Saturday, February 28, 2015

10 เรื่องที่ต้องทำ ! ถ้าอยากมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำสักที




          หากอยากเก็บเงินให้ได้ผลจริงก็มี เรื่องที่ต้องทำและจำให้ขึ้นใจ ใครเก็บเงินไม่อยู่ มาอ่านเคล็ดลับเหล่านี้ แล้วรอนับเงินกันเลยดีกว่า ..

          การเก็บเงินก็เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต คือยากในระยะเริ่มต้น แถมยังต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมีวินัย ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่หลายคนเก็บเงินไม่ได้สักที แต่อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีเทคนิคการเก็บเงินอย่างได้ผลมาฝาก เพียงแค่ปฏิบัติตาม 10 พฤติกรรมดังต่อไปนี้ ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเก็บได้อย่างที่หวังแล้ว เขยิบเข้ามาฟังให้ดี ๆ แล้วเริ่มปฏิบัติไปพร้อม ๆ กันเลย

1. ตั้งระบบเตือนความจำ

          แม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าต้องประหยัด แต่หลายคนไม่รู้ว่าการเตือนด้วยลายลักษณ์อักษรให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ดังนั้นลองตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนด้วยข้อความสั้น ๆ อย่างเช่น "อย่าลืมหยอดกระปุก 100 บาท" และให้มันส่งเสียงเตือนทุกอาทิตย์ รับรองว่าเมื่อถึงสิ้นปีต้องมียิ้มแก้มปริแน่นอน

2. ทิ้งระยะ 24 ชั่วโมง

          ทุกครั้งที่คิดจะซื้อสินค้าราคาแพง ลองปล่อยเวลาให้ผ่านไป 24 ชั่วโมงก่อนค่อยตัดสินใจอีกครั้ง หากเรายังอยากได้อยู่ก็แปลว่าเราอาจต้องการมันจริง ๆ แต่บอกเลยว่าส่วนใหญ่จะไม่ ! การทิ้งระยะเวลาเป็นเทคนิคที่จะช่วยควบคุมการใช้จ่ายให้กับเรา เพราะความรู้สึกอยากได้จะเกิดในระยะเวลาช่วงสั้น ๆ และมักไม่สัมพันธ์กับเรื่องความจำเป็นนั่นเอง

3. ต่อรองค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต

          หากรู้วิธีเลือกบัตรเครดิตที่ให้ประโยชน์สูงสุด ก็อย่าลืมเรียนรู้การใช้บัตรอย่างฉลาดด้วย เพราะบัตรเครดิตเหล่านี้เราสามารถต่อรองได้ทั้งเรื่องการลดค่าธรรมเนียม การลดดอกเบี้ย การเพิ่มวงเงินในกรณีฉุกเฉิน หรือแม้แต่การอนุโลมค่าปรับในกรณีชำระเกินกำหนด อย่างไรก็ตามสิทธิพิเศษเหล่านี้จะได้มาในกรณีที่เราเป็นลูกค้าชั้นดีเท่า นั้น ซึ่งหมายถึงเราชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนหรือในระยะเวลาที่กำหนดทุกครั้ง ดังนั้นวางแผนการใช้บัตรเครดิตให้ดี แล้วบัตรเครดิตจะให้ประโยชน์มากกว่าที่เราคิด

 
4. อย่ายื่นภาษีนาทีสุดท้าย

          เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนฤดูยื่นภาษีจะมาถึง เพราะนอกจากจะหลีกเลี่ยงค่าปรับจากการยื่นภาษีล่าช้าได้แล้ว ยังหมายถึงความพร้อมหากสรรพากรขอเอกสารการลดหย่อนเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีอย่างมีระบบตลอดทั้งปี เพื่อให้คุณคือคนที่รีแลกซ์ที่สุดเมื่อฤดูยื่นภาษีมาเยือน

