Sunday, December 8, 2019

ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยพร้อมตัวอย่างและคำแปล


Precious (adj.)
คำแปล         มีค่ามาก ล้ำค่า
Nothing is as precious as love.
ไม่มีสิ่งใดมีค่าเท่ากับความรัก

Hesitation (n.)
คำแปล          ความลังเลใจ
Now there can be no more hesitations and delays.
ตอนนี้จะไม่มีความลังเลและความล่าช้าอีกต่อไป

Compare (v.)
คำแปล          เปรียบเทียบ
My love for you could not compare to anything in the world.
ความรักที่ฉันมีให้กับคุณไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งใดในโลก

In spite of
คำแปล          ถึงแม้ว่า
In spite of his poverty, he behaves well.
ถึงแม้ว่าเขาจะยากจนแต่เขาก็ประพฤติดี

Make friends with        
คำแปล ผูกมิตรกับ
He wants to make friends with you.
เขาต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ

Disappoint  (v.)                                
คำแปล        ทำให้ผิดหวัง
I don't want to disappoint you.
ฉันไม่ต้องการที่จะทำให้คุณผิดหวัง

Expression (n.)
คำแปล        การแสดงออก
Teardrop is an expression of sadness.
หยดน้ำตาคือการแสดงออกของความโศกเศร้า

Saturday, December 7, 2019

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ


Accept (v.)
คำแปล         รับ ยอมรับ
We have to accept that things change.
เราต้องยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไป

Expect (v.)
คำแปล          หวัง คาดหมาย
Don't expect too much from me.
อย่าคาดหวังจากฉันมากเกินไป

Confident (adj.)
คำแปล          มั่นใจ เชื่อมั่น
I feel confident of his love.
ฉันรู้สึกเชื่อมั่นในความรักของเขา

Desire (n.)
คำแปล                         ความปรารถนา
I confuse between desire and love.
ฉันสับสนระหว่างความปรารถนากับความรัก

Survive (v.)
คำอ่าน                       เซอไวฟ
คำแปล                      เอาตัวรอด อยู่รอด
They tried to survive in the desert.
พวกเขาพยายามที่จะเอาชีวิตให้รอดในทะเลทราย

Valuable (adj.)
คำแปล         มีค่า
Our friendship is more valuable than money.
มิตรภาพของเรามีค่ามากกว่าเงิน

Leave (v.)
คำแปล          จากไป ทิ้งไว้ ปล่อยไว้
Don't leave me alone.
อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว

cr. pic.  https://www.pinterest.com/pin/747597606879431326/

Thursday, October 17, 2019

9 นิสัยแบบนี้ สรุปว่าไม่ดีต่อสุขภาพจริงหรือเปล่า ?


      
         บางพฤติกรรมที่เราทำกันจนเคยชิน แต่กลับมีหลายคนบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเอาเสียเลยนะ ชวนให้อดสงสัยไม่ได้ว่าที่คนเขาบอกต่อมากันนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า แล้วบางพฤติกรรมที่คิดว่าดีแล้วล่ะ สรุปว่าเราทำก็ไม่เป็นไรใช่ไหม เพื่อไขข้อสงสัยใน 9 เรื่องต่อไปนี้ กระปุกดอทคอมจึงหยิบเอาข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซต์ health.com มาฝากกัน คราวนี้เราก็จะได้รู้กันแล้วว่า หลายเรื่องสุขภาพที่เราสงสัยกันอยู่นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่

1. ลืมกินยาคุมกำเนิด คงไม่ท้องง่าย ๆ หรอกมั้ง?

          ผู้หญิงที่คุมกำเนิดด้วยการกินยาคุมกำเนิดอยู่ จำเป็นต้องมีวินัยในการกินยาค่อนข้างมาก เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะเสี่ยงตั้งครรภ์ทั้ง ๆ ที่ยังไม่พร้อม ยืนยันด้วยผลสำรวจของผู้หญิง 100 คนที่กินยาคุมกำเนิด จะมีสัก 2-9 คนที่ตั้งครรภ์ และสาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะลืมกินยาหรือตัดสินใจกินยาคุมกำเนิดช้าเกินไป

          อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำว่าหากวันไหนคุณลืมกินยาตามกำหนด ก็ควรจะกินทันทีที่นึกขึ้นได้ หรือกิน 2 เม็ดในวันถัดไป แต่ถ้าลืมกิน 2 วันติดกัน ก็ต้องกินวันละ 2 เม็ด ต่อเนื่องกัน 2 วัน และคุมกำเนิดทางอื่น เช่น สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยอีกประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ถ้ามีปัญหากับการกินยาคุมกำเนิด อย่างกินแล้วปวดหัว นอนไม่หลับ น้ำหนักขึ้น ก็ควรต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางคุมกำเนิดแบบอื่นกันต่อไป

2. ดื่มกาแฟหนักไป อันตรายหรือเปล่า?

          พฤติกรรมติดกาแฟ ชนิดที่ต้องดื่มวันละไม่ต่ำกว่า 3 แก้วต่อวัน อาจไม่ได้ทำร้ายคุณให้ถึงตาย แต่ก็มีส่วนทำให้คุณมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จนส่งผลต่อสุขภาพได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน เพราะนอกจากกาแฟจะมีคาเฟอีนแล้ว เหล่าส่วนผสมของกาแฟทั้งนม น้ำตาล ครีมเทียม วิปครีม ฟองนม ก็มีส่วนทำให้ที่เรามีน้ำหนัก และแคลอรี่เกินได้

          ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ กาแฟดำหนึ่งแก้วเพียว ๆ  ให้พลังงาน 5 กิโลแคลอรี่ น้ำตาลจำนวน 2 ก้อนหรือ 2 ช้อนชา สามารถเพิ่มพลังงานแคลอรี่ได้อีก 50 กิโลแคลอรี่ ดังนั้น กาแฟดำแก้วนี้ก็จะให้พลังงานทั้งหมด 55 กิโลแคลอรี่ นี่ยังไม่นับรวมแคลอรี่จากครีมเทียม และนมอีกนะคะ ดังนั้นถ้าคุณดื่ม 3 แก้วต่อวัน ก็นับแคลอรี่กันเพลินไปเลยล่ะ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารเพื่อสุขภาพเป็นประจำ และดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีอยู่เสมอ ขอย้ำว่าอยู่เสมอ ! กาแฟใส่ทั้งน้ำตาล ทั้งครีมเทียมสักถ้วยก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาค่ะ

3. เล่นโทรศัพท์ขณะเดิน เสี่ยงตายขนาดไหน?

          นับเป็นพฤติกรรมที่เห็นกันจนชินตา และกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมกันไปแล้ว แต่การเล่นโทรศัพท์ในขณะเดิน หรือทำอะไรอยู่ก็เพิ่มความเสี่ยงสารพัดอย่างในชีวิตมากมายเลยทีเดียว เป็นต้นว่า โดนล้วงกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว โดนฉกโทรศัพท์ไปต่อหน้าต่อตา หรือถูกรถชนเพราะเดินเล่นโทรศัพท์ขณะข้ามถนน เป็นต้น

          และจากผลการสำรวจก็พบว่า ผู้ที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในขณะเดินข้ามถนน จะมีความระมัดระวังน้อยกว่าคนที่ไม่ได้เดินเล่นโทรศัพท์ถึง 4 เท่า และส่วนมากจะเงยหน้ามาดูสัญญาณไฟ และทางเดินเพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้น และก้มหน้ากลับไปสนใจโทรศัพท์ต่อ ทำให้อุบัติเหตุอย่างรถชนจะเกิดกับคนกลุ่มนี้ค่อนข้างบ่อย ดังนัั้นคงจะดีไม่น้อยถ้าจะมีสติกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ และเก็บโทรศัพท์เอาไว้เล่นในตอนที่ว่างดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคุณเองนะคะ

4. ชั่งน้ำหนักอยู่ตลอดเวลา ช่วยลดความอ้วนจริงเหรอ?

