Friday, May 29, 2015

9 วิธีสร้างรายได้บนโลกออนไลน์ รวยง่าย...แค่ปลายนิ้ว




         ธุรกิจผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ก อยากสร้างรายได้บนโลกออนไลน์ต้องทำอะไรดี 9 สิ่งนี้จะช่วยไกด์เส้นทางรวยให้คุณเอง

          สร้างรายได้ผ่านโลกโซเชียลแบบที่เรียกว่ารวยไม่แคร์สื่อ มีหนทางร่ำรวยจากตรงไหน ต้องทำอะไรถึงจะหาเงินผ่านโลกออนไลน์ได้ หลายคนอาจยังมีข้อมูลธุรกิจบนโลกออนไลน์ไม่แน่นพอ วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับหนทางรวยผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กจาก Lifehack มาบอกต่อ ว่ากันว่า 9 สิ่งนี้ช่วยสร้างรายได้ให้เราจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

1. สอนพิเศษผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก

          หากคุณเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถและทักษะบางอย่างที่โดดเด่นกว่าใคร คุณสามารถฉวยความสะดวกของโลกออนไลน์เปิดธุรกิจรับสอนพิเศษหรือเป็นเทรนเนอร์ ให้กับคนอื่นได้ โดยอาจจะติดต่อกันผ่านโปรแกรม Skype หรือ Tango แต่หากสะดวกนัดเจอกันก็แล้วแต่ข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย รับทรัพย์ง่าย ๆ ไม่ต้องลงทุนมาก

2. ขายสินค้าที่น่าสนใจ

          สินค้าบางอย่างสามารถขายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กได้สบาย ๆ โดยเฉพาะหากเป็นสินค้าที่หาตามท้องตลาดค่อนข้างยาก หรือเป็นสินค้าจากต่างประเทศที่ขายในราคาถูกกว่าเคาท์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า ธุรกิจนี้บนโลกออนไลน์ก็ไปได้ไกลพอสมควร และหากคุณไม่มีทุนก็สามารถรับพรีออเดอร์ได้ เป็นการขายของที่วงจรการเงินหมุนวนคล่องตัวดีทีเดียว

3. ของมือสองอย่าทิ้ง

          ของมือสองสภาพดีแต่ไม่จำเป็นสำหรับคุณแล้วอย่าละเลยมูลค่าของมันเด็ดขาด เพราะคุณสามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้ง่าย ๆ จากการประกาศขายของมือสองเหล่านี้ หรือใครขายดีจะไปรับของมือสองจากคนอื่นมาขายเพิ่มก็ตามสบายเลย แต่ระวังจะนับเงินจนเหนื่อยนะ ;p

4. ดังกระฉ่อนโซเชียล รับเงินกระฉูดเต็มกระเป๋า

          สำหรับคนที่มีความสามารถในการร้องเพลง หรือชอบอัพโหลดคลิปวิดีโอเชิงสร้างสรรค์เจ๋ง ๆ ลงเว็บไซต์เป็นประจำ เชื่อไหมว่าคุณอาจเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน และมีโอกาสสร้างรายได้จากโฆษณาที่มาแปะอยู่ตามลิงก์วิดีโอของคุณก็ได้ เอ้า ! รอช้าอยู่ทำไม อัดคลิปคัฟเวอร์เพลงกันเถอะเรา

5. ขายรูปถ่ายฝีมือตัวเอง

          ชอบท่องโลกกว้างแถมมีดีตรงที่เป็นนักถ่าย ภาพฝีมือเยี่ยม นำรูปที่คุณถ่ายไปลงขายตามเว็บไซต์สำหรับโหลดรูปเลยดีกว่า ได้อวดผลงานสวย ๆ แถมได้รายได้จากการขายรูปแบบที่ไม่ต้องจัดนิทรรศการให้เหนื่อยสักนิด

6. เขียนให้เป็นเงิน

          สำหรับคนชอบเพ้อเป็นตัวอักษร หรือมีพรสวรรค์ในด้านการเขียนอยู่แล้ว ทั้งงานแปล งานเขียนนิยาย หรือจะสร้างบล็อกเล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยของตัวเองก็ทำเงินให้คุณได้ทั้งนั้น อยู่ที่คุณจะสร้างสรรค์ผลงานและเผยแพร่ความสามารถของตัวเองได้ไกลสักแค่ไหน นั่นเอง