5. ลองซ่อมก่อนตัดสินใจทิ้ง

          ก่อนที่จะทิ้งของเก่าแล้วซื้อใหม่ ลองพิจารณาการซ่อมแซมหรือซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนเป็นทางเลือกดูก่อน เพราะอาจจะเซฟเงินได้มากถึง 10 เท่า ดังนั้นทุกครั้งที่จะทิ้งของ ให้คิดดูว่าของใหม่จำเป็นต่อเราจริง  ๆ หรือเปล่าถ้าหากว่าของเก่ายังทำงานได้อยู่ บางทีเราอาจจะประหลาดใจกับคำตอบของตัวเองก็ได้
6. ใช้จ่ายด้วยเงินสด

          การพกเงินสดไว้ใช้จ่าย จะทำให้เราเห็นทุกสถานการณ์ของเงินในกระเป๋า ซึ่งแน่นอนว่าเราจะรู้สึกใจหาย หากต้องหยิบเงินก้อนใหญ่ออกมาใช้ หรือเห็นเงินสดในกระเป๋าลดลง ดังนั้นแทนที่จะชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต ลองตัดสินใจพกเงินสดดู โดยกำหนดค่าขนมในแต่ละวันหรือสัปดาห์ให้ชัดเจน เป็นวิธีที่จะช่วยรักษาเงินในกระเป๋าได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว


7. แบ่งเงินออกเป็นหลาย ๆ บัญชี

          ทริคของข้อนี้มีอยู่ว่า เมื่อเราเห็นตัวเลขในบัญชีลดลง เราจะทบทวนการจ่ายเงินอีกครั้งโดยธรรมชาติ ดังนั้นลองใช้กฎนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการกระจายเงินออกเป็นหลาย ๆ บัญชี และทุกครั้งที่จะซื้อของให้ถอนเงินจากหลาย ๆ บัญชีเหล่านั้นมารวมกัน เพราะเมื่อเราเห็นเงินแต่ละบัญชีกำลังจะลดลง เราจะทบทวนการซื้ออีกครั้งโดยอัติโนมัติ

8. เก็บเล็กผสมน้อย

          อย่าดูถูกการเก็บเงินทีละเล็กน้อย เพราะมันอาจจะดูไม่เยอะในระยะแรก แต่หลังจากเก็บได้สักระยะ เราจะเริ่มสนุกกับการให้เห็นเงินเหล่านั้นงอกเงย ลองใช้เทคนิคเก็บแบงค์ย่อยทุกครั้งที่ได้รับทอนมา หรือกระทั่งเก็บเหรียญหยอดกระปุกไว้ทุกครั้ง รับรองว่าเงินเล็กน้อยเหล่านี้จะมีมูลค่ามหาศาลเมื่อเราเปิดมานับอีกครั้ง แน่ ๆ

9. สะกดรอยตามการใช้จ่าย           

          วิธีควบคุมการใช้จ่ายยอดฮิตคือ การติดตามการใช้จ่ายทุกฝีก้าว ด้วยการจดบันทึกทุกอย่างลงไป ลองใช้แอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟนที่สามารถบันทึกได้ทั้งรายรับและรายจ่าย และยังแสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องทางการเงินเรา ใครจะรู้บางทีเราอาจเลิกกินกาแฟราคาแพง หรือลาขาดการชอปปิ้งออนไลน์ของโปรดไปตลอดกาล ด้วยเหตุเพราะเสียดายเงินก็ได้

 
10. จัดบ้านอย่างสม่ำเสมอ

          อย่าเพิ่งงงว่าการจัดบ้านอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเก็บเงินได้อย่างไร ความจริงก็คือเรามักซื้อสิ่งของซ้ำ ๆ เพียงเพราะเราลืมไปว่าเรายังมีของหล่านั้นอยู่ ดังนั้นจัดตารางเก็บกวาดบ้านทุกอาทิตย์ เพื่อให้เราได้เห็นสิ่งของทุกชิ้นเรามีอยู่ ซึ่งหมายถึงเราอาจจะไม่อยากได้มันอีก วิธีนี้ยังช่วยให้เราค้นพบของที่เราอาจลืมไปแล้วได้อีกด้วย


