Saturday, April 22, 2017

อะโวคาโด สรรพคุณล้น ลดอ้วนลงพุง ปราบไขมันในเลือดอยู่หมัด




         อะโวคาโด สรรพคุณเปี่ยมล้น ช่วยทั้งลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แถมยังป้องกันอ้วนลงพุงได้อีก

          แค่อ้วนลงพุงก็เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ เพราะสาเหตุของการอ้วนลงพุงเกิดมาจากไขมันที่สะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีต่อสุขภาพซะด้วย ดังนั้นหากเราลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายลงได้ ปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดก็คงจะลดลง เช่นเดียวกับปัญหาโรคอ้วนลงพุงที่ก็คงจะลดลงด้วยเช่นกัน แต่วิธีที่จะทำให้เราลดความเสี่ยงต่อโรคและความอ้วนลงพุงได้ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ควรทำอะไรบ้าง บอกเลยว่าไม่ยาก แค่กินอะโวคาโดเท่านั้นเอง

          ข้อมูลนี้ไม่ได้มาลอย ๆ ค่ะ การันตีสรรพคุณอะโวคาโดจากนักวิจัยชาวอิหร่านที่ทำการวิจัยและบันทึกผลไว้ที่วารสาร Phytotherapy Research กันเลย โดยนักวิจัยได้รีวิวข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณอะโวคาโดถึง 129 งานวิจัย เพื่อเปรียบเทียบและศึกษาความเกี่ยวข้องของอะโวคาโดกับการลดปัญหาอ้วนลงพุง ทั้งในส่วนการทดลองที่ใช้เนื้ออะโวคาโดล้วน ๆ รวมไปถึงงานวิจัยที่ทำการทดลองทั้งใบอะโวคาโด เปลือกอะโวคาโด น้ำมันอะโวคาโดสกัด และเมล็ดอะโวคาโดด้วย

          ซึ่งจากการเก็บข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดทั้งมวล นักวิจัยก็พบว่า อะโวคาโดมีสรรพคุณเด่นในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และการกินผลไม้รสมันชนิดนี้ก็ดันมีผลต่อระดับไขมันชนิดเลวในเลือด (LDL) ไขมันชนิดดีในเลือด (HDL) ระดับไตรกลีเซอไรด์ เปอร์เซ็นต์ไขมันรวมในเลือด และกรดไขมันรวมทั้งหมดในร่างกาย...ในทางที่ดีซะด้วย

           เพราะผลการวิจัยที่ผ่าน ๆ มาแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า การกินอะโวคาโดทุกวันมีส่วนช่วยลดไขมัน ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ความเสี่ยงโรคอ้วน ความเสี่ยงโรคหัวใจหลอดเลือด และโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง ที่สำคัญการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง 30 คนที่มีระดับไขมันในเลือดปกติ กับกลุ่มตัวอย่าง 37 คนที่มีไขมันในเลือดสูงกว่าปกติเล็กน้อย เมื่อไดเอตร่วมกับการทานอะโวคาโด 1 สัปดาห์ก็พบว่า ค่า LDL คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

          ซึ่งนักวิจัยได้อธิบายกลไกการลดไขมันในร่างกายของอะโวคาโดไว้ว่า ผลไม้ชนิดนี้มีส่วนในการควบคุมการย่อยสลายกรดไขมันในร่างกาย และควบคุมการทำงานของตับและตับอ่อนในส่วนของการเลือกดูดซึมไขมันและการเผาผลาญไขมัน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยสร้างเซลล์ในตับที่ส่งผลให้เอนไซม์สำหรับสังเคราะห์ไขมันในร่างกายมีจำนวนเพิ่มขึ้น เกิดการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นด้วย

          นอกจากนี้งานวิจัยยังเผยข้อมูลสำคัญมาด้วยว่า อะโวคาโดมีส่วนในการช่วยลดน้ำหนัก ยืนยันจากผลการทดลองในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวเกินและเป็นโรคอ้วน กินอะโวคาโดวันละ 1 ผล ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ซึ่งพบว่าน้ำหนักตัวของกลุ่มอาสาลดลง รวมไปถึงดัชนีมวลรวม (BMI) และเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน อีกทั้งยังมีอีกงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า คนที่กินอะโวคาโดเป็นประจำจะมีน้ำหนักตัวและรอบเอวต่ำกว่าคนที่ไม่ได้กินอะโวคาโดเลย แม้กลุ่มที่กินอะโวคาโดจะไม่ได้กินอาหารไขมันสูงน้อยลงก็ตาม

           นั่นแสดงให้เห็นว่า อะโวคาโดสามารถช่วยเราป้องกันภาวะอ้วนลงพุง ภาวะพุงปลิ้น และช่วยลดเปอร์เซ็นต์ไขมันชนิดไม่ดีในร่างกายได้จริง ๆ เพราะผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งเป็นไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ไขมันชนิดนี้จะเข้าไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีในร่างกายและทำให้ไขมันชนิดที่ไม่ดีอย่างคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง

          อีกทั้งกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโดยังจะช่วยชะลอการไหลเวียนของน้ำตาลในเลือด พร้อมกับลดภาวะต้านอินซูลินในร่างกาย และกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวยังช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มหลังมื้ออาหาร แถมยังดีต่อความดันโลหิต และระบบป้องกันการอักเสบได้อีกต่างหากนะ

          เห็นชัดแล้วใช่ไหมคะว่าสรรพคุณของอะโวคาโดเด็ดดวงขนาดไหน ดังนั้นใครยังไม่เคยคิดจะลิ้มลองอะโวคาโดเลยสักครั้งในชีวิต ตอนนี้เปลี่ยนความคิดก็ยังทัน มากินอะโวคาโดวันละ 1 ผลกันเถอะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
time
medicalnewstoday
sciencetimes
เครดิตภาพ  https://health.kapook.com/view169836.html

Thursday, April 20, 2017

วิธีคลายร้อนให้นอนหลับสบาย เอาตัวรอดได้แม้ปรอทแทบแตก




 วิธีคลายร้อนตอนนอน สารพัดวิธีคลายร้อนทั้งแบบไฮโซและวิธีคลายร้อนแบบบ้าน ๆ เพื่อช่วยคุณหาวิธีเอาตัวรอดจากอากาศร้อนปรอทแทบแตกได้ชิล ๆ

          นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าสภาวะโลกร้อน อากาศในแต่ละวันมันถึงได้ร้อนทะลุปรอทจนเกือบจะทนไม่ไหว ก็เล่นแดดแรงตั้งแต่เช้าลากยาวอุณหภูมิเดือดปุด ๆ มาถึงกลางคืน โอย ! อกอีแป้นจะแตก ตับก็เกือบระเบิด อย่างนี้ต้องคลายร้อนด้วยวิธีคลายร้อนที่ใช้ได้ผลตลอดกาลตามนี้­­

เปิดแอร์คลาสสิกสุด

          บ้านไหนมีแอร์อย่าไปกลัวเปลืองไฟ ร้อนแบบนี้เปิดใช้งานแอร์ที่อุตส่าห์ซื้อมาติดไว้ซะเลย แต่ถ้าจะให้ดีอย่าเปิดต่ำกว่า 25 องศานะคะ ไม่อย่างนั้นมิเตอร์ไฟฟ้าของคุณจะหมุนเร็วกว่าที่ควรจะเป็น บิลค่าไฟตอนสิ้นเดือนอาจทำให้สะดุ้งกันได้

เช็กแอร์หน่อยก็ดี

          จริง ๆ แล้วก่อนเข้าสู่หน้าร้อนสุดหรรษา เราควรตรวจเช็กสภาพเครื่องปรับอากาศเตรียมไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะล้างแอร์ เติมน้ำยาแอร์ หรือตรวจเช็กระบบอื่น ๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคลายร้อนและเพิ่มความเย็นฉ่ำชื่นใจในสภาวะอาก­­าศที่ร้อนแทบบ้าตายกันไปข้างหนึ่ง

ระบายอากาศก่อน

          หากบ้านคุณตั้งอยู่ในเขตที่ปลอดภัยต่อโจรขโมย หรือมีคนอยู่ติดบ้านตลอดเวลาก็ควรเปิดประตูหน้าต่างไว้บ้างเพื่­­อให้อากาศได้ระบาย ทว่าหากต้องทิ้งบ้านไว้เพื่อมาทำงาน เอาเป็นว่ากลับไปถึงบ้านปุ๊บก็รีบเปิดประตูหน้าต่างทันทีเลยก็ไ­­ด้ อ้อ ! หรือถ้ามีพัดลมระบายอากาศจะเปิดช่วยอีกแรงก็เริดเลย

รูดม่านบังแดดแรง

          สำหรับส่วนไหนของบ้านที่ปะทะกับแสงแดดยามบ่ายโดยตรง อาจต้องหาม่านสีทึบมาช่วยลดทอนความร้อนจากไอแดดเข้าสู่ตัวบ้านด­­่วน ๆ ยิ่งหากห้องที่ถูกแดดเผาเป็นห้องนอนแล้วด้วยละก็ งานนี้ไม่ติดม่านกันแดดไว้ก็เตรียมตัวนอนแบบสุก ๆ ได้เลย

ติดผ้าใบกันความร้อน

          อีกวิธีคลายร้อนที่ช่วยได้ในระดับหนึ่งคงไม่พ้นการติดผ้าใบกันค­­วามร้อน ซึ่งจะช่วยบังแสงแดดและลดทอนอุณหภูมิร้อนแรงจากแสงแดดเข้าสู่ตัว­บ้านได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ฤดูฝนที่จะต­­ามมาอีกในไม่กี่เดือนหลังจากนี้ด้วยนะคะ

