Monday, August 31, 2015

เล็บบอกโรค เช็คสิ ! ตอนนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า




         ลักษณะของเล็บที่ผิดปกติ เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าคุณกำลังเป็นโรคอะไรอยู่ ก้มมองเล็บแล้วเช็คดูเลยว่าคุณกำลังเสี่ยงจะเป็นโรคอะไรนะ ?

          เคยสังเกตหรือไม่ว่า บางทีเล็บของเราก็เปลี่ยนสี หรือบางทีอาจมีรอยแปลก ๆ มาปรากฎให้เห็น เชื่อว่าหลายคนเมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรและปล่อยผ่านไป ซึ่งรู้ไหมว่าการที่เล็บมีลักษณะที่ผิดปกติไปนั้น เป็นสัญญาณเตือนบอกให้รู้ว่าสุขภาพของคุณเป็นอย่างไร แถมยังบอกให้รู้ด้วยว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคอะไร ถ้าไม่อยากเจ็บไข้ได้ป่วยละก็ ลองก้มมองเล็บแล้วเช็คกันเลยค่ะ ...

เล็บหนาหรือมีสีเหลือง

          หากสังเกตเห็นว่าเล็บดูหนาหรือดูเหลือง ๆ ที่ไม่ได้มาจากการทาเล็บบ่อย ก็ต้องบอกเลยว่านี่แหละที่เป็นสัญญาณของโรคเชื้อรา

เล็บอ่อนแอเปราะหักง่าย

          การที่เล็บเปราะหักง่ายก็เกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มขึ้น หรือการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งเล็บที่รุนแรงมากเกินไป และก็ยังเป็นการเตือนว่าร่างกายของคุณกำลังขาดวิตามินเอ วิตามินซี หรือไบโอตินที่ช่วยให้เล็บแข็งแรงด้วย

เล็บสีซีด

          ถ้าสังเกตเห็นว่าเล็บเป็นสีขาวซีดแบบผิดปกติเอามาก ๆ นั่นแหละที่เป็นสัญญาณบอกของโรคโลหิตจาง เบาหวาน และ โรคตับ

เล็บแตก

          เมื่อไรที่เห็นว่าเล็บแตกละก็ อย่าปล่อยนิ่งเฉยไว้ เพราะนี่คือสัญญาณเตือนของโรคสะเก็ดเงินนั่นเอง

เล็บสีฟ้า

          แค่เห็นว่าเล็บเปลี่ยนเป็นสีฟ้าก็น่าตกใจแล้ว ถ้ายิ่งรู้ว่าเป็นสัญญาณบอกโรคระบบทางเดินหายใจ และ หลอดเลือดมีปัญหาด้วยแล้ว ยิ่งน่าสะพรึงมากกว่าอีกนะ

เล็บมีขีดสีขาว

          อย่าคิดว่าเล็บมีขีดสีขาวขึ้นแล้วจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนี่คือสัญญาณของโรคไต ตับกำลังมีปัญหา และเตือนว่าคุณกำลังขาดสารอาหารอย่างเช่น โปรตีน เป็นต้น

เล็บโค้งเข้าด้านใน

          นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายของคุณกำลังขาดธาตุเหล็ก แต่ถ้าโค้งเป็นรูปช้อนละก็ เป็นสัญญาณบอกถึงโรคลูปัสนั่นเองค่ะ

เล็บมีแถบสีดำ

          เมื่อไรที่เห็นว่าเล็บมีแถบสีดำขึ้นที่เนื้อเยื่อใต้แผ่นเล็บ นั่นเป็นสัญญาณบอกแล้วล่ะว่าคุณเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma) ที่แสนจะอันตราย


          โอ้ โห ... ไม่นึกเลยเนอะว่าส่วนที่หลายคนมองข้ามอย่าง เล็บจะบอกถึงสุขภาพและโรคได้มากเพียงนี้ ใครที่ลองเช็คแล้วเสี่ยงโรคไหน ลองไปพบแพทย์อีกทีเพื่อความชัวร์ด้วยดีกว่านะคะ



ข้อมูลจาก : bustle และ prevention
http://health.kapook.com/view127856.html
เครดิตภาพ   http://health.teenee.com