7. งานฝีมือก็มา

          งานฝีมือที่คุณทำเป็น งัดเอาความรู้และความขยันมานั่งทำเป็นชิ้นเป็นอัน แล้วโพสต์ขายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ง่าย ๆ และถ้างานของคุณเจ๋งจริง เชื่อเถอะว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนอาจจะตั้งหน้าร้านอย่างอลังการในอนาคต

8. งานจ้างก็มี

          ถ้านึกไม่ออกว่าจะขายอะไรผ่านโลกออนไลน์ แต่เป็นคนที่มีความสามารถหรือมีความขยันอยู่กับตัว คุณอาจใช้ช่องทางบนโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อหางานให้ตัวเองก็ไม่มีใครว่า โดยอาจจะรับจ้างจัดสวน ตัดต้นไม้ หรือรับเลี้ยงสัตว์ชั่วคราว ใช้เวลาว่าง ๆ และงานอดิเรกของเราเสกเงินเข้ากระเป๋าไปเลย

9. เพิ่มโอกาสทางการตลาด

          ต้องยอมรับว่าธุรกิจสมัยนี้มีการแข่งขันสูงมาก ฉะนั้นการตลาดจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสขยายตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กฟรี ๆ ทำไมเราไม่ใช้ช่องทางนี้โปรโมทสินค้าหรือธุรกิจของเราไปเลยล่ะ อย่างน้อยก็อาจทำให้มีคนรู้จักธุรกิจของเราในวงกว้างมากขึ้น โอกาสเพิ่มเงินในบัญชีก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย

          9 ช่องทางสร้างรายได้ผ่านโลกโซเชียลมีให้เลือกอยู่ตรงนี้แล้ว ใครสนใจอยากโกยรายได้เข้ากระเป๋าก็อย่ามัวแต่ฝันค่ะ เริ่มลงมือทำกันตั้งแต่นาทีนี้เลย

แหล่งที่มา  http://money.kapook.com/view119573.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, May 27, 2015

ลูกไหน ตัวช่วยลดน้ำหนักดีเยี่ยม ซูเปอร์ฟู้ดตัวเก่งจากธรรมชาติ




         ลูกไหน ผลไม้ชื่อแปลกที่ชวนฉงนสงสัย หารู้ไม่ว่าประโยชน์ของลูกไหนที่อัดแน่นอยู่ในลูกเล็ก ๆ นี้ ยอดเยี่ยมจนต้องร้องว้าว !

          ลูกไหน ผลไม้ที่เมื่อใครได้ยินก็อดที่จะเล่นคำจนเป็นที่สนุกสนานกันไม่­­­ได้ ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อ แต่ไม่รู้ว่าลูกไหนนั้นคือผลไม้ชนิดใดกันแน่ มีรูปร่างและรสชาติอย่างไร รวมทั้งที่เคยได้ยินว่าลูกไหน มีสรรพคุณและประโยชน์อันยอดเยี่ยมจนกลายเป็นซูเปอร์ฟู้ด นั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ กระปุกดอทคอมจะพาไปทำความรู้จักกับลูกไหนกันให้ดีมากขึ้น แล้วคุณจะรักผลไม้ชนิดนี้แบบหมดใจไร้เงื่อนไขเลยเชียวล่ะ

 
ลูกไหน คืออะไร

          ลูกไหน มีอีกชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าลูกพลัม (Plum) เป็นผลไม้ที่อยู่ในสกุลเดียวกับลูกท้อ และเชอร์รี เปลือก นอกมีหลากหลายสี ตั้งแต่สีเขียว น้ำเงิน เหลือง สีแดงเข้มไปจนถึงดำ เนื้อมีสีแตกต่างกัน ทั้งสีเหลืองครีม สีแดงเข้ม สีม่วง หรือสีเขียวอ่อน ๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ รสชาติหวานหวานอร่อย แต่หากยังไม่สุกเต็มที่จะมีรสชาติฝาด มีมากมายหลายพันธุ์แตกต่างตามภูมิประเทศและที่ปลูก

          ลูกไหนเป็นผลไม้ที่คุณค่าทางอาหารสูงมาก โดยสารอาหารที่อยู่ในลูกไหน ได้แก่ วิตามินซี วิตามินเค ทองแดง ไฟเบอร์ โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และสังกะสี เป็นผลไม้ที่มีไขมันต่ำ และแคลอรีน้อย นอกจากนี้ กรดนีโอคลอโลเจนิกและกรกคลอโลเจนิกในลูกไหน ยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการถูกทำลายของเซลล์จากสารอนุมูลอิสระ ที่สำคัญยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ อีกด้วย