ใส่ใจเครื่องนอน

          เริ่มตั้งแต่ที่นอน ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม ควรทำมาจากวัสดุที่โปร่งพ่วงด้วยคุณสมบัติระบายอากาศ พร้อมกับผิวสัมผัสที่เบาสบายอย่างผ้าซาติน คอตตอน หรือลินิน นอกจากนี้สีสันของเครื่องนอนก็ควรเป็นสีอ่อน ๆ อย่างน้อยก็ช่วยสะกดจิตใจของเราให้สงบเยือกเย็นขึ้นได้นิดหน่อย­­

 อย่าอาบน้ำอุ่น

          แม้จะเป็นคนที่ติดน้ำอุ่น แต่การอาบน้ำอุ่นในหน้าร้อนแบบนี้ไมใช่เรื่องที่ดีต่อสุขภาพเลย­­สักนิด ฉะนั้นหากคุณอยากหาวิธีคลายร้อนก็ต้องเริ่มจากฝึกอาบน้ำเย็นให้­­ได้ก่อน

 แป้งเย็นซาบซ่า

          แป้งเย็นเป็นตัวช่วยคลายร้อนที่มีมานานแถมใช้ได้ผลดีอีกต่างหาก­­ ดังนั้นหลังจากอาบน้ำคลายร้อนแล้ว ก็อย่าลืมชโลมแป้งเย็นให้ทั่วทั้งตัวด้วยนะ

ยืมวิธีคลายร้อนของชาวอียิปต์

          ชาวอียิปต์ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ เขาจึงมีวิธีคลายร้อนที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือ แช่ผ้าขนหนูไว้ในน้ำเย็นจัด แล้วใช้ผ้าขนหนูเหล่านั้นมาห่อหุ้มตัวตอนนอน แต่หากคุณไม่ได้ร้อนจัดถึงขั้นนั้น จะนำผ้าขนหนูแช่น้ำเย็นมาเช็ดถูตัวก่อนนอน เสร็จแล้วประแป้งเย็นหอม ๆ อีกหน่อยก็น่าจะช่วยคลายร้อนได้เยอะ

 สวมใส่เสื้อผ้าโปร่งสบาย

          ชุดที่ใส่นอนของคุณควรเป็นชุดที่ทำจากผ้าคอตตอน ผ้าฝ้าย หรือผ้าซาติน ซึ่งเป็นผ้าที่ระบายอากาศได้ง่าย น้ำหนักเบา ใส่นอนสบายคลายร้อนได้อีกทางหนึ่ง

วางพัดลมใกล้หน้าต่าง

          วิธีคลายร้อนอีกทางหนึ่งที่อาจทำให้คุณแปลกใจนั่นก็คือ วางพัดลมใกล้หน้าต่างหรือช่องระบายอากาศ โดยหันด้านมอเตอร์พัดลมไปทางหน้าต่าง ซึ่งจะช่วยให้ลมร้อนที่พัดลมสร้างขึ้นมาถูกระบายออกไปด้านนอก ในขณะเดียวกันก็เพิ่มอากาศสบาย ๆ จากด้านนอกให้หมุนเวียนเข้ามาด้านในมากยิ่งขึ้น

 แอร์ทำมือช่วยได้

          หากไม่ได้ติดแอร์ก็ลองใช้วิธีคลายร้อนแบบบ้าน ๆ โดยนำน้ำแข็งก้อนใส่ภาชนะมาวางไว้หน้าพัดลม ให้ลมจากพัดลมพัดเอาไอเย็นจากน้ำแข็งมาปะทะตัวคุณ แค่นี้ก็เหมือนมีแอร์ไอน้ำสุดเก๋ไว้คลายร้อนแล้วล่ะ

 DIY เครื่องทำความเย็นจากผ้าขนหนู

          ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำเย็นชุ่ม ๆ พาดตากระหว่างเก้าอี้ 2 ตัวหรือราวตากผ้าก็ได้ จากนั้นเปิดพัดลมเบอร์แรงที่สุดเป่าทะลวงผ้าขนหนูมาเลย แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงอากาศเย็น ๆ แถมไอน้ำที่ชุ่มฉ่ำ หรือไม่ก็แขวนผ้าขนหนูชุ่มน้ำเย็นไว้ที่หน้าต่างห้องนอน เมื่อลมด้านนอกพัดมา ความเย็นก็เข้าสู่ตัวบ้านได้ด้วยเช่นกัน

ห่างกันสักพักกับคนรัก

          นอนคนเดียวอาจเหงา แต่เชื่อเถอะว่าจะรู้สึกเย็นสบายกว่านอนกอดกันเป็นไหน ๆ ดังนั้นหากคุณเป็นคนขี้ร้อนจัด ๆ ลองนอนห่างจากคนรักดูสัก 1-2 คืน อาจจะแยกห้องนอนหรือแยกเตียงนอนกันก็ได้ แต่เอาเป็นว่าคุยกันให้เข้าใจก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้นบ้านแตกแล้วจะร้อนแรงกว่าเดิม