Sunday, August 30, 2015

ส้มตำ อาหารบ้าน ๆ มากด้วยคุณภาพ




แค่ 1 ครก สุขภาพก็ดีได้ มาดูกันก่อนว่า ส้มตำมีเครื่องปรุงและส่วนผสมอะไรบ้าง

เครื่องปรุงประกอบด้วย

          มะละกอสับตามยาว 1 ถ้วย (100 กรัม) , มะเขือเทศสีดา3 ลูก (30 กรัม) , มะละกอสุก 1 ถ้วย (100 กรัม) , พริกขี้หนูสด10 เม็ด (15 กรัม)กระเทียม 10 กลีบ (30 กรัม) ,น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม) ,น้ำปลา1/2 ช้อนโต๊ะ (8 กรัม) ,น้ำปลาร้าต้มสุก1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม), ผักสด ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ยอดผักบุ้ง ยอดและฝักกระถิน ยอดมะยม ชนิดละ50 กรัม

สรรพคุณทางยา

         
1.มะละกอ ผลดิบ ต้มกินเป็นยาบำรุงน้ำยม ขับพยาธิ แก้บิด แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้ริดสีดวงทวาร ช่วยย่อยอาหาร ขับน้ำดี น้ำเหลือง

         
2.มะเขือเทศ รสเปรี้ยว เป็นผักที่ใช้แต่งสีและกลิ่นอาหาร ช่วยระบายบำรุงผิว

         
3.มะกอก รสเปรี้ยว ฝาด หวาน แก้โรคธาตุพิการ เพราะน้ำดีไม่ปกติ แก้บิด แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ผลสุกทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ

         
4.พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหารขับลม ช่วยย่อย

         
5.กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรียและไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด

         
6.มะนาว เปลือกผลรสขม ช่วยขับลม น้ำในลูกรสเปรี้ยว แก้เสมหะ แก้ไอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิต

         
7.ผักแกล้มต่าง ๆ ได้แก่ ถั่วฝัก รสมันหวาน ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้ บำรุงธาตุดิน

         
กะหล่ำปลี รสจืดเย็น กระตุ้นการทำงานของกระเพาะลำไส้ บำรุงธาตุไฟ

         
ผักบุ้ง รสจืดเย็น ต้มกินใช้เป็นยาระบาย ทำให้อาเจียน เนื่องจากพิษของฝิ่นและสารหนู

         
กระถิน รสมัน แก้ท้องร่วง สมานแผล ห้ามเลือด ถ่ายพยาธิ

         
มะยม ใบต้มกิน เป็นยาแก้ไอ ช่วยดับพิษไข้ บำรุงประสาท ขับเสมหะ บำรุงอาหาร แก้พิษไข้อีสุกอีใส โรคหัดเลือด

ประโยชน์ทางอาหาร

          ส้มตำ 1 ครก จะมีหลายรสชาติ เช่น เปรี้ยว มัน เค็ม หวาน (น้ำตาลแล้วแต่คนชอบ) ขม (เปลือกมะนาวหรือผลมะกอก) อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่ให้คุณค่าแก่ร่างกายสูง โดยเฉพาะเมื่อนำมาแกล้มกินกับผัก


โดย สถาบันการแพทย์แผนไทย สสส.
http://health.kapook.com/view7702.html

Tuesday, August 25, 2015

10 นิสัยเหล่านี้แหละที่พาเราจน แม้จะมีรายได้เหมาะสมก็ตาม




          10 พฤติกรรมต่อไปนี้ทำให้เรายังจน แถมยังเป็นสาเหตุทำให้เก็บเงินแทบจะไม่ได้ รู้แบบนี้เลี่ยงด่วน

          เคยได้ยินไหมคะว่าความรวยไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้ที่สูงหรือต่ำ แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เงินของเราต่างหาก ซึ่งถ้าในตอนนี้คุณเองก็ได้แต่สงสัยมาโดยตลอดว่าเงินที่หามาได้ในแต่ละเดือนนั้นหายไปไหนหมด แล้วทำไมเงินที่เหลือติดบัญชีจึงเป็นหลักร้อยมานานหลายปี ลองมาสำรวจให้ไวเลยว่า คุณเผลอมี 10 พฤติกรรมการใช้เงินที่พาให้จนแบบถาวรตามนี้หรือเปล่า