ประโยชน์ของลูกไหน สรรพคุณยอดเยี่ยมที่ไม่ควรพลาด

          ลูกไหน เป็นผลไม้ที่คุณค่าทางอาหารสูงจึงมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างถึง­­­ขนาดนับ ว่าลูกไหนเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่ควรรับประทาน ประโยชน์ของลูกไหนมีทั้งบำรุงหัวใจ ช่วยในระบบขับถ่ายและอื่น ๆ อีกมากมายดังนี้

1. บำรุงสุภาพหัวใจ

          ลูกไหนอุดมไปด้วยโพแทสเซียมซึ่งมีส่วนในการควบคุมระดับความดันโ­­­ลหิต และช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย นอกจากนี้สีแดงอมม่วงในลูกพลัมยังอุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ที่สามารถช่วยป้องการเกิดโรงมะเร็งที่มีสาเหตุจากการถูกทำลายขอ­­­งเซลล์จาก สารอนุมูลอิสระอีกด้วย

2. ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

          ลูกไหนอบแห้ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า ลูกพรุนนั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาท้องผูกหรือขับถ่ายลำบากได้ดีเลย­­­เชียวล่ะ เพราะลูกพรุน 1 ลูกก็มีปริมาณไฟเบอร์สูงถึง 1 กรัมเลยทีเดียว โดยสามารถจะรับประทานได้ทันที หรือจะนำไปใส่ในโยเกิร์ตกับเมล็ดพืชต่าง ๆ หรือจะนำไปแช่น้ำต้มสุกแล้วนำมารับประทาน แต่ถ้าใครชอบดื่มน้ำผลไม้ละก็สามารถหาซื้อที่คั้นเป็นน้ำสำเร็จ­­­รูปก็ช่วย ในการขับถ่ายได้เช่นกัน

3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

          แม้ว่าลูกไหนจะมีรสชาติหวาน แต่กลับเป็นผลไม้ที่มีระดับดัชนีน้ำตาลในระดับที่ต่ำ ทำให้เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉพาะผู้ป่วย­­­โรคเบา หวานชนิดที่ 2 อย่างยิ่ง โดยจากการศึกษาของสำนักโภชนาการของประเทศแคนาดาก็ทำให้ทราบว่า การรับประทานลูกไหนสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้

4. สร้างเสริมกระดูกหญิงวัยหมดประจำเดือนให้แข็งแรง

          นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดาและรัฐโอคลาโฮมา ได้ทำการศึกษาเรื่องโรคกระดูกพรุนกับหญิงวัยหมดประจำเดือน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก รับประทานลูกไหนอบแห้งวันละ 100 กรัมต่อวัน และอีกกลุ่มรับประทานแอปเปิลอบแห้ง และทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับอาหารเสริมวิตามินดีและแคลเซียม โดยการศึกษาพบว่า กลุ่มที่รับประทานลูกไหนอบแห้งจะมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อกระดูกใน­­­บริเวณ กระดูกสันหลังและต้นแขนมากกว่ากลุ่มที่รับประทานแอปเปิล­­อ­บแห้งค่ะ จึงทำให้อาการของโรคกระดูกพรุนบรรเทาลงได้ค่ะ

5. บำรุงสมองและความจำ

          การรับประทานลูกไหนอบแห้งเพียงวันละ 4 ชิ้น ก็ทำให้เราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น ซึ่งสารเหล่านี้จะไปช่วยต่อต้านการถูกทำลายของเซลล์สมองอันเนื่­­­องมาจาก สารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความจำค่ะ

6. ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย

          สารต้านอนุมูลอิสระในลูกไหนที่มาจากวิตามินซี นอกจากจะช่วยป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ในร่างกายแล้วก็ยังช่วย­­­ส่งเสริม การผลิตของคาร์นิทีน (Carnitine), นอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) และคอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณยังคงดูอ่อนวัยและไร้ริ้วรอยค­­­่ะ

7. บำรุงสายตา

          นอกจากวิตามินซีและวิตามินเคแล้ว ลูกไหนก็ยังมีวิตามินเอ ซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงสายตาอีกด้วย โดยเพียงลูกเล็ก ๆ ก็มีปริมาณของวิตามินเอ ถึง 8% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวันเลยเชียวล่ะ ไม่เพียงเท่านั้นวิตามินเอก็ยังช่วยสร้างเสริมการเจริญเติบโตขอ­­­งกระดู กได้อีกด้วยค่ะ


ลูกไหน ลดความอ้วน ได้จริงเหรอ ?