 พกน้ำเย็นไว้ข้างเตียง

          ปกติเราควรดื่มน้ำมากพอกับที่ร่างกายต้องการอยู่แล้ว ทว่าเพื่อดับร้อนให้ร่างกายรู้สึกเย็นขึ้นก็ควรดื่มน้ำเย็นก่อน­­นอนสักแก้วใหญ่ ๆ ภายในร่างกายของเราจะได้ฉ่ำน้ำและลดอุณหภูมิร้อน ๆ ในตัวไปด้วย

ลงมานอนบนพื้น

          ถ้าบนเตียงมันร้อนเกินไป ลองลงมานอนบนพื้นกระเบื้องก็ได้คลายร้อนไปอีกแบบ หนำซ้ำยังได้สัมผัสอรรถรสในการนอนที่ต่างไปจากเดิม นับเป็นอีกหนึ่งสีสันของชีวิตที่น่าสนใจไม่เบา

 ปิดไฟทุกดวง

          ไม่ใช่แค่แสงแดดเท่านั้นที่แผ่ความร้อนให้เราสัมผัสได้ แต่แสงไฟนีออนและหลอดไฟก็นับเป็นความร้อนชนิดหนึ่งที่เพิ่มอุณหภ­ูมิให้บ้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนนอนคุณควรไล่ปิดไฟทุกดวงภายในบ้านให้หมด ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าไปได้อีกหน่อยด้วย

 อยู่ห่างจากแหล่งผลิตความร้อน

          เครื่องไฟฟ้าทุกชนิดผลิตความร้อนได้หมด ฉะนั้นคุณควรเช็กให้แน่ใจด้วยว่า ภายในห้องนอนของคุณไม่มีแหล่งผลิตความร้อนเหล่านี้อยู่ใกล้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเสียงและทีวี หากปิดการใช้งานได้ให้ปิดไปซะ ส่วนตู้เย็นที่ต้องเปิดให้ทำงานอยู่ตลอด อาจต้องขนย้ายออกจากห้องนอนไปก่อนชั่วคราว

แช่เท้าในน้ำเย็น

          เท้าเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาททั้งหมดในร่างกายเรา ดังนั้นเท้าจึงมีความรู้สึกไวพอสมควร ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้คุณแช่เท้าในอ่างน้ำเย็นจัด (อาจใส่น้ำแข็งลงไปด้วยถ้าร้อนมาก ๆ) แช่เท้าทิ้งไว้สักพัก ร่างกายจะลดอุณหภูมิลงเองโดยอัตโนมัติ

กางเต็นท์นอนนอกบ้าน

          ในเวลากลางคืนอากาศข้างนอกมักจะเย็นสบายกว่าอากาศภายในบ้าน ซึ่งคุณสามารถแหวกแนวออกมากางเต็นท์นอนรับลมชิล ๆ นอกบ้านได้สบาย ๆ ยิ่งหากยกครอบครัวมานอนเต็นท์ด้วยกันคงสนุกพิลึกเชียวล่ะ

          ขอยืนยันอีกสักครั้งว่า หลากหลายวิธีคลายร้อนเหล่านี้ใช้ได้ผลจริง ๆ นะคะ หากคุณอยากคลายร้อนให้ตัวเองและบ้านลองพิสูจน์เคล็ดลับที่เราจั­­ดให้ก็ตามสบายเลย    
   
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
greatist.com 
Sleep Foundation 
เครดิตภาพ  https://health.kapook.com/view116586.html

Wednesday, April 19, 2017

9 ประโยชน์ของกระดาษทิชชู ที่คุณอาจคาดไม่ถึง




         ประโยชน์ของกระดาษทิชชู  มาดูกันว่านอกจากไว้เช็ดคราบสกปรกแล้ว สามารถนำกระดาษทิชชูมาใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้ยังไงบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

          เราคุ้นเคยกับการใช้กระดาษทิชชูเช็ดและซับคราบน้ำ หรือคราบสกปรกต่าง ๆ หรือบางทีก็อาจจะนำมาห่อหุ้มของบ้างเป็นบางโอกาส แต่เชื่อไหมคะว่ายังมีประโยชน์ของกระดาษทิชชูอีกมากมาย ที่เราเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ดังนั้นหากยังนึกไม่ออกว่านอกจากใช้ชำระสิ่งสกปรกต่าง ๆ แล้ว ประโยชน์ของกระดาษทิชชูยังมีอะไรอีกบ้างต้องลองไปดูกันค่ะ

