Friday, November 29, 2013

10 ไอเดียใช้ประโยชน์จากหนังสือพิมพ์ให้คุ้มค่า




         ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะเป็นโลกยุค ดิจิตอล ผู้คนอ่านหนังสือและรับรู้ข่าวสารผ่านสื่อมัลติมีเดียกันอย่างแพร่หลาย แต่เราก็ยังได้เห็นหนังสือพิมพ์วางขายอยู่ตามแผงหนังสือทั่วไปอยู่ดี เพราะไม่ว่าจะยังไงหนังสือพิมพ์ก็มีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างจากหน้าจอสี่ เหลี่ยมชนิดต่าง ๆ แต่หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ครบทุกหน้าแล้วก็อย่าเพิ่ง ละเลยหรือวางทิ้งนะคะ เพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จากกระดาษหนังสือพิมพ์ได้คุ้มค่ามากกว่านั้นอีก เยอะ อย่างเช่นไอเดียใช้ประโยชน์จากหนังสือพิมพ์เหล่านี้เลย


1. เช็ดกระจก

          เชื่อได้ว่าหลายคนเคยใช้และยังนิยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เช็ดกระจกกันอยู่ ตลอด เนื่องจากกระดาษหนังสือพิมพ์สามารถเช็ดกระจกได้ใสปิ๊งมากกว่าผ้า แถมไม่มีขุยจากผืนผ้าตกค้างอยู่บนกระจกด้วยจริงไหมล่ะ อีกทั้งยังเป็นวิธีรีไซเคิลกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ได้ประโยชน์อีกด้วยเนอะ ดังนั้นกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าที่ไม่ใช่แล้ว อย่าลืมเก็บไว้เป็นอุปกรณ์เช็ดกระจกนะคะ

2. รักษาทรงรองเท้า

          เวลาไปซื้อรองเท้าเรามักจะเห็นอุปกรณ์จัดทรงรองเท้า สำหรับรักษาทรงของรองเท้าไม่ให้เสียรูป ซึ่งบางครั้งถ้าไม่มีอุปกรณ์จัดทรงรองเท้า เราก็สามารถใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มาขยำและรักษารูปทรงของรองเท้าได้เหมือน กัน หรือจะโชว์เหนือกว่าด้วยการม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นแท่งพอดีกับขนาด รองเท้า แล้วก็นำไปค้ำยันรักษาทรงของรองเท้าตั้งแต่หัวรองเท้ายันด้านส้นเลยก็ดี วิธีนี้สามารถนำไปดัดแปลงใช้รักษาทรงของหมวกและกระเป๋าได้ด้วยนะ

3. ซับรองเท้าเปียกชื้น

          นอกจากจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รักษารูปทรงของรองเท้าแล้ว เรายังสามารถใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ซับความชื้นในรองเท้าที่ลุยฝนมาได้อีก ด้วย วิธีทำก็ง่าย ๆ เลย แค่ขยำกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วก็ยัดลงไปในรองเท้าให้แน่น ทิ้งไว้สักพักหนังสือพิมพ์จะดูดซับน้ำและความชื้นออกมา ถ้าหนังสือพิมพ์เริ่มจะเปียกแล้วก็เปลี่ยนแผ่นใหม่ ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าความชื้นจะหมดไปก็ได้ค่ะ

4. ดับกลิ่นอับในกระเป๋า

          หนังสือพิมพ์มีคุณสมบัติช่วยดูดกลิ่นอับได้ดีพอ ๆ กับถ่าน หรือเบกกิ้งโซดาเลยทีเดียว ฉะนั้นหากกระเป๋าถือของคุณมีกลิ่นไม่พึงประสงค์สักเท่าไร ก็จัดการขยำกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วยัดลงกระเป๋าไปเลย ทิ้งไว้สัก 2-3 วันแล้วก็ค่อยดึงออกมา อ้อ ! กลิ่นอับในรองเท้า กระดาษหนังสือพิมพ์ก็จัดการได้เช่นกันนะจ๊ะ

5. ห่อปกหนังสือและของขวัญ

          หนังสือเล่มเก่าที่ปกก็เก่ามากจนใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ ลองเสริมความแข็งแรงให้ปกโดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อปกดูสิ นอกจากจะช่วยยืดอายุให้ปกหนังสือไม่ขาดได้แล้ว ยังช่วยปกปิดสภาพเก่าจัดของหนังสือได้ด้วย ส่วนใครที่อยากจะห่อของขวัญให้เพื่อนแบบแสนเก๋ แนะนำให้ห่อของขวัญด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ที่มีตัวพิมพ์หนังสือลายพร้อย หรือถ้ามีฝีมือหน่อยจะทำโบว์ของขวัญด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้จ้า