          ลูกไหนเป็นผลไม้ที่มีสารไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytochemical) และแร่ธาตุสารอาหารสูง แต่กลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ ทั้ง ๆ ที่มีรสชาติหวานอร่อย และน้ำตาลที่มีอยู่ในลูกไหนก็เป็นน้ำตาลจากธรรมชาติที่มีประโยช­­­น์ต่อร่างกาย

          โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ พบว่าการรับประทานลูกไหนอบแห้ง หรือลูกพรุนจะช่วยควบคุมความอยากอาหารได้­­อีกด้วย ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปยังคงอยู่ในท้องนานขึ้น ลดอาการหิวบ่อย ๆ และการรับประทานอาหารมากเกินพอดีได้อีกด้วยค่ะ

ลูกไหน กับข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัย

          แม้ว่าลูกไหนจะมีประโยชน์มาก แต่ว่าลูกไหนก็มีกรดออกซาลิก (Oxalic) ซึ่งสามารถพบได้ปกติในผักผลไม้หลายชนิด แม้จะไม่มีความอันตรายแต่สำหรับบางคนการรับประทานลูกไหนมากเกิน­ไปอาจทำให้ กรดออกซาลิกตกผลึกจนกลายเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้­

          ดังนั้นหากมีการพบว่ามีก้อนนิ่วจากกรดออกซาลิกในระบบทางเดินปัส­สาวะควรหลีก เลี่ยงการรับประทานลูกไหน และสำหรับคนทั่วไปก็ควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายสามา­รถขับกรดออก ซาลิกออกทางปัสสาวะได้และไม่ตกค้างในร่างกายค่ะ

          นอกจากนี้ การรับประทานลูกไหนมากจนเกินไปอาจจะทำให้สารบางชนิดในลูกไหนไปร­บกวนการดูด ซึมของแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ­

          ไม่เพียงเท่านั้น ลูกไหน ลูกพรุน และน้ำลูกพรุนเข้มข้น ยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอีกด้วย การรับประทานมากเกินไปอาจจะทำให้ท้องเสีย และจะยิ่งอันตรายมากขึ้นหากผู้ที่รับประทานเป็นเด็กค่ะ

          คุณค่าสูงขนาดนี้แล้ว จะมัวแต่เมินเจ้าลูกไหนไปทำไมกันล่ะ รีบหามารับประทานกันดีกว่า แต่ควรทานอย่างพอดี ๆ เพื่อสุขภาพที่ดี เพราะถ้าทานมากเกินไป อาจเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมาแทนได้ไม่ต่างกับอาหารประเภทอื่น ๆ นะคะ

  
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- livestrong.com
- whfoods.com
- nutrition-and-you.com
- besthealthmag.ca
- foodnavigator-usa.com
- usda.gov
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, May 26, 2015

7 สุดยอดอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำ




ผัก-ผลไม้มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง แล้วยังเป็นอาหารที่หาได้ง่ายราคาไม่แพง จึงควรรับประทานเป็นประจำหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยเฉพาะ 7 ชนิดนี้

1. มะเขือเทศ

มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย ให้วิตามินซี 76 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระไลโคปีนสูง ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงปกป้องเซลล์ผิวไม่ถูกแสงแดดทำลาย

คำแนะนำ :ควรนำมะเขือเทศไปปรุงให้สุกด้วยความร้อนจะช่วยให้ไลโคปีนในมะเขือเทศสูงขึ้น รวมทั้งควรรับประทานกับไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารไลโคปีนได้ดีขึ้น

2. แครอท

แครอทเป็นหนึ่งในผักที่มีวิตามินเอสูง แครอทสุก 1 ถ้วยมีวิตามินเอมากกว่าที่ร่างกายต้องการแล้ว แครรอทมีสารต้านอนุมูลอิสระ falcarinol ซึ่งช่วยป้องกันมะเร็ง

คำแนะนำ :รับประทานแครอทแบบปรุงสุกดีกว่ารับประทานดิบ และควรต้มก่อนนำมาหั่น เพราะผลการวิจัยพบว่าช่วยให้มีสาร falcarinol สูงกว่า หั่นก่อนต้ม 25 เปอร์เซ็นต์