          รู้ไหมคะว่าน้ำหนักตัวของเราผันผวนอยู่ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีน้ำหนักของเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอาหารที่กินไปในแต่ละวันร่วมด้วย ดังนั้น หากคุณขยันชั่งน้ำหนักเป็นว่าเล่นเหมือนเช็กหุ้น ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร หนำซ้ำยังอาจจะทำให้คุณกังวลไปเปล่า ๆ และไม่ได้ช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้แน่ ๆ

          แต่ถ้าคุณอยากรู้น้ำหนักตัวที่แท้จริงและแน่นอน แนะนำให้ชั่งน้ำหนักตอนตื่นนอนใหม่ ๆ ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายแล้ว และชั่งในขณะที่เนื้อตัวเปลือยเปล่า เพราะจะเป็นน้ำหนักตัวสุทธิของเราอย่างแท้จริง และการชั่งน้ำหนักตัวเองอย่างนี้ทุกวัน จะช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ง่าย ๆ เพราะถ้าน้ำหนักตัวเริ่มเพิ่มขึ้น เราก็จะไหวตัวทันก่อนยังไงล่ะ

5. ใช้ฟองน้ำล้างจานจนเก่าไม่ได้หรือ?

          หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ฟองน้ำล้างจานมีเชื้อโรคและแบคทีเรียสะสมอยู่มากแค่ไหน ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่า ฟองน้ำล้างจานเปรียบเสมือนโรงแรม 6 ดาวของเจ้าเชื้อโรคเลยล่ะ เพราะเราใช้ฟองน้ำล้างจาน เช็ดล้างทำความสะอาดจานชามที่มีคราบและเศษอาหารติดอยู่มากมาย ซึ่งถ้าหากว่าหลังการใช้งาน เราไม่ล้างฟองน้ำและบีบให้หมาดที่สุด ก่อนจะเก็บไว้ในที่แห้งทุกครั้ง ก็จะยิ่งเพิ่มเชื้อโรคและเชื้อราในฟองน้ำเข้าไปใหญ่ พอนำมาล้างจานครั้งต่อไป เจ้าสารพัดเชื้อโรคที่ว่า ก็จะกระจายเกาะอยู่ตามจานชามของเราด้วย จนอาจจะทำให้คนในบ้านที่ใช้จานชามเหล่านี้ เสี่ยงมีอาการท้องร่วง ท้องเสีย และป่วยได้ง่าย ๆ

          ดังนั้น หลังใช้ฟองน้ำทุกครั้ง ควรล้างน้ำเปล่าให้สะอาด บีบน้ำออกจนเกือบแห้ง และเก็บไว้ในที่แห้งสะอาด นอกจากนี้ควรหมั่นฆ่าเชื้อโรคด้วยการชุบฟองน้ำด้วยน้ำสะอาดให้ชุ่ม แล้วนำเข้าไปอบในไมโครเวฟ (เฉพาะฟองน้ำที่ไม่มีโลหะและเหล็กเป็นส่วนประกอบนะคะ) ตั้งความร้อนที่อุณหภูมิสูงสุด ใช้เวลาประมาณ 2 นาที  และคอยดูอย่าให้ฟองน้ำแห้ง เพราะอาจจะเกิดไฟไหม้ เป็นอันตรายได้

6. นั่งโถส้วมสาธารณะ มีสิทธิ์ติดเอดส์เลยเหรอ?

          หลายคนคิดว่าฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคปะปนอยู่จนอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เราเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคหนองใน โรคเอดส์ หรือโรคจากเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จนไม่กล้าลงนั่งชักโครกด้วยก้นเปลือยเปล่าได้ แต่ขอบอกว่าไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่า การนั่งชักโครกจะทำให้เราติดโรคหนองใน หรือโรคเอดส์ เพราะไม่มีทางที่เชื้อโรคเหล่านี้จะสามารถเข้ามาสู่ร่างกายเราได้ เนื่องจากช่องคลอดของคุณอยู่ในร่างกาย ไม่น่าจะมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคแถว ๆ ที่นั่งชักโครกได้แน่ ๆ จ้า

7. ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ซื้อยามากินเองบ่อย ๆ ไม่เป็นไรใช่ไหม?

          ยาสามัญประจำบ้าน หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า OTC (Over-The-Counter Medication) คือยารักษาโรคทั่วไปที่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยา โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ก็ได้ จึงทำให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ยอมไปหาหมอ แต่มาหาเภสัชกรที่ร้านขายยา และซื้อยาบรรเทาอาการกินด้วยตัวเอง

          แต่ทราบไหมคะว่าพฤติกรรมแบบนี้ เป็นอันตรายกับร่างกายมาก ๆ เพราะถ้าเอะอะเกิดเจ็บไข้ขึ้นมา แล้วคุณเลือกจะกินยาที่หาซื้อมาเอง บรรเทาอาการจนติดเป็นนิสัย ก็อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้รับตัวยาเหล่านี้ในจำนวนที่เกินขนาด เป็นอันตรายต่อตับและตกค้างในไตได้ โดยเฉพาะยาแก้อักเสบ ที่อาจจะระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ในเวลาต่อมา และยิ่งถ้าคุณเป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว การกินยาสามัญเหล่านี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายที่อาการป่วยเริ่มหาย คุณอาจจะปวดหัวหรือไมเกรนกำเริบขึ้นแทนได้ เนื่องจากร่างกายจะตอบสนองต่อยาเหล่านี้หลังจากที่รับยาเข้าไปสักระยะหนึ่งแล้วนั่นเอง 

8. กินอาหารกลางวันที่โต๊ะทำงานจะอ้วนขึ้นจริงรึเปล่านะ?

          ยอมรับมาซะดี ๆ เถอะค่ะว่าคุณก็เป็นอีกคนที่มีงานติดพัน และชอบกินอาหารกลางวันที่โต๊ะทำงาน กินไปทำงานที่ค้างอยู่บนหน้าจอไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ทุกวัน ฉะนั้นหากน้ำหนักเพิ่ม หรืออ้วนขึ้นก็ไม่ต้องสงสัยนะคะ เพราะการนั่งกินอาหารบนโต๊ะทำงาน ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการนั่งกินข้าวหน้าจอทีวี ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลิน และกินมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว นึกได้อีกทีก็ตอนที่อ้วนขึ้นแล้ว รู้อย่างนี้แล้ว ทุกกลางวันก็เดินไปที่โรงอาหาร หรือเดินออกไปหาร้านอาหารใกล้ ๆ ออฟฟิศกินดีกว่า หรือถ้าไม่อยากออกไปเจอแดดร้อน ๆ ก็กินข้าวในออฟฟิศก็ได้ แต่นั่งกินอย่างเป็นกิจจะลักษณะที่โต๊ะอาหารนะจ๊ะ

9. เบี้ยวนัดคุณหมอ คงไม่เป็นไรใช่ไหม?

          หากมีนัดกับคุณหมอแล้วไม่ค่อยยอมไป เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีอาการเจ็บป่วยอะไรมากมาย หรือถึงคราวที่ต้องตรวจสุขภาพประจำปีแล้วก็เบี้ยวคณหมอดื้อ ๆ อย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะคุณจะพลาดโอกาสได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของสุขภาพตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย และอย่าลืมว่าโรคร้ายแรงหลายโรค มักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่บทจะเผยตัวให้รู้สึกก็สายเกินเยียวยาไปแล้ว

          ดังนั้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งที่รู้สึกป่วย หรือไปหาหมอตามนัดเป็นประจำ และอย่าเบี้ยวการตรวจสุขภาพประจำปี หากมีปัญหาสุขภาพ หรือความผิดปกติใด ๆ กับร่างกาย จะได้หาทางรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

          หลายพฤติกรรมที่เราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่น่าจะดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังลังเลอยู่นิดหน่อย ว่าอาจจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสักเท่าไร จึงทู่ซี้ทำกันเรื่อยมาอยู่ทุกวี่วัน วันนี้ก็คงกระจ่างแจ้งกันด้วยข้อมูลที่เรานำมาเสนอกันแล้วนะคะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
https://health.kapook.com/view66948.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/747597606877669079/?nic=1

Wednesday, March 6, 2019

ทายนิสัยจากสีที่ชอบ แค่รู้จักสีโปรด ก็เผยตัวตนของคนนั้นได้



ทายนิสัยจากสีที่ชอบ บางคนอาจจะคิดแค่ว่าสีที่ชอบคงบอกได้แค่ว่าเรามีรสนิยมแบบไหน เป็นสาวหวาน สาวเท่ หรือสาวเปรี้ยวเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว สีโปรดในใจคุณ บอกตัวตนที่แท้จริงได้มากกว่าที่คาดคิดเอาไว้

เวลาที่เราเพิ่งรู้จักเพื่อนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เพื่อนผู้ชายที่เขาหวังจะมาจีบเรา บางครั้งแทบจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของเขามาก่อน ว่าเขาเป็นคนยังไง การพบกันก็เลยดูเคอะเขินไปสักหน่อย ด้วยไม่กล้าพูดคุยอะไรมากนัก เพราะถ้าพูดไม่ถูกหูอาจไม่ชอบใจกันตั้งแต่ครั้งแรกไปเปล่า ๆ แต่ในเมื่อรู้จักกันแล้ว คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอครั้งต่อไป ได้เรียนรู้นิสัยเขาเอาไว้คงดีไม่น้อย แล้วจะทำอย่างไรถึงจะรู้ตัวตนของคนคนนั้นให้มากขึ้นแบบไม่ต้องใช้เวลานาน ถ้าอย่างนั้นก็ลองทายนิสัยตัวตนจากสีที่เขาชอบดูก็ได้ อาจจะไม่ตรงมากนักแต่อย่างน้อยก็ได้รู้ภาพรวมนิสัยของเขา หรือจะเอาไปเล่นทายนิสัยจากสีกันแบบขำ ๆ เมื่อเจอกันครั้งหน้าก็ยังได้ ถ้าอยากรู้ว่าคนชอบสีไหนมีตัวตนอย่างไร กระปุกดอทคอมจะมาช่วยไขให้เอง

1. สีขาว

  
          สีขาว คือ สีที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสง่างาม ตัวตนของคนที่ชอบสีขาวก็ไม่ต่างกัน ด้วยพวกเขาชอบที่จะใช้แต่ของสวยงาม ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา ชอบออกไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่น่าตื่นตา เป็นคนที่ตั้งความหวังในตัวเองและคนรอบข้างไว้สูงมาก บางครั้งถ้าสิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นไปตามแผนก็ทำเอาคนกลุ่มนี้กลุ้มใจไปหลายวันเลยทีเดียว หลายคนชอบคิดว่าคนที่ชอบสีขาวมักจะสันโดษ ไม่สุงสิงกับใคร แต่เปล่าเลยพวกเขาแค่เป็นคนมีความมั่นใจและเก็บความรู้สึกเก่งแค่นั้นเอง ถ้าได้รู้จักกันจริง ๆ แล้วจะรู้ว่าพวกเขาอ่อนโยนและมีเมตตามากทีเดียว

2. สีดำ

          แค่ดูจากโทนสีก็พอรู้แล้วว่าใครที่ชอบสีนี้เป็นคนลึกลับมากแค่ไหน แถมยังมีความเป็นศิลปินสูงมาก ไม่ค่อยมีใครเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเขาสักเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่สนใจโลกภายนอกเลย เพราะเขาชอบที่จะแสวงหาอำนาจและทะเยอทะยานเป็นที่สุด รู้ว่าสิ่งไหนที่ต้องใส่ใจสิ่งไหนที่ต้องมองข้าม ทำให้จัดการงานทุกอย่างได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ส่วนใครที่คิดจะเข้าไปจีบคนชอบสีดำ คงต้องคิดหนักสักหน่อย เนื่องจากพวกเขาไม่ค่อยเปิดใจให้ใครมากนัก ขนาดคนใกล้ตัวยังเดาใจเขายากเลย

3. สีเทา

          ถ้าใครรู้จักคนที่ชอบสีเทา ลักษณะนิสัยแรก ๆ ที่ผุดเข้ามาในหัวคงหนีไม่พ้นความมีมารยาทและการรู้จักวางตัวแน่นอน เวลาลงมือทำอะไรสักอย่างก็ดูเรียบร้อยสวยงามไปหมด คนกลุ่มนี้มักจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่น หากมีความลับอะไรที่คันปากอยากจะเล่าก็มาเล่าให้พวกเขาฟังได้ เนื่องจากเขาเก็บความลับเก่งมาก ไม่มีทางเอาเรื่องของเราไปเล่าต่อแน่นอน