1. เงินเดือนขึ้น ก็ใช้จ่ายมากขึ้นตามเป็นเงา

          เงินเดือนขึ้นทุกปีก็จริง แต่คุณเองก็มีพฤติกรรมการใช้เงินที่แปรผันตรงกับจำนวนรายได้ที่เพิ่มขึ้นมา แบบติด ๆ อย่างนี้จะเหลือเงินที่ไหนมาเก็บกันล่ะ ฉะนั้นพยายามบริหารจัดการรายได้ให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเท่านั้นจะดีกว่า

2. ใช้เงินโดยไม่แคร์อนาคต

          แนวคิดใช้ชีวิตเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย ใช้ไม่ได้กับความรวยโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นคนที่ใช้จ่ายเงินแบบลืมนึกถึงชีวิตในอนาคตมาโดยตลอด ลองปรับเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่เถอะค่ะ โดยอาจจะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งไว้ใช้จ่ายตามจำเป็น แล้วกันส่วนหนึ่งไว้เก็บออมเพื่ออนาคตที่สดใส

3. เอาน่า ! เดี๋ยวค่อยออมเงินก็ได้

          อ๊ะ ๆ ใครที่คุ้นกันดีกับประโยคแนวนี้ ต่อให้ทำงานแทบตายหรือมีเงินเดือนสูงแค่ไหนก็ยากที่จะรวยนะบอกเลย เพราะหากมีเงินเท่าไรก็ใช้หมดไม่เหลือไว้ออมสักที แล้วอย่างนี้เราจะมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำจนเรียกว่ารวยได้เมื่อไรกันล่ะ

4. ไม่จดบัญชีรายรับ-รายจ่าย

          บัญชี รายรับ-รายจ่ายมีความสำคัญมากกับวิถีการใช้เงินและโอกาสในการออมเงินของเรานะคะ เพราะเมื่อเราได้เห็นชัด ๆ ว่าวัน ๆ เราควักกระเป๋าจ่ายอะไรออกไปเท่าไรบ้าง หรือมีเงินเข้ากระเป๋าเป็นจำนวนเท่าไร เราจะสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พูดง่าย ๆ ก็คือ เราจะเห็นว่าควรลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ฟุ่มเฟือยตรงไหนออกไป เพื่อให้พฤติกรรมการใช้เงินเหมาะสมกับรายได้ที่รับเข้ามามากที่สุด

5. ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ แต่ไม่ดูความจำเป็นและฐานะของตัวเอง

          นิสัยข้อนี้เรียกให้คุ้นหูก็ต้องพูดกันตรง ๆ ว่า ฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ ยิ่งกับคนไหนที่ซื้อของไม่บันยะบันยัง เอะอะก็ควักจ่ายตลอด แถมยังเป็นการซื้อโดยไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองความจำเป็น และสถานภาพการเงินในกระเป๋าสักนิด แบบนี้ได้เงินมาเท่าไรก็คงใช้แบบเดือนชนเดือนวันยังค่ำ

6. ก่อหนี้ไม่รู้จบ

          รายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือหนี้ก้อนโต ใครที่อยู่ในสภาวะนี้ขอให้รีบเคลียร์หนี้สินโดยด่วนค่ะ เพราะหากคุณปล่อยปละละเลยการชดใช้หนี้ ดอกเบี้ยที่มากับหนี้ก็จะยิ่งทบทวีคูณ โดยเฉพาะหากเป็นหนี้บัตรเครดิต ถ้าคุณไม่สามารถปิดหนี้ก้อนนี้ได้หมด วงเวียนการเป็นหนี้และต้องใช้หนี้จะยังคงติดตัวไปโดยตลอด ลดช่องทางและโอกาสในการออมเงินเพื่อความรวยอย่างมั่นคงไปเรื่อย ๆ

7. เทคโนโลยีใหม่มา ไม่เคยพลาด

          วิ่งตามกระแสแฟชั่นมันเอาท์ไป อย่างเราต้องตามกระแสพวกแก็ดเจ็ต และความทันสมัยของเทคโนโลยีเท่านั้น และต่อให้อุปกรณ์พวกนี้จะแพงเกินรายได้เกือบทั้งเดือนก็หาได้แคร์ไม่ พี่ต้องถอยใหม่ตลอด ๆ ทว่าหากยังคงนิสัยเดิมแบบนี้อีกต่อไป ก็เท่ากับว่ากำลังเดินห่างไปจากความร่ำรวยมากขึ้นเท่านั้นนะคะ เพราะถ้าลองคิดกันดี ๆ เหล่าอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน มือถือ แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์ ระยะเวลาการใช้งานของแต่ละรุ่นก็ยาวนานหลายปี ซึ่งก็แปลว่า ถ้าของยังไม่พังก็ไม่เห็นต้องเสียเงินซื้อใหม่เลย

8. หาเงินมาเพื่อเที่ยวล้วน ๆ

          ในวัยที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือกำลังต้องการแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ชีวิต หลายคนก็คิดอยากหนีไปเที่ยวไกล ๆ จากที่เดิมที่เคยอยู่ จนในที่สุดก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองไม่ไหว บินลัดฟ้าไปเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น และประเด็นสำคัญมันอยู่ที่การท่องเที่ยวของคุณดันดูดทรัพย์จากรายได้ที่เข้ามาแต่ละเดือนจนแห้งเหือดไปหมด คราวนี้เงินที่จะเก็บออมเลยต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อยู่ตลอดไม่ก้าวไปไหน สักที

9. เสพติดชีวิตหรูหรา

          อีกหนึ่งนิสัยที่พาให้ห่างไกลจากความร่ำรวยคือนิสัยใช้ชีวิตหรูหราจมไม่ลง นี่แหละค่ะ โดยเฉพาะคนที่ต้องกินข้าวที่ห้างเท่านั้น หรือชีวิตนี้ใช้ได้แต่ของแบรนด์เนมอย่างเดียว อีกทั้งยังใช้ชีวิตไฮเอนด์ตลอดเวลาโดยที่ความเป็นจริงแล้วรายได้ของเรายังอยู่แค่ระดับกลาง ๆ เท่านั้น เคสนี้ก็คงหนีไม่พ้นการใช้เงินชนเดือนหรือการเป็นหนี้ไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน

10. นั่งรอวันที่จะรวยแต่กลับไม่คิดจะเริ่มทำอะไร

          คนจะรวยโชคไม่ช่วยเสมอไปหรอกนะคะ ส่วนมากแล้วคนที่รวยมักรวยได้เพราะน้ำพักน้ำแรงและมันสมองของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าอยากรวยก็ต้องเริ่มเก็บออม ต้องมองหารายได้เสริม  ต้องคิดและทำทุกวิถีทางเพื่อเปิดช่องทางการเงินให้ตัวเอง ไม่ใช่รอโชคชะตาฟ้าบันดาลอยู่เฉย ๆ แล้วใช้เงินไปวัน ๆ


          ความรวยไม่ได้เข้าใกล้ยากเกินไปหรอกค่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่ว่าเราจะพร้อมอยากรวยแค่ไหน เพราะอย่าลืมสิว่า ถ้าอยากรวยก็ต้องเริ่มเก็บออม ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดแบบใช้เงินเป็น ต้องบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ เท่านี้ก็เป็นก้าวแรกของความร่ำรวยแล้วล่ะ แต่ถ้าอยากรวยเร็วขึ้นไปอีก เราก็น่าจะลองหารายได้เสริมมาเพิ่มรายได้ให้ตัวเองด้วยนะ


http://money.kapook.com/view126634.html

Monday, August 24, 2015

แปะก๊วย สมุนไพรสรรพคุณทรงคุณค่า บำรุงร่างกายได้ยอดเยี่ยม




แปะก๊วย สมุนไพรจากเมืองจีน สรรพคุณล้ำค่า ถ้าได้รู้แล้วต้องอยากลอง

          ถ้าจะให้ไล่ชื่อของสมุนไพรจีนที่ดีมีคุณค่าช่วยในการบำรุงสุขภาพ แน่นอนเลยล่ะว่านึกกันไม่หวาดไม่ไหวแน่ แต่ถ้าพูดถึงสมุนไพรจีนที่ช่วยบำรุงสมอง หลายคนคงนึกถึง "แปะก๊วย" เพราะเคยได้ยินคำโฆษณา หรืองานวิจัยที่บอกถึงสรรพคุณเด่นข้อนี้ แต่ความจริงแล้ว แปะก๊วย มีส่วนช่วยบำรุงสมองจริงหรือ และมีสรรพคุณอื่น ๆ อะไรบ้าง ลองมาดูข้อมูลที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันค่ะ

          แปะก๊วย หรือที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Ginkgo biloba เป็นสมุนไพรที่มีมาตั้งแต่โบราณ ว่ากันว่าเป็นพืชโบราณที่มีความเป็นมาตั้งแต่ 270 ล้านปีก่อน โดยเจ้าสมุนไพรชนิดนี้มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน และถูกนำมาใช้ในแพทย์แผนจีนติดต่อกันมายาวนานกว่า 5,000 ปี ในอดีต แพทย์แผนจีนจะนิยมนำแปะก๊วยมาใช้ในการบำบัดอาการไอ หืด และภาวะภูมิแพ้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วส่วนที่นิยมนำมาสกัดหรือใช้ในการรักษาโรคมากที่สุดคือ ส่วนของใบ แต่คนก็นิยมนำเมล็ดของแปะก๊วยมาเป็นส่วนประกอบในอาหารต่าง ๆ มากมาย เช่น ขนมหวาน หรือบะจ่าง

แปะก๊วย สรรพคุณล้ำเลิศ ประโยชน์ดี ๆ ทั้งในเมล็ดและใบ

          ด้วยสรรพคุณและประโยชน์อันมากมายที่มีอยู่ในตัวของเมล็ดแปะก๊วย และใบแปะก๊วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นแปะก๊วยถูกแปลงร่างมาเป็นทั้งของกินและอาหาร เสริมเพื่อสุขภาพ แต่ว่าสรรพคุณของแปะก๊วยที่โดดเด่นมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลยค่ะ

 ลดระดับคอเลสเตอรอล

          เมล็ดแปะก๊วยมีสรรพคุณในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรล โดยการศึกษาในปี 2008 จาก Food Research International พบว่าไขมันที่สามารถละลายน้ำได้ที่อยู่ในเมล็ดแปะก๊วย มีส่วนสำคัญในการลดระดับคอเลสเตอรอลในตับ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย

ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

          เมล็ดแปะก๊วยเป็นแหล่งสะสมของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเกือบทุกชนิด ถึงแม้ว่าจะนำเมล็ดแปะก๊วยไปปรุงจนสุกแล้วก็ยังคงมีสารต้านอนุมูลอิสระเหลือ อยู่ถึง 60% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ๆ ค่ะ

มีวิตามินและแร่ธาตุสูง

          เราสามารถพบวิตามินบีชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น ริโบฟลาวิน ไนอะซิน ไทอามีน กรดแพนโทเทนิก โฟเลตและวิตามินบี 6 ซึ่งเป็นวิตามินบีที่ดีต่อร่างกายได้ในเมล็ดแปะก๊วย นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุดี ๆ อย่าง แมงกานีส โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี และเซเรเนียมสะสมอยู่ในเมล็ดแปะก๊วยอีกไม่น้อยเลย โดยเฉพาะทองแดงที่เป็นแร่ธาตุอันมีความสำคัญต่อสารสื่อประสาท และระบบเผาผลาญ รวมทั้งเป็นส่วนประกอบในเม็ดเลือดแดง

แคลอรีต่ำ

          เมื่อเทียบกับวอลนัทและอัลมอนด์แล้ว เมล็ดแปะก๊วยถือเป็นอาหารที่มีแคลอรีไม่สูงมากนั้น เพราะเมล็ดแปะก๊วย 100 กรัม มีปริมาณแคลอรีอยู่ที่ 182แคลอรี ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามการรับประทานมากไปอาจจะส่งผลไม่พึงประสงค์ได้