3. เห็ด

นักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่าเห็ดมีสารอาหารซึ่งช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีผลการวิจัยหลายชิ้นพบว่าเห็ดมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย


4. ถั่วแดง

ผลการวิจัยพบว่าถั่วแดงที่ราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆ มากกว่าสตรอว์เบอรรี่ ราสเบอรี่ และแอบเปิ้ลเสียอีก


5. กระเทียม

กระเทียมช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว เพื่อใช้ต่อต้านเชื้อโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนั้นกระเทียมยังมีสารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล ส่งผลให้หัวใจมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น

คำแนะนำ : กระเทียมดิบมีสารอาหารมากกว่ากระเทียมสุก ถ้าจะนำไปผัดหรือใช้ความร้อนควรทุบกระเทียมก่อนปรุงประมาณ 10 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนทำลายสารอาหารสำคัญไปเสียหมด และไม่ควรผัดหรือปรุงด้วยความร้อนนานเกินไป
 
6. กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูง ผลการวิจัยจากเกาหลีพบว่า กล้วยเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีสารอาหารซึ่งช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รวมทั้งยังช่วยป้องกันโรคหัวใจวายอีกด้วย


7. มันเทศ

มันเทศ มีวิตามินเอ 61 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง วิตามินอีที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี รวมทั้งเป็นอาหารไฟเบอร์สูงที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและเป็นผลดีต่อระบบการย่อยอาหาร


ที่มา : นิตยสารแพรว // https://www.facebook.com/dortorherb

Monday, May 25, 2015

เช้าวันจันทร์ทำ 7 สิ่งนี้ ชีวิตจะดีมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง !




         เปลี่ยนวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อให้เป็นวันจันทร์สุดหรรษา ในแบบฉบับของคนประสบความสำเร็จในชีวิต 

          อยากให้ชีวิตดีขึ้นบางทีก็ไม่จำเป็นต้องพยายามดิ้นรนอะไรให้มาก­­มายเลยค่ะ เพียงแค่เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะวันจันทร์ วันเริ่มต้นสัปดาห์ของการทำงานและนิสัยติดตัวบางอย่างตามที่ Lifehack แนะนำมาเท่านั้น แล้วคุณจะเป็นคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตสูงขึ้นโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
 
1. ตื่นแต่เช้าตรู่

          ตื่นเช้าได้กำไรชีวิตฟรี ๆ โดยไม่ต้องลงทุน คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ค่อยนอนตื่นสายกันหรอกค่ะ เพราะถ้าตื่นเช้าเราก็มีเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น อย่างน้อยก็ได้ใช้ชีวิตอย่างละเมียดละไม ไลฟ์สไตล์ดูดี๊ดีบอกไม่ถูกจริง ๆ หรือจะส่องตัวอย่างจากมิเชล โอบามา สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาก็ได้ค่ะ เธอบอกว่าทุกวันนี้ตื่นนอนไม่เคยเกินตีห้าสักวัน แล้วเธอใช้เวลาช่วงนั้นดูแลตัวเองก่อนจะปรากฏตัวต่อหน้าประชาชนโลก
2. นั่งสมาธิหลังตื่นนอน

          ตื่น เช้าแล้วไม่รู้จะทำอะไรดี เริ่มจากการนั่งสมาธิช่วงสั้น ๆ สัก 5 นาทีก็เวิร์กไม่เบา โดยนอกจากจะได้ทำสมาธิให้ตัวเองแล้ว การนั่งสมาธิยังทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจก็จะสม่ำเสมอ และเมื่อนั่งสมาธิติดต่อกันเป็นประจำ เชื่อเถะอว่าคุณจะกลายเป็นคนมีสติปัญญาในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไ­­ด้ดีขึ้น โดยเฉพาะใครที่สมาธิสั้นจนทำอะไรก็ดูลนลานไปหมด การนั่งสมาธิในเช้าวันจันทร์อย่างที่บอกจะช่วยให้คุณดึงสติตัวเ­­องได้ดีขึ้น  
 