          ยึดกฎเหล็ก 10 ข้อนี้เพื่อให้การเก็บเงินเป็นไปตามที่หวังไว้ โดยอย่าลืมว่าทุกอย่างต้องอาศัยวินัย และคนที่ตั้งใจจริงเท่านั้นที่จะได้รับผลสำเร็จเป็นรางวัลตอบแทน แล้วทุกคนจะไปถึงเป้าหมายที่ต้องการแน่นอน

แหล่งที่มา Popsugar,  http://money.kapook.com/view112130.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Friday, February 27, 2015

เทคนิคสร้างสรรค์อารมณ์ดี




         จิตกับกายนั้นสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกัน ยามใดที่คุณเครียด กลุ้มใจ อารมณ์บ่จอย ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายจะอ่อนแอลงโดยอัตโนมัติ สังเกตว่า ใครมีโรคประจำตัวอยู่ก็มักจะกำเริบ เช่น ยิ่งเครียด โรคกระเพาะยิ่งกำเริบ

          แล้วจะปล่อยให้ตัวเองเครียดไปทำไม วิธีแก้ไขเพียงจัดการวิธีคิดเท่านั้นเอง เรามีเคล็ดลับตัดขาดความเครียดสร้างสรรค์อารมณ์ดีมาฝากกัน

         
ตื่นมาเช้าวันใหม่ ยิ้มรับวันสดใสให้ตัวเองก่อนใคร เป็นการสร้างพลังอารมณ์ด้านบวกให้ตัวเองเป็นทุน เชื่อได้เลยว่า รัศมีอารมณ์ดีของคุณจะเจิดจ้าจนคนในครอบครัว หรือคนรอบข้างคุณ สัมผัสได้ คุยอะไรกับใครก็จะส่งความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน

         
มองโลกในแง่ดี ข้อนี้คือกุญแจสำคัญของคนอารมณ์ดีเลยทีเดียว เมื่อมีเหตุใดให้มีอารมณ์เสีย การมองโลกในแง่ดีก็ทำให้หายโมโหได้เร็วกว่าคนมองโลกในแง่ร้าย

         
บางคนชีวิตช่างเครียดเสียจริงเป็นเสือยิ้มยากอยู่ตลอด วิเคราะห์กันดี ๆ จะเห็นว่าเป็นคนยึดติด เถรตรง กำปั้นทุบดิน ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิดไปหมดทุกเรื่อง ดังนั้นต้องมีความยืดหยุ่นทางความคิด คนที่ไม่ยึดติดมักจะมีอารมณ์ดีไม่มีเครียด เพราะไม่ค่อยผิดหวังจากสิ่งต่าง ๆ

         
คนที่อารมณ์ดีสม่ำเสมอ และดูมีชีวิตง่าย ๆ สบายดี หลายคนเป็นคนยอมรับความจริงของชีวิต มีความพร้อมยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่เกิดขึ้น และเป็นไป ไม่โทษแต่คนอื่น หรือลมฟ้า การเมือง เศรษฐกิจ ว่าเป็นมลพิษต่อชีวิตของเขา มีความสุขใจในชีวิตพอเพียง

         
อย่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เพราะการคิดเช่นนี้จะกัดกร่อนภาวะอารมณ์ และสติปัญญามากที่สุด

         
รับประทานอาหารที่มีเซโรโทนินสูง เพราะเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสื่อประสาทในสมอง ที่ส่งผลต่อภาวะอารมณ์ มีมากในอาหารหลายชนิด เช่น หัวกลอย ข้าวเหนียว ข้าวโพด เป็นต้น

         
เติมสุนทรีย์ให้ชีวิตสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสังสรรค์กับคนในครอบครัว เพื่อน ๆ หรือกับคนที่คุณรัก ดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือดี ๆ ภาพศิลปะ เดินทางท่องเที่ยว ลิ้มรสอาหารอร่อย ๆ กระทั่งอาจปล่อยตัวให้ไร้สาระบ้างในบางเวลา ฯลฯ

          หลักสำคัญของเคล็ดลับการเป็นคนมีอารมณ์ดี คือ คิดดี คิดบวก ทำดี มีเมตตา เอื้ออาทรและรู้จักให้อภัย โดยไม่เพียงแต่คุณจะได้รับความสุขเท่านั้น คุณยังจะทำให้คนในครอบครัว หรือคนที่คุณรักได้รับความสุขจากคุณด้วยเช่นกัน

  
แหล่งที่มา  Good Food Good Life, http://health.kapook.com/view18944.html


Wednesday, February 25, 2015

วาซาบิ เครื่องปรุงต้านมะเร็ง ของดีจากแดนปลาดิบ




         วาซาบิ เครื่องปรุงตัวสำคัญบนจานอาหารญี่ปุ่นที่มีรสชาติจัดจ้าน­ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มเติมรสชาติเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงสุขภาพได้มากอย่างคาดไม่ถึง 

          พูดถึงอาหารญี่ปุ่น เครื่องปรุงชนิดหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คงจะเป็นวาซาบิ เครื่องปรุงธรรมชาติที่มาจากต้นคาโนลา ซึ่งให้รสชาติเผ็ดจัดจ้าน และมีกลิ่นฉุนจนขนาดว่าได้ชิมเพียงนิดเดียวก็ทำให้ถึงกับตาสว่า­­­งได้ บางคนอาจจะคิดว่าเจ้าเครื่องปรุงชนิดนี้มีประโยชน์แค่ทำให้อาหา­­­รรสชาติ อร่อยยิ่งขึ้น แต่จริง ๆ แล้ววาซาบิ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเกินกว่าที่เราจะคาดถึงกันเลยเ­­­ชียวล่ะ ถ้าอยากรู้ว่าประโยชน์ของวาซาบินั้นมีอะไรบ้างก็ตามไปดูกันเลย 

          วาซาบิ เป็นเครื่องปรุงที่มาจากพืชใช้ราก โดยถือเป็นพืชในตระกูลเดียวกับตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับบรอ­­­กโคลี ฮอสราดิส และมัสตาร์ด โดยวาซาบิจะต้องฝนให้ละเอียดก่อนจึงจะนำมารับประทาน ว่ากันว่าวาซาบิที่ดีที่สุดก็คือวาซาบิที่ทำการฝนกับหนังปลาฉลา­­­มนั่นเอง ซึ่งวาซาบิที่ให้ประโยชน์มากที่สุดก็คือวาซาบิสด และต้องเป็นวาซาบิแท้ที่ไม่มีการเจือปนของส่วนผสมใด ๆ โดยประโยชน์ของวาซาบิมีดังนี้ 

1. ต้านเชื้อจุลินทรีย์ 

          การศึกษาซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Food Biology เปิดเผยว่าวาซาบิของญี่ปุ่นและเกาหลีมีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อเ­­­ฮลิโคแบ คเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือแผลในลำไส้เล็ก รวมถึงมะเร็งในกระเพาะอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านเชื้ออีโคไล (E. coli) และเชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) อันเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงได้ ไม่เพียงเท่านั้นสารไอโซไทโอไซยาเนต (isothiocyanates) ที่อยู่ในวาซาบิยังส่งผลกระทบต่อเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุขอ­­­งฟันผุได้ อีกด้วยค่ะ 

 
 2. ต้านอาการอักเสบและการแข็งตัวของเลือด 

          มีการศึกษาหนึ่งค้นพบว่าการรับประทานวาซาบิสามารถช่วยลดอาการอั­­­กเสบได้ เพราะวาซาบินั้นมีฤทธิ์ในการต่อต้านการอักเสบและต้านการแข็งตัว­­­ของเกล็ด เลือด โดยการศึกษาทำให้นักวิจัยเชื่อว่าประโยชน์ของวาซาบินี้สามารถช่­­­วยรักษา โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคไขข้ออักเสบ โรคลำไส้อักเสบ โรคหัวใจวาย และภาวะช็อกจากพิษที่มาจากการติดเชื้อได้ และเมื่อทำการศึกษาเพิ่มเติมก็พบว่า สาร 6-MITC ที่อยู่ในวาซาบิมีศักยภาพในการรักษาความแข็งแรงของหลอดเลือดและ­­­การอักเสบ ของหลอดเลือดได้ 