6. เพาะพันธุ์ต้นกล้า

          สำหรับคนที่มีแผนจะปลูกต้นไม้ในสวน แต่ยังไม่รู้จะเพาะต้นกล้าในภาชนะไหนดี ก็ลองรวบรวมหนังสือพิมพ์ที่มีอยู่ คลี่ออกมารองหลาย ๆ ชั้น แล้วก็พับเป็นรูปกระถาง โดยใช้กระป๋องทรงกลมเป็นแบบพิมพ์ ติดสก็อตเทปใสยึดทรงให้แน่นหนาสักหน่อยก็ได้ เสร็จแล้วก็นำมาใส่ดินเพาะเมล็ดพันธุ์ได้เลย เห็นไหมล่ะว่าไม่ต้องเปลืองเงินซื้อกระถางต้นไม้สักบาทเลยจ้า

7. ทำสวน

          ทำสวนในที่นี้หมายถึง ให้ใช้หนังสือพิมพ์ดูแลต้นไม้ใบหญ้าให้สวยงาม ซึ่งนอกจากจะพับเป็นกระถางเพาะต้นกล้าแล้ว ก็ยังใช้หนังสือพิมพ์ห่อผลไม้ที่กำลังจะสุกคาต้น ป้องกันแมลงมาจิกตอม และเพื่อบ่มผลผลิตให้สุกเร็วขึ้น หรือจะนำไปคลุมหน้าดินรักษาความชื้นให้ดินก็ได้ อีกทั้งยังสามารถใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขึงปิดปากถังหมักปุ๋ยได้อีกด้วยนะ

8. บ่มอะโวคาโด

          ใครที่เผลอซื้ออะโวคาโดที่ยังสุกไม่เต็มที่มา และใจร้อนอยากกินเร็ว ๆ แนะนำให้ห่อผลอะโวคาโดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ให้มิดชิด เพียงเท่านี้อะโวคาโดก็จะสุกงอมพร้มอรับประทานได้เร็วขึ้นแล้ว วิธีนี้ยังนำไปใช้บ่มมะเขือเทศดิบให้สุกเร็วขึ้น และผลไม้ชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วยจ้า เช่น มะม่วง ขนุน เป็นต้น

9. รองผ้าปูโต๊ะกันรอย

          โต๊ะไม้ที่เพิ่งซื้อมาสวย ๆ ให้ป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนอีกชั้นด้วยการปูกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ทั่ว พื้นที่โต๊ะก่อน แล้วค่อยหาผ้าปูโต๊ะมาปูทับอีกที วิธีนี้นอกจากจะช่วยปกป้องเนื้อไม้แล้ว กระดาษหนังสือพิมพ์ยังทำหน้าที่คล้าย ๆ เบาะรอง เวลาที่เราเท้าโต๊ะก็จะรู้สึกไม่เจ็บเท่าไรด้วยล่ะ

10. เก็บกวาดเศษแก้ว

          ใครที่เผลอทำแก้วตกแตก เศษแก้วเกลื่อนกระจาย และไม่แน่ใจว่าจะกวาดเศษแก้วหมดไปหรือยัง แนะนำให้ขยำหนังสือพิมพ์แล้วนำไปพรมน้ำให้ชื้น ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ ถูไล่ที่พื้นบริเวณที่ทำแก้วแตก กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ชื้นจะช่วยเก็บเศษแก้วได้อย่างหมดจด แต่เพื่อความปลอดภัยก็ควรสวมถุงมือผ้า หรือใช้ความระมัดระวังในการเก็บเศษแก้วให้มากด้วยนะคะ

          แม้หนังสือพิมพ์จะมีราคาฉบับละไม่กี่บาท แต่ถ้าเรามีวิธีใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ได้อย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ก็คงดี กว่าอยู่แล้วเนอะ ฉะนั้นหากใครที่เก็บหนังสือพิมพ์เอาไว้หลายฉบับ ก็อย่าลืมไปหยิบหนังสือพิมพ์มาใช้ประโยชน์ตามไอเดียที่เราแนะนำกันด้วยนะคะ ดีกว่าวางทิ้งไว้เฉย ๆ ให้ฝุ่นเกาะ นานเข้าปลวกอาจจะมาแทะอีกจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ


เครดิตภาพ https://uk.pinterest.com/pin/127860076896046701/

Wednesday, November 27, 2013

30 ของใช้ที่นำมาช่วยงานบ้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ




        ถ้าลองไปค้นดูในตู้เก็บของ หลายคนอาจจะเห็นว่าตัวเองซื้อของใช้มาเก็บไว้โดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากของ เหล่านั้นอย่างเต็มที่เลย และของใช้ในบ้านที่เรามีอยู่ บางอย่างเราก็ไม่ รู้ด้วยซ้ำว่า มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าที่เราเห็นอีกต่างหาก โดยเฉพาะของบางอย่างที่เรามีอยู่ในบ้าน ก็สามารถนำมาช่วยงานบ้านเราได้ด้วยนะ ส่วนจะมีของใช้อะไรที่ช่วยงานบ้านได้บ้าง และจะช่วยงานบ้านในด้านไหน ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

1. กากกาแฟสด

          ใครที่หลงใหลกลิ่นและรสชาติของกาแฟสด และมักจะต้มกาแฟสดดื่มเองที่บ้านเป็นประจำ ต่อไปนี้ก็อย่าเพิ่งทิ้งกากกาแฟสดนะคะ เพราะเราสามารถนำกากกาแฟสดเหล่านั้นมาใส่แก้ว หรือชามเล็ก ๆ แล้วนำไปวางไว้ในตู้เย็นเพื่อดับกลิ่นอับและกลิ่นอาหารในตู้เย็นได้ด้วย เมื่อนำไปวางแล้วก็หมั่นเปลี่ยนกากกาแฟชุดใหม่ทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื่อกลิ่นสดชื่นด้วยนะจ๊ะ

2. น้ำส้มสายชูกลั่นขาว

          น้ำส้มสายชูกลั่นขาวในห้องครัวก็เป็นน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ชั้นเยี่ยม ไม่แพ้น้ำยาทำความสะอาดชนิดอื่น ๆ ที่มีขายตามท้องตลาดเลย เราสามารถนำมาเช็ดกระจกให้เงางาม หรือจะนำมาทำความสะอาดคราบเชื้อราในห้องน้ำก็ได้ด้วย กับพื้นผิวสเตนเลส และอ่างอาบน้ำ รวมทั้งม่านกั้นในห้องน้ำที่มีเชื้อรา น้ำส้มสายชูก็จัดการได้เหมือนกันนะ

3. น้ำแข็ง

          อาจจะดูเหมือนเป็นวิธีพิศดารนิด ๆ แต่ความเย็นของน้ำแข็งช่วยสตาฟคราบสกปรกไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วท่อน้ำได้ อย่างชะงัด หลังจากนั้นเราค่อยเทน้ำมะนาว หรือน้ำส้มพร้อมเปลือกลงไปในท่อน้ำทิ้งเพื่อดับกลิ่นอีกที แต่ถ้าจะให้ดี ต้องทำแบบนี้ทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ด้วยนะคะ

4. หนังสือพิมพ์

          นอกจากหนังสือพิมพ์จะช่วยเช็ดกระจกได้อย่างเงางามไร้รอยขีดข่วนขนแมวแล้ว หนังสือพิมพ์ยังสามารถช่วยดับกลิ่นอับในกระเป๋า รองเท้า และดับกลิ่นเหม็น ๆ ในถังขยะได้อีกด้วย วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่ขยำกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วยัดใส่รองเท้า กระเป๋า หรือถังขยะทิ้งไว้ เพื่อให้เขาได้ดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาจนหมด ถ้ากลิ่นเหม็นยังหลงเหลืออยู่ ก็เปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่ากลิ่นเหม็น ๆ จะหมดไป

5. ฟองน้ำและเบกกิ้งโซดา

          ถ้าพื้นบ้านของคุณมีตำหนิเป็นรอยขูดขีดของขาโต๊ะ หรือขาเก้าอี้ แนะนำให้ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเล็กน้อยจนเป็นครีมเนื้อข้น แล้วใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาด ๆ มาป้ายส่วนผสมที่ทำไว้ จากนั้นก็นำไปขัดถูที่รอยตำหนิเหล่านั้นเบา ๆ จนกว่ารอยที่มีอยู่จะหมดไป วิธีนี้ใช้ได้ดีมากกับพื้นไวนิลด้วยล่ะ

6. แป้งโดว์ หรือดินน้ำมัน

          สำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก ๆ คงจะมีแป้งโดว์ หรือดินน้ำมันให้ลูกเล่นบ้างแน่ ๆ และถ้าใครในบ้านทำแก้วตกแตกกระจาย เราก็จะได้ใช้ประโยชน์แป้งโดว์และดินน้ำมันได้มากกว่าของเล่นแล้ว เพราะเราจะใช้แป้งโดว์และดินน้ำมัน ค่อย ๆ จิ้มตามพื้นเพื่อเก็บเศษแก้วเล็ก ๆ ที่ตามองไม่เห็น แต่ก่อนจะนำไปทิ้ง ควรห่อแป้งโดว์หรือดินน้ำมันด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หนา ๆ สักหน่อย เพื่อป้องกันความคมของแก้วไปบาดคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บนะคะ