3. สร้างแรงกระตุ้นให้ตัวเอง

          ถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เกลียดวันจันทร์เข้าไส้ ลองหาแรงกระตุ้นให้ตัวเองมีความกระตือรือร้นกับวันแรกของการทำง­­านหน่อยดี ไหมคะ โดยอาจจะหาหนังสือฮาวทูที่มีเรื่องราวเป็นแรงบันดาลใจได้ดี หรือจะมีเทคนิคในการกระตุ้นตัวเองด้วยวิธีอื่นก็ไม่ผิดกฏกติกา หรือแม้แต่สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองด้วยความคิดในแง่บวก และคำพูดเชียร์อัพตัวเองก็ช่วยได้เยอะ ลองดูสิ

4. เติมท้องด้วยอาหารมีประโยชน์

          ร่างกายของเราต้องการอาหารและคุณประโยชน์จากอาหารมาเพื่อสนับสน­­ุนระบบการทำงาน ของประสาทและสมอง ซึ่งอาหารที่ควรจะกินเข้าไปก็ควรอุดมไปด้วยประโยชน์ที่คุ้มค่า ครบ 5 หมู่ อย่างที่ Business Insider เขาไปแอบส่องสูตรอาหารเช้าของคนในแวดวงธุรกิจและพบว่า นักธุรกิจเงินล้านส่วนใหญ่จะกินข้าวโอ๊ต นม ธัญพืช ผลไม้ ถั่ว และไข่ไก่เป็นอาหารเช้าทุกวัน เรียกได้ว่าเติมทั้งพลังงานร่างกายและพลังงานสติปัญญาเชียวล่ะ ซึ่งคนไทยอย่างเราอาจเน้นกินอาหารที่มีไข่ไก่ เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ โฮลวีท น้ำเต้าหู้ เป็นอาหารเช้าก็ได้ค่ะ 

5. ออกกำลังกายปลุกพลังให้ตัวเอง

          ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ถึงกับให้สัมภาษณ์เลยว่า ในทุก ๆ วันตัวท่านไม่ขออะไรมาก ขอแค่มีเวลาได้ออกกำลังกายบ้างสักนิดก็ยังดี เพราะการออกกำลังกายในตอนเช้าจะช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวมากกว่าปกติ คราวนี้ก็พร้อมทำกิจวัตรประจำวันอย่างเต็มกำลัง อ้อ ! แต่การออกกำลังกายในตอนเช้าก็ไม่จำเป็นต้องไปฟิตเนสเสมอไปนะคะ เพียงโยคะหรือเวท เทรนนิ่งเบา ๆ ประมาณ 10 นาทีก็พอ

6. ติดต่องานอย่างซึ่ง ๆ หน้า

          สตีฟ จ็อบส์ ผู้บริหารรายใหญ่ของแอปเปิลถือเอาวันจันทร์เป็นวันประชุมงานของ­­องค์กร และเป็นการประชุมแบบพูดคุยกันซึ่งหน้า ๆ ทั้งที่เทคโนโลยีที่เขามีอยู่ในมือนั้นช่วยอำนวยความสะดวกได้มา­­กกว่าการ เรียกประชุมคนมานั่งมองหน้ากันเป็นไหน ๆ ทว่าสตีฟ จ็อบส์มีคำพูดหนึ่งที่น่าคิดมากว่า การพูดคุยงานกันแบบซึ่ง ๆ หน้าจะทำให้เราเห็นสีหน้าของคู่สนทนา ได้อ่านความคิดของพนักงานผ่านแววตาและน้ำเสียง ได้แสดงออกทางอารมณ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่มีหมกเม็ด ที่สำคัญการพูดคุยกันซึ่ง ๆ หน้ายังลดความกำกวมของเนื้อหาที่สื่อสารกันอีกด้วย


7. ใส่ใจอีเมลงานโดยเร็วที่สุด

          เช้าวันจันทร์ถึงที่ทำงานปุ๊บก็เปิดคอมพิวเตอร์เคลียร์อีเมลก่อ­­นอันดับแรก และพยายามอย่าปล่อยให้อีเมลกองสุมอยู่ในกล่องข้อความจนเยอะเกิน­­และพาให้ ไม่อยากเปิดอ่าน เนื่องจากคุณอาจพลาดอีเมลสำคัญและเผลอปล่อยโอกาสดี ๆ บางอย่างตกหล่นไปเพราะความไม่ใส่ใจก็เป็นได้


          ไม่อยากให้วันจันทร์กร่อยอีกต่อไป ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปฏิบัติดูนะคะ และมันดีตรงที่มีของแถมเป็นโอกาสดีงามของชีวิตที่จะเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ ในอนาคตได้อีกด้วย

แหล่งที่มา  http://money.kapook.com/view119681.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต