆ ได้ง่าย ๆ และก็ซัดได้เต็มคราบแบบไม่ต้องกลัวหุ่นเสีย

 
Make Your Own Taste

          ส่วนผสม

          ผลไม้ที่คุณชอบ เช่น สตรอว์เบอร์รี หรือมะม่วง 1 ถ้วย, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ถ้วย, นมถั่วเหลือง 1 ถ้วย, น้ำตาลเล็กน้อย

          วิธีทำ

         
1. นำนมถั่วเหลืองตั้งไฟให้อุ่น ใส่น้ำตาล คนให้ละลายแล้วยกลง
         
2. ปั่นผลไม้ให้พอหยาบ ๆ ผสมโยเกิร์ตลงไป แล้วตามด้วยนมที่อุ่นแล้ว
         
3. นำส่วนผสมใส่เครื่องทำไอศกรีมหรือแช่ช่องฟรีซแล้วนำออกมาคนทุกชั่วโมง

แหล่งที่มา  Lisa, http://health.kapook.com/view88052.html

Friday, May 30, 2014

อาหารแบบไหนที่ทำให้เราแก่ขึ้น




        สำหรับอาหารที่ทานแล้วอ้วน มีไขมันสะสมในร่างกายนั้น เราก็คงจะทราบกันมาพอสมควรแล้วว่าเป็นอะไรประเภทไหนบ้าง แต่สำหรับอาหารที่ทานแล้วแก่เร็วขึ้นล่ะ ! พอพูดถึงแก่ขึ้น สาว ๆ อย่าตกใจไปค่ะ เรามาดูกันเลยดีกว่า ว่าเราควรจะเลี่ยงอาหารประเภทไหน เพื่อให้เราไม่แก่เร็วกว่าวัยอันควร

        
อาหารที่มีรสหวานจัด หรืออาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง เนื่องจากการบริโภคน้ำตาลและแป้งในปริมาณที่มากเกินจะไปกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสื่อมของร่างกายมากขึ้น ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอย


         อาหารที่มีไขมันทรานส์ ไขมันทรานส์พบมากในมาร์การีนหรือเนยเทียม ผลิตภัณฑ์เบเกอรี คุกกี้ เฟรนช์ฟรายด์ การกินอาหารที่มีไขมันทรานส์ในปริมาณมาก จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้แก่ก่อนวัยได้ โดยจะทำให้เซลล์ผิวขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอย

 
        
อาหารทอดด้วยน้ำมันซ้ำซาก เช่น ปาท่องโก๋ ทอดมัน ไก่ทอด เป็นต้น น้ำมันที่ทอดอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและอาจเกิดเป็นสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

 
        
แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวที่เร่งความแก่ให้มาเยือนก่อนเวลาอันควร

 
          นอกจากหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เราแก่เร็วขึ้นแล้ว อย่างอาหารรสหวานจัด หรืออาหารที่มีไขมันทรานส์ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่ช่วยต้านความแก่ด้วยจะได้ช่วยให้เราดูอ่อนเยาว์ อย่างเช่น อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักผลไม้ พืชสมุนไพรต่าง ๆ หรืออาหารที่มีวิตามินซี หรืออี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและริ้วรอยแห่งวัย

 
          นอกจากนี้ อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอโดยเลือกน้ำดื่มสะอาดหรือน้ำแร่ก็ได้ เพราะน้ำที่เราดื่มนั้นเสมือนเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ และยังช่วยในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยให้เราดูสดใสอ่อนกว่าวัยได้เช่นกันนะคะ

  
แหล่งที่มา  woman plus, http://health.kapook.com/view89284.html
เครดิตภาพ  https://uk.pinterest.com/pin/411797959652916253/

Thursday, May 29, 2014

5 สัญญาณส่อแวว รักเริ่มอันตราย




      จู่ ๆ ก็บอกว่ามีธุระ ทั้ง ๆ ที่นัดกันดิบดี...จู่ ๆ ก็บอกว่าอยากมีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ ๆ...ปกติยอมและตามใจตลอด แต่พักหลังไม่ทำซะงั้น เอ๊ะ ๆ แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน...คุณสาว ๆ ที่กำลังพบเจอกับปัญหาแบบนี้ ตามเราไปดูกันดีกว่า "ความรัก" ของคุณอยู่ในช่วงอันตรายหรือเปล่า

    
ทำตัวห่างเหิน : ติดงานบ้างล่ะ ติดเพื่อนบ้างล่ะ ต้องพาแม่ไปซื้อของบ้างล่ะ ฯลฯ โอ้ย! เหตุผลร้อยแปดที่เขานำมาบอก หลังจากที่ยกเลิกนัดคุณไปแบบกระทันหัน ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน เขาก็มักหาเวลามาให้คุณได้เสมอ เพราะคุณคือคนสำคัญ แต่ตอนนี้กลับบอกไม่มีเวลา