1. กำจัดเส้นใยในฝักข้าวโพดดิบ

          ในฝักข้าวโพดดิบ จะมีขนหรือเส้นใยของข้าวโพดอยู่เต็มไปหมด แต่เราสามารถใช้กระดาษทิชชูชนิดแผ่นหนา หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อกระดาษซับน้ำมันกำจัดออกได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้กระดาษซับน้ำมันเพียง 1 แผ่น ชุบน้ำให้พอเปียกชื้น ๆ จากนั้นใช้กระดาษถูไปตามฝักของข้าวโพด จนใยของข้าวโพดติดกระดาษทิชชูออกมาจนหมด

2. ซับไขมันออกจากน้ำซุป

          เวลาที่เราต้มน้ำซุป เราจะสังเกตเห็นไขมันจากเนื้อสัตว์ลอยเด่นอยู่เหนือผิวน้ำซุป และก็เชื่อว่าหลายคนคงใช้ทัพพีค่อย ๆ ช้อนตักไขมันเหล่านี้ออก แต่ต่อไปนี้เรามาใช้กระดาษทิชชูช่วยซับไขมันออกดีกว่าค่ะ ด้วยการเตรียมหม้อและกระชอนตั้งไว้ใกล้ ๆ หม้อซุป เสร็จแล้วก็นำกระดาษทิชชูชนิดแผ่นหนา รองกระชอนอีกที จากนั้นค่อย ๆ เทหม้อน้ำซุปลงหม้อที่เตรียมไว้ โดยให้น้ำซุปไหลผ่านกระชอนจนหมดหม้อ ไขมันที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำซุป จะตกค้างอยู่บนกระดาษทิชชูและเราก็นำไปทิ้งได้เลย

 3. รักษาความสดใหม่ให้ผักผลไม้


          หากอยากให้ผักและผลไม้ที่ซื้อเก็บไว้ในตู้เย็น ยังคงความสดใหม่ได้ยาวนาน ให้ใช้กระดาษทิชชูห่อผักและผลไม้ทุกชนิดก่อนนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้กระดาษทิชชูช่วยซับไอน้ำและความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผักและผลไม้เน่าเสีย เพียงเท่านี้ผักและผลไม้ในตู้เย็นก็จะมีอายุยาวนานมากกว่าเดิม และยังคงความสดใหม่จนกว่าคุณจะหยิบมารับประทานเลยล่ะจ้า

4. ทำความสะอาดที่เปิดกระป๋อง


          เรารู้กันอยู่ว่าที่เปิดฝากระป๋องที่เราใช้เปิดผลิตภัณฑ์ชนิดกระป๋องต่าง ๆ อยู่เสมอจะมีคราบสกปรกติดอยู่แน่นหนาไม่ใช่น้อย และวิธีทำความสะอาดด้วยการใช้กระดาษทิชชูชุบน้ำเช็ดตามปกติก็ดูจะทำความ สะอาดได้ไม่ล้ำลึก ถ้าอย่างนั้นลองกางกระดาษทิชชูออก แล้ววางที่เปิดกระป๋องไว้ตรงขอบของกระดาษทิชชู และให้ปลายด้ามจับไปบรรจบกับขอบกระดาษอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็หมุนหัวเกลียวเข้า คล้าย ๆ กับการเปิดกระป๋องตามปกติ ให้เกลียวบิดเอากระดาษทิชชูเข้าไป เพื่อทำความสะอาดเกลียวเปิดกระป๋องให้หมดจด

 5. คงความสดใหม่ของขนมปัง

          หลายคนนิยมนำขนมปังไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง เพื่อคงรสชาติของขนมปังให้เหมือนตอนอบเสร็จใหม่ ๆ แต่ก็มักจะพบปัญหาขนมปังฉ่ำน้ำจากไอเย็นอยู่เสมอ ฉะนั้นต่อไปนี้ก่อนจะนำขนมปังไปแช่ตู้เย็น ให้วางกระดาษทิชชูชนิดแผ่นหนาเข้าไปในถุงขนมปังด้วย หรือจะวางทิชชูโอบล้อมรอบขนมปังก็ได้ เอาไว้คอยซับไอน้ำและความชื้นจากไอเย็น เพื่อให้ขนมปังยังแห้งสนิท คงรสชาติอร่อย ๆ ไว้ได้อย่างครบถ้วน

6. อบเบคอนแบบไร้น้ำมัน

          เบคอนเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน แต่ไขมันของเจ้าเบคอนก็น้อยเสียเมื่อไหร่ ดังนั้นคงจะดีกว่าหากเราจะเปลี่ยนวิธีการปรุงสุกมาเป็นการอบในไมโครเวฟ โดยก่อนจะอบให้นำกระดาษทิชชูชนิดแผ่นหนาจำนวน 2 แผ่นมาวางรองจานก่อน เสร็จแล้วก็นำเบคอนมาวางเรียงเท่าจำนวนที่ต้องการ และปิดท้ายด้วยการนำกระดาษทิชชูชนิดแผ่นหนาอีก 2 แผ่นมาวางทับด้านบนเบคอน คราวนี้ก็นำเข้าไปอบด้วยอุณหภูมิสูงประมาณ 1 นาที จากนั้นก็เปิดดูเป็นระยะ เพื่อเช็กความกรอบเกรียมของเนื้อเบคอน ถ้ายังไม่กรอบพอ ให้นำเข้าไปอบต่ออีกประมาณ 3-4 นาที โดยต้องคอยเปิดดูเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันเบคอนไหม้ พออบเสร็จแล้วก็จะได้เบคอนกรอบอร่อย แบบที่ไร้น้ำมันเยิ้ม ๆ มากินแล้วจ้า