4. สีชมพู

          มีคนอยู่สองกลุ่มที่ชื่นชอบในสีชมพูเป็นพิเศษ กลุ่มแรกคือคนที่ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าออกไปเผชิญโลกข้างนอก อีกกลุ่มคือคนสูงอายุหน่อยที่โหยหาความเป็นเด็ก อยากกลับไปอยู่ในวัยนั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คนที่ชอบสีชมพูมักจะมีความอ่อนโยน ไร้เดียงสา อ่อนหวาน ไม่ก้าวร้าว อยากให้ชีวิตนี้ดูสดใสไปทุกอย่าง มองโลกในแง่ดีเอามาก ๆ หรือถ้าจะให้เห็นภาพชัดเจนก็คือมีความเป็นคุณหนูไฮโซประมาณนั้นเลย 

5. สีส้ม

          สาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่ชอบสีส้มมักจะเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ใคร ๆ ก็รักคุณ ด้วยความที่มีนิสัยเป็นมิตร ยิ้มง่าย หาเรื่องคุยกับคนอื่นได้อย่างไม่เคอะเขิน จึงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย มีเพื่อนเยอะ ถ้าเป็นงานสังคมขอให้บอก พร้อมออกงานเสมอ แต่ถ้าให้คนรักสีส้มแต่งงานมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนคงเป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยพวกเขามีนิสัยติดเพื่อน ขืนแต่งขึ้นมาจริง ๆ ต้องปรับตัวเยอะเลย อาชีพที่เหมาะก็คือ การได้ทำงานเป็นกลุ่มใหญ่ พบปะผู้คน หรือถึงขั้นเป็นนักการเมืองเลยก็ได้ แต่ข้อเสียของคนกลุ่มรักสีส้มคือไม่ค่อยชอบอยู่ในกฎระเบียบเท่าไหร่นัก

6. สีแดง

          คนที่ชอบสีแดงส่วนใหญ่แล้วจะมีบุคลิกเปิดเผย กล้าคิด กล้าแสดงออก แล้วก็ทะเยอทะยานเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของคนที่ชอบสีนี้ แต่ข้อเสียก็คือเป็นที่มีอารมณ์รุนแรงมาก นึกจะพูดอะไรก็พูด ไม่ค่อยเกรงใจใคร เห็นอะไรขัดหูขัดตาเป็นไม่ได้ ต้องพูดอออกมาทุกครั้ง แถมอารมณ์ขึ้นลงเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อย่างไรก็ตาม ความสุขคือสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนกลุ่มนี้ เขาเกิดมาเพื่อทำให้ทุกอย่างสดใส ไม่ชอบความน่าเบื่อ เป็นคนที่ตัดสินคนอื่นเร็วมากแล้วก็ไม่กลัวที่จะแสดงความเห็นนั้นให้คนอื่นรู้ด้วย

7. สีน้ำตาล

          หากรู้จักใครที่ชอบสีน้ำตาล สาว ๆ คงจะรู้ดีเลยว่าคนกลุ่มนี้มีอุดมการณ์แรงกล้ามาก ดื้อดึง หัวรั้น ถ้าต้องต่อสู้เพื่อให้ได้อะไรสักอย่างหนึ่งเขาก็จะทุ่มเทเต็มที่ ไม่มีคำว่ายอมแพ้เลย แต่ถ้าเป็นเรื่องการเงินนี่แทบจะไม่ต้องเอ่ยปากขอ เพราะคนกลุ่มนี้ขี้งกสุด ๆ อย่าหวังว่าเงินจะกระเด็นออกมาจากกระเป๋าพวกเขาง่าย ๆ ด้านความคิด คนกลุ่มนี้แม้จะไม่ใช้คนหัวไวนักแต่ก็คิดแบบมีเหตุผล อยากรู้อะไรก็ต้องรู้ลึก รู้จริง ไม่ใช่แค่ผิวเผิน

8. สีเหลือง

          คนที่มีสีเหลืองเป็นสีโปรดปรานในดวงใจ บอกได้เลยว่าคนกลุ่มนี้มีนิสัยสดใส ร่าเริง สนุกสนานไม่ต่างจากโทนสีสักนิด ยิ่งให้พวกเขาทำงานเกี่ยวกับศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ เชื่อได้ว่าผลงานต้องออกมาดีแน่นอน แล้วใครที่มีเพื่อนชอบสีเหลืองก็มั่นใจได้เลยว่าไม่โดนหักหลังแน่ เพราะพวกเขารักเพื่อนฝูงมาก แถมเพื่อนไปเฮที่ไหนก็เฮตามได้ตลอดไม่มีเบื่อ