3. ต้านมะเร็ง 

          การ ศึกษาของสถาบัน Linus Pauling Institute (LPI) พบว่าสารไอโซไทโอไซยาเนต สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดในสัตว์ อาทิ โรคมะเร็งในปอด, กระเพาะอาหาร, ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่, ตับ, หลอดอาหาร, ช่องท้อง รวมทั้งมะเร็งเต้านมได้เช่นเดียวกับการรับประทานผักในตระกูลกะห­­­ล่ำ 

  
          ขณะที่ศูนย์เทคโนโลยีชีวิตภาพแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไ­­­ด้มีการ ศึกษาพบอีกว่า สารไอโซไทโอไซยาเนตมีผลต่อเซลล์มะเร็งตับอ่อนในมนุษย์อีกด้วย จึงทำให้สรุปได้ว่าการรับประทานวาซาบิอาจสามารถช่วยยับยั้งการเ­­­จริญเติบ โตของเซลล์มะเร็งตับอ่อนได้ค่ะ 

          ไม่เพียงเท่านั้น สารไอโซไทโอไซยาเนตในวาซาบิยังมีคุณสมบัติในการลดอาการท้องเสีย­­­ ป้องกันหน่วยไตซึ่งเป็นตัวกรองของเสียในไตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และช่วยรักษาอาการเป็นพิษจากการรักษาโรคมะเร็ง รวมทั้งป้องกันระบบหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงอีกด้วยค่ะ 

          เห็นแล้วใช่ไหมล่ะว่าวาซาบิมีประโยชน์มากแค่ไหน ใครที่ชอบรับประทานวาซาบิกันอยู่แล้วก็คงจะยิ่งชอบมากขึ้นกว่าเ­­­ดิมเลยใช่ ไหมล่ะ แต่ก็อย่ารับประทานสุ่มสี่สุ่มห้านะคะ หากจะใช้วาซาบิในการรักษาหรือป้องกันโรคก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก­­­่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพค่ะ 

แหล่งที่มา  http://health.kapook.com/view112978.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, February 24, 2015

มหัศจรรย์แห่งแอปเปิลต่างสี ประโยชน์ก็ดีต่างกันนะ




         แอปเปิล ผลไม้ดีมีประโยชน์ สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีหลากสีสันให้เลือกรับประทาน เชื่อหรือไม่ว่าสีของแอปเปิลที่แตกต่างกัน ก็อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกัน 

          คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยลิ้มลองรสชาติของแอปเปิล ผลไม้ที่มีคุณประโยชน์อัดแน่นอยู่เต็มผล ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าแอปเปิลช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ทราบกันหรือเปล่าจริง ๆ แล้ว แอปเปิลทุกสีนั้นมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปอีกมากมายเลยล่ะค­­­่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำเอาประโยชน์ของแอปเปิลแต่ละสีมาฝากกัน แล้วจะรู้ว่าแอปเปิลน่ะมีประโยชน์มากมายกว่าที่คาดเลยเชียวล่ะ 

แอปเปิลสีแดง 
   
           แอปเปิลสีแดงเข้มที่เราเห็นกันอยู่นี้ เป็นแอปเปิลสายพันธุ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดเลยล่ะ โดยสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผิวแอปเปิลสีแดง ๆ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากเทียบเท่ากับวิตามินซีถึง 1,500 มิลลิกรัม ! ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะไปทำหน้าที่ขัดขวางการ เติ­­­บโตของเซลล์มะเร็งในร่างกาย ทำให้ความเสี่ยงโรคมะเร็งลดลง รวมทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอยแห่งวัยค่ะ 

  
แอปเปิลสีเขียว 

            แอปเปิลสีเขียว ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้สำหรับการลดน้ำหนักเลยเชียวละ เพราะรสชาติของแอปเปิลเขียวที่แตกต่างและมีน้ำตาลน้อย ทำให้รับประทานได้แบบไม่กลัวอ้วน นอกจากนี้เปลือกเขียว ๆ ของแอปเปิลเขียวก็ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นใ­­­ยอาหารที่มีสูง ช่วยในระบบขับถ่าย ทำให้ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็งและริ้ว­­­รอยแห่งวัย รวมทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารได้อีกด้วยล่ะ 

  
แอปเปิลสีเหลือง 

          แอปเปิลชนิดนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยนัก แต่ประโยชน์ของแอปเปิลสายพันธุ์นี้นั้นมีมากมายค่ะ ไม่ว่าจะประโยชน์ในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตา หรือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หรือแม้แต่ป้องกันการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ โดยมีการศึกษาพบว่าสารเพ็กตินที่อยู่ในแอปเปิลสีเหลืองสามารถป้­­­องกันการเกิดของก้อนเนื้อมะเร็งได้ ไม่เพียงเท่านั้น แอบเปิลสีเหลืองยังช่วยล้างสารพิษที่สะสมในตับออกจากร่างกายได้­­­ด้วยนะ


แอปเปิลสีชมพู 

            หากได้เห็นแอปเปิลที่ชมพูอมแดงที่ไหน อย่าลังเลที่จะซื้อมารับประทานเลยค่ะ เพราะปริมาณของวิตามินซีในแอปเปิลสีชมพูนั้นมีมากถึง 1 ใน 4 ของปริมาณของวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวันเลยเชียวละ ซึ่งวิตามินซีนี้ก็มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันกา­­­รอักเสบ โรคมะเร็ง และริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผนังของหลอดเลือดฝอยแข็งแรงมากขึ้น แถมยังลดอาการเลือดออกตามไรฟันได้ดีทีเดียว 

  
คุณค่าทางโภชนาการของแอปเปิลแต่ละสี 

          จากข้อมูลของ USDA Nutrient database  ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่าแอปเปิลแต่ล่ะสีมีคุณค่าทางโภ­­­ชนการดังนี้ 

คุณค่าทางอาหารต่อแอปเปิล 100 กรัม 

          ปริมาณพลังงาน(กิโลแคลอรี)  น้ำ(กรัม)    น้ำตาล(กรัม)   ไฟเบอร์(กรัม)   โพแทสเซียม (กรัม)

แอปเปิลสีแดง           59                85.33           10.48          2.3                    104
แอปเปิลสีเขียว          58                85.46            9.59           2.8                    120
แอปเปิลสีเหลือง        57                85.81           10.04          2.4                    100
แอปเปิลสีชมพู          63                84.16            11.68          2.1                    109
  
          ว้าว ! ประโยชน์ของแอปเปิลแต่ละสีนี่มีมากมายจนต้องทึ่งเลยใช่ไหมล่ะคะ­­­ เพราะแบบนี้ยังไงล่ะที่ทำให้แอปเปิลกลายเป็นสุดยอดอาการเพื่อสุ­­­ขภาพอย่าง แท้จริง ขอบอกเลยว่าใครที่ไม่ชอบรับประทานแอปเปิลรีบเปลี่ยนความคิดด่วน­­­เลย เพราะคุณกำลังพลาดสุดยอดขุมทรัพย์เพื่อสุขภาพเลย 

          เอาล่ะอ่านจนจบแล้วก็อย่ารอช้า รีบออกไปซื้อแอปเปิลมารับประทานกันเลยดีจ้า แล้วเวลารับประทานก็อย่าลืมรับประทานทั้งเปลือกนะ ไม่อยากนั้นละก็ประโยชน์ที่ได้ก็จะลดลง และไม่ควรรับประทานเกินวันละ 4 ผลนะคะ เพราะอาจจะทำให้ได้รับสารอาหารมากเกินไปและไปสะสมกลายเป็นสารตก­ค้างในร่าง กายได้ค่ะ 

แหล่งที่มา  http://health.kapook.com/view113045.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/371124825519976019/