7. ป้องกันสนิมเกาะกระทะเหล็ก

          วัสดุที่ทำด้วยเหล็กหรือโลหะย่อมต้องเสี่ยงจะเกิดสนิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะกระทะเหล็ก ที่ราคาก็ไม่ใช้ถูก ๆ แต่เราสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ด้วยการดูแลรักษากระทะเหล็กอย่างดี โดยหลังจากล้างทำความสะอาดกระทะเหล็กทุกครั้ง ให้ใช้กระดาษทิชชูวางรอบ ๆ กระทะเหล็ก วางเน้นที่บริเวณขอบกระทะเหล็กด้วย เพื่อให้กระดาษทิชชูซับความชื้นและน้ำที่ซึมลงไปในกระทะเหล็กออกให้หมด นอกจากนี้ควรจะใช้กระดาษทิชชูห่อกระทะเหล็กก่อนจะแยกเก็บต่างหากจากเครื่อง ครัวชิ้นอื่น ๆ ด้วย

 8. เช็กเมล็ดพันธุ์

          สำหรับใครที่เพิ่งค้นเจอซองเมล็ดพันธุ์ที่เคยซื้อเก็บไว้ และมีแผนจะนำไปเพาะปลูก แต่ไม่แน่ใจว่าเมล็ดพันธุ์ที่เจอนั้นจะหมดอายุหรือยัง ถ้าอย่างนั้นมาทดสอบกันดีกว่าค่ะ ง่าย ๆ เลย แค่นำกระดาษทิชชู 2 แผ่น ไปชุบน้ำพอชื้น ๆ และนำเมล็ดพันธุ์มาวางให้ทั่วแผ่นกระดาษทิชชู จากนั้นก็นำกระดาษทิชชูเปียกน้ำอีก 2 แผ่นมาปิดทับอีกครั้ง รอจนครบ 2 สัปดาห์ค่อยมาเปิดดูเมล็ดพันธุ์อีกรอบ แต่ระหว่างที่รอให้ครบ 2 สัปดาห์ ให้หมั่นรดน้ำ ให้กระดาษทิชชูเปียกชื้นอยู่เสมอด้วย และถ้าหากพบว่าเมล็ดพันธุ์เจริญเติบโต ก็แสดงว่าเมล็ดพันธุ์พืชซองนั้นสามารถนำไปเพาะปลูกได้ตามปกติค่ะ

9. ขจัดคราบสกปรกบนจักรเย็บผ้า

          จักรเย็บผ้าเองก็มีสิทธิ์เกิดคราบสกปรกจากฝุ่นและเศษผ้าได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดจักรเย็บผ้าอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ผ้าที่เราจะเย็บต้องติดคราบเปื้อนกลับมาด้วย วิธีทำความสะอาดอย่างง่าย ๆ ก็คือ นำกระดาษทิชชูชนิดแผ่นหนา ประมาณ 1 ปึกเล็ก ๆ มาแทนผ้าและเดินจักรเย็บผ้าตามปกติ จนเย็บกระดาษทิชชูไปได้สัก 2-3 ฝีเข็ม เท่านี้ก็สามารถทำความสะอาดจักรเย็บผ้าไปได้พอสมควรแล้วจ้า

          ไม่ น่าเชื่อว่ากระดาษทิชชูที่เราคุ้นเคยกัน จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เรียกได้ว่าครอบคลุมทั้งงานบ้านและงานครัว ลองนำไปใช้ดูเพื่อชีวิตที่ง่ายกว่าเดิมนะคะ

เครดิตภาพ  https://home.kapook.com/view68622.html

Sunday, April 16, 2017

น้ำเต้าหู้ ประโยชน์เน้น ๆ เด่นที่เครื่อง




น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์เน้น ๆ ในตัวเอง ส่วนเครื่องในน้ำเต้าหู้ก็เด่นไม่ใช่ย่อย

        เครื่องดื่มที่ได้ทั้งสุขภาพ และยังดื่มได้ในช่วงเทศกาลกินเจอย่างน้ำเต้าหู้ ใครก็รู้ว่ามีประโยชน์ช่วยเสริมโปรตีน แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกทั้งประโยชน์ของน้ำเต้าหู้ และประโยชน์ของธัญพืชที่ใส่มาเป็นเครื่องน้ำเต้าหู้อย่างละเอียดกัน

ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้

        ถั่วเหลืองที่คั้นออกมาและต้มจนเป็นน้ำเต้าหู้ อุดมไปด้วยโปรตีน ที่คนแพ้นมวัวก็สามารถเลี่ยงมารับโปรตีนจากน้ำเต้าหู้ได้ อีกทั้งน้ำเต้าหู้ยังย่อยง่าย ไม่มีไขมัน ดื่มแล้วรู้สึกอิ่มแบบไม่แน่นท้อง รวมทั้งประโยชน์จากน้ำเต้าหู้ที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ ถ้าได้รู้ก็คงไม่แปลกใจที่ใคร ๆ จะยกย่องให้น้ำเต้าหู้เป็นซูเปอร์ฟู้ด ว่าแล้วก็มาดูประโยชน์ของน้ำเต้าหู้กันเลย

1. มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่

        นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และวิตามิน โดยเฉพาะปริมาณสารอาหารประเภทโปรตีนในนมถั่วเหลือง ซึ่งมีอยู่สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์เลยเชียวล่ะ

 2. มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 10 ชนิด

        โปรตีนโกลบูลิน (Globulin) ที่พบในน้ำเต้าหู้ ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 10 ชนิด อีกทั้งยังเป็นโปรตีนชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย โดย 95% ของโปรตีนในน้ำเต้าหู้ ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด

        นอกจากนี้งานวิจัยจาก Molecular Nutrition & Food Research ปี พ.ศ. 2554 ก็เผยว่า น้ำเต้าหู้ยังมีเลคซิติน (Lecithin), ไอโซฟลาโวน (Isoflavone), โอลิโก (Oligo) และไฟเบอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ ช่วยปรับความสมดุลของฮอร์โมน อีกทั้งยังช่วยในการขับถ่าย และป้องกันโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และบำรุงเส้นเลือดแดงด้วย

3. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด

        องค์การอาหารและยา พร้อมทั้งสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา เผยว่า น้ำเต้าหู้มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในอัตราส่วนที่สูง ซึ่งกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือดชั้นใน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้

4. แหล่งรวมวิตามิน

        โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ไนอาซิน รวมทั้งวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินซีในปริมาณเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเพียงดื่มน้ำเต้าหู้แค่ถุงเดียวก็กวาดเรียบทุกวิตามินเลยล่ะ อีกทั้งใครชอบดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวัน ผิวพรรณและร่างกายจะแจ่มใส เพราะมีวิตามินเหล่านี้คอยช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วยนะ

 5. บำรุงสมอง เพิ่มความจำ

        น้ำเต้าหู้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน แคลเซียม ฟอสฟอรัส จึงช่วยบำรุงทั้งร่างกาย บำรุงสมอง และช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำได้

 6. น้ำเต้าหู้ ลดความอ้วน

        น้ำเต้าหู้ มีแคลอรีอยู่ราว ๆ 75-200 กิโลแคลอรี ขึ้นอยู่กับความหวานและเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้แต่ละแก้ว รวมทั้งในน้ำเต้าหู้ยังปราศจากคอเลสเตอรอล และมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

        ฉะนั้นใครที่สงสัยว่ากินน้ำเต้าหู้แล้วอ้วนไหมก็คงต้องตอบตรงนี้เลยค่ะว่า หากคุณดื่มน้ำเต้าหู้แบบหวานน้อย ไม่ใส่เครื่อง หรือเน้นใส่เครื่องที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย รวมทั้งควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ ความอ้วนก็ไม่น่าจะมาเยือนแน่ ๆ

 ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้แน่นจริงอะไรจริงเห็นไหมคะ และหากยิ่งกินน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องด้วยสารพัดธัญพืชด้วยแล้วละก็ คุณประโยชน์ของเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้แต่ละชนิด จะให้คุณค่าทางสารอาหารอะไรดี ๆ กับร่างกายเราได้ดังนี้เลย

 1. ถั่วเหลือง


            ถั่วเหลืองไม่ว่าจะอยู่ในรูปน้ำเต้าหู้ หรือนำไปต้มสุกแล้วนำมาใส่เป็นเครื่องแบบนี้ คุณประโยชน์และสารอาหารในถั่วเหลืองก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนที่สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์ วิตามินสารพัดชนิด เกลือแร่ กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ไฟเบอร์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

 2. ลูกเดือย

        ลูกเดือยมีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยบำรุงกำลัง บำรุงปอด ตับ ไต ม้าม มีสรรพคุณทางด้านขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปัญหาทางเดินหายใจ ไขข้อกระดูก บรรเทาอาการเหน็บชา แก้ชักกระตุก ลดอาการบวมน้ำ รักษาอาการปอดอ่อนแอและเป็นเลือด รักษาฝีที่ลำไส้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ

3. เม็ดแมงลัก

        ใครที่อยากลดความอ้วน อาจดื่มน้ำเต้าหู้ใส่เม็ดแมงลักก็ได้ เนื่องจากเม็ดแมงลักเป็นสมุนไพรที่ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ ชนิดหนึ่ง อีกทั้งคุณสมบัติพองตัวได้ของเม็ดแมงลักยังช่วยให้รู้สึกอิ่ม ที่สำคัญเม็ดแมงลักยังปราศจากคอเลสเตอรอลอีกด้วยนะ

 4. แปะก๊วย

        สมุนไพรจากเมืองจีนชนิดนี้นิยมนำมาใส่เป็นเครื่องน้ำเต้าหู้ด้วยเช่นกัน โดยแปะก๊วยสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันเซลล์จากอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย มีวิตามินและแร่ธาตุสูง แคลอรีต่ำ บำรุงสมอง เสริมสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการ PMS ในผู้หญิงได้ด้วยล่ะค่ะสาว ๆ

5. ถั่วแดง

        อุดมไปด้วยโปรตีนและคุณค่าทางอาหารสูงไม่ต่างจากถั่วชนิดอื่น ๆ มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้

 6. เม็ดบัว

        เม็ดบัวเป็นสมุนไพรที่ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นยาบำรุงครรภ์ได้ดี และไม่พบโทษอันตรายจากการรับประทานเม็ดบัว

 7. รากบัว

        ไม่ว่าจะรากบัวหรือเม็ดบัวก็มีคุณสมบัติในเรื่องช่วยบำรุงครรภ์ได้เช่นกัน อีกทั้งรากบัวยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ทว่าส่วนมากแล้วรากบัวจะมาในรูปอาหารเชื่อมน้ำตาลมาแล้ว ฉะนั้นก็ควรกินรากบัวแค่นิดหน่อยพอนะคะ

 8. งาดำ


        งาดำเป็นธัญพืชตัวท็อป ๆ ที่บรรดาคนรักสุขภาพคุ้นเคยกันดี เพราะงาดำมีแคลเซียมสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ มีกรดไขมันชนิดดีมาก บำรุงร่างกายได้หลายด้าน

 9. แห้ว

        ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดเผยว่า การบริโภคแร่ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 4.7 กรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ แห้วจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะแห้วเพียง 1/2 ถ้วยตวง ก็อุดมไปด้วยโพแทสเซียมสูงถึง 360 มิลลิกรัมแล้ว ซึ่งก็เป็นจำนวนโพแทสเซียมในอัตราส่วน 1/3 ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว

 10. เฉาก๊วย

        วุ้นดำ ๆ เคี้ยวแล้วหนึบหนับ เด้งดึ๋ง ซึ่งไม่เพียงแต่ทานแล้วจะช่วยดับกระหาย แก้ร้อนในเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีฤทธิ์ขับเสมหะ ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็ต้องเลือกกินเฉาก๊วยแท้ ๆ ไม่ผสมแป้งด้วยนะจ๊ะ

สูตรน้ำเต้าหู้

        ร่ายมาซะยาวถึงประโยชน์ของน้ำเต้าหู้และบรรดาเครื่องใส่น้ำเต้าหู้สารพัดอย่าง มาถึงตรงนี้หลายคนคงนึกอยากดื่มน้ำเต้าหู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นมาลองดูสูตรน้ำเต้าหู้เหล่านี้เลยดีกว่า

       -  6 วิธีทำน้ำเต้าหู้ ศุตรโฮมเมดหลากรส ทำง่ายเพื่อสุขภาพ

       -  น้ำเต้าหู้งาดำ เครื่องดื่มสุขภาพอิ่มท้อง ต้อนรับเทศกาลกินเจ

       -  วิธีทำน้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง โฮมเมดสูตรเข้มข้น ทำดื่มเองดีกว่า ไม่เสียอารมณ์

       -  น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรเด็ดคูณสอง ที่เขาว่าเป็นยาอายุวัฒนะ

          ทั้งนี้น้ำเต้าหู้ก็มีฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง รวมทั้งยังให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหากดื่มเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะฮอร์โมนเพศหญิงสูงเกินไป และอาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ โดยเฉพาะหากเลือกดื่มน้ำเต้าหู้รสหวาน ใส่เครื่องประเภทแป้ง เช่น สาคูแถมยังมีปาท่องโก๋มันเยิ้ม หรือขนมปังทานแกล้มด้วย

          ดังนั้นทางที่ดีควรดื่มน้ำเต้าหู้เพียงวันละ 2 แก้วก็พอ รวมทั้งควรกินน้ำเต้าหู้หวานน้อย และหลีกเลี่ยงการรับประทานขนมปังหรือปาท่องโก๋ตัวเพิ่มน้ำหนักจะดีกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Livestrong, FITDAY, Kcal.Memo8.com, Huffington Post, Mommy Pedia
https://health.kapook.com/view131599.html
เครดิตภาพ  https://health.kapook.com/view131599.html