9. สีเขียว

          หากสีเขียวเป็นสีโปรดของคุณละก็ เชื่อได้ว่าคุณต้องเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น มีไหวพริบ ขยันหมั่นเพียร แถมยังเด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย และความที่เป็นคนเด็ดเดี่ยวนี่เอง จึงทำให้คนกลุ่มนี้เป็นคนที่กล้าพูด กล้าทำ รักอิสระเป็นชีวิตจิตใจ แถมเรื่องเพื่อนนี่ก็ถึงไหนถึงกันเลยทำให้มีเพื่อนเยอะ แล้วก็ยังเป็นคนกินเก่งด้วย อย่างไรก็ตามด้วยขึ้นชื่อว่าเป็นคนชอบความสมดุล เห็นกินเก่งอย่างนี้ คนรักสีเขียวเขาก็ลดน้ำหนักเก่งเหมือนกันนะเออ 

10. สีฟ้าเขียว

          ใครที่ชอบสีฟ้าเขียวดูจะเป็นคนที่รักความพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะดูจากชื่อสีก็พอจะรู้ จะฟ้าก็ไม่ใช่ จะเขียวก็ไม่เชิง ต้องเป็นสีฟ้าเขียวเท่านั้น คนกลุ่มนี้ดูจะรักการกินดีอยู่ดี ชอบใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ที่ตัดมาอย่างประณีต ถ้าเป็นเรื่องของอารมณ์บอกได้เลยว่าพวกเขาเก็บอารมณ์เก่งมาก ต่อให้ภายในใจจะมีความกดดันมากแค่ไหน แต่ข้างนอกก็จะนิ่งเฉยเหมือนไม่มีความรู้สึกเลย ความรักก็เช่นกัน ถ้าเกิดได้แฟนชอบสีนี้ เตรียมใจไว้เลยว่าเขาไม่โรแมนติกแน่นอน ถ้าเป็นผู้ชายจะมีนิสัยหยิ่ง ๆ หน่อย ดูแลตัวเองดีมาก แล้วก็พูดจาเสียดสีเก่งเช่นกัน ส่วนผู้หญิง จะเก่งเรื่องแฟชั่น ดูทะนงตัวแต่ก็มีเสน่ห์สุด ๆ ผู้ชายเห็นเป็นต้องชอบ

11. สีน้ำเงิน

          กลุ่มคนรักสีน้ำเงินมักจะเป็นคนที่ชอบความสงบเรียบร้อย ทำอะไรตามแบบแผน ควบคุมได้ ถ้ามีอะไรผิดไปจากแผนที่วางไว้ คนกลุ่มนี้จะหงุดหงิดมากทีเดียว เป็นคนชอบเก็บตัว มีสมาธิกับตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่คนฉลาดมากนัก ถึงอย่างไร พวกเขาก็มักจะประสบความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงิน เพราะหาเงินเก่งสุด ๆ และถึงแม้ว่าจะชอบเก็บตัว รักสงบ แต่คนกลุ่มนี้ก็มีความหลงตัวเองมากทีเดียว แถมยังชอบยึดความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังความเห็นใครอีกด้วย

12. สีม่วง

          คนที่ชอบสีม่วง สามารถแบ่งออกมาได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกที่มองอะไรอย่างลึกซึ้ง อารมณ์อ่อนไหว เวลาทำงานอะไรสักอย่างก็พร้อมใส่ใจและความรู้สึกไปในชิ้นงานนั้นอย่างเต็มที่ ส่วนกลุ่มที่ 2 คือพวกที่รักงานศิลปะ ชอบคนที่มีความโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง หวังให้สังคมรอบข้างมีแต่ความสงบ ไร้ซึ่งสงครามและความขาดแคลน แต่โดยรวมแล้วคนที่รักสีม่วงทุกคนดูเหมือนจะมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวสูงมาก ถ้าได้รู้จักกับคนกลุ่มนี้คงต้องหาข้อมูลงานศิลป์ไปคุยด้วยหน่อยแล้ว