    
พูดคุยกันน้อยลง : จากปกติจะโทรศัพท์หาคุณเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอนอีก เรียกว่าโทรหาตลอดเวลาก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้น้อยลง อย่างมากก็แค่วันละครั้ง แถมรีบวางอีก พอคุณโทรกลับไปหาก็บอกว่าไม่ว่าง ไม่ได้ยิน ทำธุระอยู่ หรือหากมีโอกาสได้คุยกัน ก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเหมือนเคย

    
ไม่สนใจ : ไม่ว่าคุณจะพูดคุยอะไรด้วย เขาก็ทำเฉย ๆ ไม่แสดงอาการโต้ตอบ ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขที่ท่านเรียก ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนคอยเป็นห่วงเป็นใย ถามไถ่คุณตลอดเวลาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เขาอยากรับรู้หมด

    
เปลี่ยนแปลงตัวเอง : เมื่อก่อนไม่ว่าคุณจะคะยั้นคะยอ ให้เขาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเท่าไหร่ก็ไม่เคยสำเร็จ แถมยังโดนบ่นอีกว่าคุณไปยุ่งเรื่องของเขา เพราะเขาชอบแต่งตัวสไตล์แบบนี้ แต่ทำไมเดี๋ยวนี้กลับหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น ลุกขึ้นมาเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของตัวเองกว่าแต่ก่อน พอถามก็ไม่ยอมบอกอะไร  มันยังไงกัน

    
ทำอะไรผิดเสมอ : เขาชอบหงุดหงิดใส่ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ผิดไปหมด ขนาดเลือกร้านข้าวยังไม่ถูกใจเขาเลย แหม...ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนยอมคุณตลอด ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ถูกเสมอ แถมยังสนับสนุนอีก

      นี่เป็นเพียงแค่พฤติกรรมเพียงเล็กน้อยที่เรานำมาบอก ลองเอาไปเทียบกับ "ชีวิตรัก" ของคุณดูว่าเข้าข่ายหรือเปล่า

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, May 28, 2014

17 เรื่องลับ ๆ ของแมวที่คุณอาจยังไม่เคยรู้




          แม้แมวจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่ทว่าเป็นสัตว์ที่น่าค้นหาและมีสิ่งที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกมาก มาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางกายภาพพฤติกรรม หรืออารมณ์ของแมว และเป็นเพราะแมวไม่อาจสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันกับคนได้ ดังนั้น Reader's Digest จึงนำเรื่องลับ ๆ ของแมว ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาเปิดเผยให้ทราบกัน มีอะไรบ้าง ทาสแมวลองไปอ่านเลยจ้า

1. แมวมีเซนส์อันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหว

         เนื่องจากใต้อุ้งเท้าของแมวค่อนข้างเซนซิทีฟ ดังนั้นแมวทุกตังจึงสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ส่วนคุณเองก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน โดยสังเกตได้จากพฤติกรรมแปลก ๆ หรือแตกต่างออกไปจากเดิมนั่นเอง และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีคนบางกลุ่มใช้อุ้งเท้าแมวในการหาค้นหาเหตุแผ่น ดินไหวจากแรงสะเทือนด้วย




2. กลืนและย่อยอาหารได้โดยไม่ต้องเคี้ยว

         อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ กระเพาะของแมวสามารถย่อยและดูดกลืนอาหารได้โดยไม่ต้องเคี้ยว ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากทีเดียวสำหรับเจ้า ลิล บับ (Lil Bub) หนึ่งในแมวเซเลบชื่อดังจากโลกออนไลน์ เพราะมันเป็นแมวที่ไม่มีฟันตั้งแต่กำเนิด จะได้ไม่มีอะไรให้กังวล

3. แมวเป็นนายที่แท้จริงของบ้าน

          เพราะแมวสามารถเปล่งโทนเสียงเพื่อใช้ควบคุมพฤติกรรมของคนได้ อย่างเช่น ในเวลาที่แมวต้องการจะกินอาหาร มันก็จะใช้โทนเสียงที่ฟังคล้าย ๆ กับเสียงร้องไห้ออกมา เพื่อเป็นการกระตุ้นคุณให้เอาอาหารให้มันเร็วขึ้น เป็นต้น



4. แมวก็มีฝันเหมือนกัน

          ความฝัน มักจะเกิดขึ้นเมื่อแมวอยู่ในภาวะผ่อนคลาย และสบายตัวมากพอที่จะทำให้พวกมันหลับลึก โดยในช่วงดังกล่าวแมวจะมีการสร้างรูปแบบของคลื่นสมองแบบเดียวกันกับเวลาที่ คนกำลังฝันนั่นเอง