รักษาโรคซึมเศร้า

          มีการศึกษาพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีสภาวะอารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อรับ ประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากใบแปะก๊วย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งก็มีจิตแพทย์จำนวนไม่น้อยที่แนะนำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารับประทาน สารสกัดจากใบแปะก๊วยร่วมกับการรับประทานยาเพื่อรักษาอาการ แต่สารสกัดนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าหากใช้กับผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี จะให้ผลดีเทียบเท่ากับผู้ป่วยในวัยสูงอายุหรือไม่

อาจช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม

          มีการวิจัยหลายชิ้นพบว่า สารสกัดจากใบแปะก๊วยอาจช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น โดยเฉพาะระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ซึ่งส่งผลดีต่อการช่วยปกป้องการสูญเสียความทรงจำ รวมทั้งบำรุงความจำ สร้างเสริมกระบวนการการคิด และช่วยบรรเทาอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่ก็ยังมีผลวิจัยบางส่วนที่แย้งข้อมูลข้างต้น โดยชี้ว่า "ใบแปะก๊วย" อาจไม่มีความสามารถในการป้องกันอาการอัลไซเมอร์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพความจำได้ ส่วนงานวิจัยที่ระบุว่า "ใบแปะก๊วย" ให้ผลดีต่อสมอง ก็ยังมีข้อมูลไม่มากนัก ฉะนั้นแล้ว จึงยังไม่มีสถาบันใดออกมายืนยันชัดเจนถึงสรรพคุณข้อนี้ของ "ใบแปะก๊วย"

เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ

          ในรายที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ การรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยสามารถช่วยได้ เพราะ สารสกัดนี้จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น แก้ไขปัญหาเลือดไปไหลเวียนในบริเวณอวัยวะเพศไม่สะดวก โดยจากการศึกษาหนึ่งพบว่าการรับประทานสารสกัดจากแปะก๊วยเป็นประจำติดต่อกัน 6 เดือน ช่วยให้อาการดีขึ้นมากถึง 50%

รักษาโรคเรย์นาร์ด

          โรคเรย์นาร์ดเกิดจากภาวะเส้นเลือดที่ปลายมือตีบตัน ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก โดยสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ด้วยการรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วย ทำให้เลือดไหลเวียนไปที่ปลายมือได้สะดวก ลดปลายมือชา หรือเขียวคล้ำเมื่อสัมผัสกับความเย็น

รักษาอาการเบาหวานขึ้นตา

          สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาการเบาหวานขึ้นตาสามารถส่งผลให้การมองเห็นแย่ลง เนื่องจากน้ำตาลในเลือดนั้นจะเข้าไปทำลายหลอดเลือดภายในดวงตา ซึ่งการรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยจะช่วยให้การมองเห็นสีสันของผู้ป่วยเบา หวานดีขึ้นค่ะ

บรรเทาอาการของโรคพาร์กินสัน

          ภาวะการขาดฮอร์โมนโดปามีน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการสั่นและการสูญเสียความสามารถในการควบคุม กล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากโรคพาร์กินสันแต่สารสกัดจากแปะก๊วยนั้นจะเข้าไป ช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น และนำส่งไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างเพียงพอ

รักษาอาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิง

          กลุ่มอาการ PMS หรืออาการก่อนมีประจำเดือนเป็นอาการที่สาว ๆ เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด โดยสารสกัดจากแปะก๊วยนั้นสามารถบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก และคัดเต้านมที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนได้ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากภาวะความแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกายช่วงก่อนมีประจำเดือนได้ด้วย

          นอกจากนี้ในแพทย์แผนจีนยังมีการนำเมล็ดแปะก๊วยมาใช้ เพราะเชื่อว่าเมล็ดแปะก๊วยมีฤทธิ์ร้อนช่วยในการบรรเทาปัญหาเกี่ยวกับการ หายใจ สามารถช่วยรักษาโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ และโรคระบบทางเดินปัสสาวะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะการใช้ในปริมาณมากนั้นอาจะได้รับผลเสียที่อันตรายแทนได้ค่ะ

คัดบทความบางส่วนมาจาก  http://health.kapook.com/view126836.html
เครดิตภาพ    http://pharmblog.kku.ac.th/index.php/9-uncategorised/92-2014-02-09-14-51-23