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสีข้างต้นที่ผ่านมา สาว ๆ คนไหนชอบสีอะไรกันบ้างแล้วตรงกับนิสัยของเราไหม ถ้าตรงขึ้นมาก็ลองเรียกคนรอบข้างมาถามถึงสีที่ชอบ แล้วทายนิสัยเขาดู ก็เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ไปอีกแบบนะ

ข้อมูลจาก : exemplore.com, weeklyworldnews.com, louisem.com
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/776659898216230088/

Monday, February 25, 2019

หิวบ่อยเกิดจากอะไร ? 5 สาเหตุนี้แหละที่ทำให้กินทั้งวัน !




ตั้งใจจะลดความอ้วนอยู่แท้ ๆ เลยเชียว แต่แปลกที่ร่างกายมักจะเรียกร้องให้กินอาหารตลอดเวลา ใครเป็นแบบนี้บ้างเอ่ย ? ถ้าปล่อยให้ร่างกายรู้สึกหิวตลอดเวลาแบบนี้ บอกเลยว่าไม่ดีแน่นอนเลยค่ะ แต่ก็ไม่ต้องตกใจไปว่าคุณผิดปกติหรือเปล่า เพราะจริง ๆ แล้วปัญหานี้ allwomenstalk บอกว่ามันมาจาก 5 สาเหตุนี้ยังไงล่ะ

ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

          
รู้หรือไม่ว่าคนบางคนสับสนระหว่างอาการหิวกับกระหาย แถมยังชอบหาอาหารเข้าปากมากกว่าจะหาอะไรมาดื่มซะอีก และถ้าหากคุณเพิ่งกินข้าวไปไม่นานแต่รู้สึกหิวอีกแล้ว ก็ลองหาน้ำเปล่ามาจิบดูสิคะ แล้วคุณจะรู้สึกเลยว่าอาการหิวจะค่อย ๆ หายไป

นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

          แปลกใจใช่ไหมล่ะว่าการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเกี่ยวอะไรด้วย แต่รู้ไว้เถอะว่ามันเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกันนะคะ เพราะถ้านอนน้อยเกินไปร่างกายจะผลิตฮอร์โมนกระตุ้นให้หิวมากขึ้น รู้แบบนี้แล้วมานอนพักผ่อนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงกันดีกว่า

แต่ละมื้ออาหารห่างกันเกินไป

          
จริงอยู่ที่ปกติแล้วคนเราควรกินอาหาร 3 มื้อคือ เช้า กลางวัน และเย็น แต่นั่นอาจจะดูเหมือนเป็นช่วงมื้ออาหารที่ห่างกันเกินไปหน่อย ซึ่งอาจจะทำให้คุณหิวมากระหว่างนั้นได้ ทางที่ดีเปลี่ยนมากินอาหารมื้อเล็ก ๆ สัก 5-6 มื้อต่อวันจะช่วยลดความหิวได้มากกว่า

ดื่มแอลกอฮอล์

          การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปนี่แหละ ที่เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งก็จะทำให้คุณรู้สึกหิวกระหายจนต้องหาอะไรเข้าปาก ทางที่ดีถ้าหากดื่มแอลกอฮอล์ ควรสั่งน้ำเปล่ามาดื่มควบคู่ไปด้วย ร่างกายจะได้ไม่สูญเสียน้ำยังไงล่ะเนอะ

ทำงานที่ต้องขยับตัวตลอดเวลา

          
ถึงแม้คุณจะกินอาหารเพียงพอต่อวันก็จริง แต่ถ้าหน้าที่การงานของคุณต้องขยับเขยื้อนตัวหรือใช้แรงงานตลอด นี่แหละก็เป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้คุณหิวได้ ฉะนั้นเวลากินอาหารแต่ละมื้อควรเลือกอาหารที่ให้พลังงานเยอะ ๆ เข้าไว้ จะได้ไม่ต้องหิวบ่อย ๆ ไง


          
ถ้าใครที่ชอบหิวบ่อยจนกินทั้งวัน พอรู้สาเหตุแบบนี้แล้วก็แก้ไขซะเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะทำให้คุณกลายเป็นสาวอ้วนฉุได้นะเออ

เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/189362359302739455/