5. แมวไม่เข้าใจการโดนลงโทษ

          การโดนลงโทษไม่มีผลใด ๆ กับแมวเลย เพราะแมวไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่คุณทำ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการฝึกแมวให้ทำตามคำสั่ง ก็ควรสอนด้วยความอดทน คำชม และตอบแทนด้วยรางวัล ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า



6. การแตะจมูกเป็นการทักทายอย่างหนึ่ง

           เวลาที่เห็นแมวเอาจมูกมาแตะกันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะอาการดังกล่าวเป็นแค่การทักทายแบบแมวทั่วไป แต่อย่างไรพวกมันจะทักทายด้วยวิธีดังกล่าวกับแมวที่คุ้นเคยเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่การสื่อสารเพื่อเช็กข้อมูลว่า อีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง

7. ไม่มีใครรู้ว่า เสียงคราง เกิดจากอะไร

          กระทั่งถึงตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่รู้ว่า เสียงครางของแมวเกิดขึ้นได้อย่างไร และเกิดจากระบบส่วนใดกันแน่ ในขณะที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เกิดจากบริเวณลำคอ แต่ก็มีบางกลุ่มที่คิดว่า น่าจะเกิดจากระบบไหลเวียนเลือดมากกว่า




8. แมวครางเพื่อแสดงความพอใจ

          ถึงแม้แมวจะครางเมื่อรู้สึกพึงพอใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางครั้งที่แมวครางเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยได้เช่นเดียวกัน และถ้าหากคุณคุ้นเคยกับแมวมากพอ ก็จะสามารถแยกความแตกต่างของเสียงครางของแมวได้ด้วยตัวเอง

9. แมวส่งเสียงครางได้นานกว่าที่คิด

          หลายคนอาจจะคิดว่า แมวส่งเสียงครางเป็นบางเวลาและมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ขณะที่กำลังมีความสุขหรือพึงพอใจ แต่แท้จริงแล้วแมวสามารถครางได้นานกว่านั้น แต่บางตัวอาจครางนานเป็นสัปดาห์เลยก็มี



10. ลูกแมวครางได้โทนเสียงเดียว

         ถึงแม้ว่าในขณะที่เป็นลูกแมวจะสามารถส่งเสียงครางได้เพียงโทนเสียงเดียว แต่ทว่าหลังจากที่พวกมันโตขึ้น พวกมันจะสามารถส่งเสียงครางได้ถึง 2-3 โทนเสียงเลยทีเดียว

12. ช็อกโกแลต คืออาหารต้องห้าม

        ไม่ใช่แค่สุนัขเท่านั้นที่ไม่สามารถกินช็อกโกแลตได้ แต่แมวก็กินขนมชนิดนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะช็อกโกแลตมีสารบางชนิดที่เป็นอันตรายกับหัวใจ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แมวเสียชีวิตได้เลย



13. ไม่ควรผูกมิตรด้วยการสบตา

         เพราะแมวไม่ชอบการสบตา และจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนคุกคาม โดยหากแมวหันไปสบตากับอะไรบางอย่างโดยบังเอิญ พวกมันจะกระพริบตาและหรี่ตาลงทันที ถ้าหากคุณอยากจะผูกมิตรกับแมวก็ควรจะใช้วิธีอื่น หรือมองไปด้านข้างแทนที่จะสบตากับแมวโดยตรง

14. เนื้อสดช่วยบำรุงฟัน

         เนื้อสัตว์สด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดใดก็ตาม ต่างก็มีประโยชน์กับแมวด้วยกันทั้งนั้น เพราะการเคี้ยวเนื้อสดจะช่วยให้เหงือกและฟันของแมวมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ยิ่งขึ้น



15. ทนต่อความร้อนได้ดี

         สาเหตุที่ทำให้แมวสามารถทนกับความร้อนได้ดีก็เพราะว่า บรรพบุรุษของแมวเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายมาก่อน ไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านเหมือนอย่างที่เห็นในปัจจุบันนั่นเอง

16. ชีพจรเปลี่ยนแปลงตามอายุ

         โดยปกติอัตราความเร็วของชีพจรของแมว เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับช่วงอายุของแมว ซึ่งชีพจรของแมวจะเต้นช้าลงเมื่อแมวมีอายุเพิ่มขึ้น



17. แมวก็มีเหงื่อเหมือนกัน

         ถึงแม้เจ้าของไม่อาจสัมผัสได้จากผิวหนังตามลำตัวของแมว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แมวไม่มีเหงื่อซะเดียว เพราะจริง ๆ แล้วแมวก็มีเหงื่อเหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะปรากฏบริเวณอุ้งเท้านั่นเอง

         ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความลับของแมวทั้ง 17 ข้อที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจถึงนิสัยกับพฤติกรรมของแมว และเลี้ยงแมวอย่างถูกวิธีมากขึ้นนะคะ



เครดิตภาพ  lovethispic.com