7. ไมโครเวฟ

          ทราบไหมคะว่าไมโครเวฟสามารถฆ่าเชื้อโรคในฟองน้ำล้างจานของเราได้ถึง 99.99% เชียวล่ะ เพียงแค่ล้างทำความสะอาดฟองน้ำด้วยน้ำเปล่าก่อน แล้วก็นำไปอบในไมโครเวฟสัก 3 นาที แต่ต้องดูให้ดีด้วยว่าฟองน้ำชิ้นนั้นไม่มีโลหะผสมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถนำเขียงไปฆ่าเชื้อโรคด้วยวิธีเดียวกันเลย แต่สงวนสิทธิ์เฉพาะเขียงที่สามารถใช้กับไมโครเวฟได้เท่านั้น

8. มะนาว

          หลังจากที่ใช้งานไมโครเวฟไปแล้ว เราก็ต้องมาทำความสะอาดไมโครเวฟกันบ้าง โดยเทน้ำใส่ถ้วยเล็ก ๆ แล้วบีบน้ำมะนาวใส่ลงไป ใส่เปลือกมะนาวลงไปทั้งลูกด้วยก็ได้ จากนั้นก็นำเข้าไปอบในไมโครเวฟโดยไม่ต้องปิดฝาครอบสัก 5 นาที เมื่อเสร็จแล้วก็ค่อยใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบสกปรกที่ติดอยู่ในไมโครเวฟอีกครั้ง จนสะอาด แค่นี้กลิ่นอาหารที่ติดอยู่ในไมโครเวฟ รวมทั้งคราบสกปรกฝังแน่นก็จะสลายหายไปได้ง่าย ๆ เลยล่ะ

9. เกลือ

          คราบดำหม่น ๆ บนเครื่องใช้ทองแดง สามารถผสมน้ำส้มสายชูลงในกระบอกสเปรย์ขนาด 16 ออนซ์ แล้วใส่เกลือป่นผสมลงไป 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นก็นำมาฉีดพ่นให้ทั่วคราบดำบนเครื่องทองแดง ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยเช็ดด้วยผ้าสะอาดอีกครั้ง คราบดำก็จะหมดไปจ้า

10. ไหมขัดฟัน

          ไหมขัดฟันไม่ได้มีดีแค่ใช้ทำความสะอาดฟันของเราได้อย่างหมดจดเท่านั้น แต่กับที่เปิดกระป๋อง หรือที่เปิดขวดเอง เจ้าไหมขัดฟันก็สามารถขัดเอาคราบสกปรกที่ติดอยู่ออกไปได้เหมือนกัน เห็นไหมล่ะว่าแค่ใช้ไหมขัดฟันถูคราบสกปรกออกมา ที่เปิดขวดก็จะสะอาดเหมือนเอาไปล้างยังไงยังงั้นเลย

11. น้ำยาบ้วนปาก

          ถ้าพื้นที่บ้านของคุณเป็นพื้นกระเบื้อง หรือพื้นไวนิล แล้วน้ำยาถูพื้นเกิดหมดขึ้นมา ก็ลองผสมน้ำยาบ้วนปาก 1 ฝาเต็ม ๆ ต่อน้ำ 1 แกลลอน แล้วนำมาถูพื้นแทนน้ำยาถูพื้นดูสิ สูตรนี้จะช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียบนพื้นบ้านได้อย่างดี

12. กระดาษทิชชู่เปียก

          บ้านไหนที่มักจะมีกระดาษทิชชู่เปียกติดบ้านอยู่เสมอ ต่อไปนี้ลองนำมาขัดถูก๊อกน้ำ ผักบัว หัวฉีดชำระ หรือลูกบิดประตู และพื้นผิวอื่น ๆ ที่จับกันบ่อย ๆ ก็ได้ น้ำยาที่อยู่ในกระดาษทิชชู่เปียก จะช่วยฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดพื้นผิวเหล่านี้ได้ดี เป็นการทำความสะอาดบ้านที่ง่ายและทำได้ตลอดเวลาเลยล่ะ

13. เบบี้ออยล์

          หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ถ้าอยากชำระล้างคราบสบู่ให้หมดจดเร็ว ๆ อาจจะหยดเบบี้ออยล์ลงไปสักหน่อย แล้วฉีดน้ำไล่คราบสบู่ตามผนังและพื้นให้หมดไป เบบี้ออยล์จะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่หลงเหลือจากการอาบน้ำของเรา รวมทั้งยังช่วยให้น้ำไหลลงท่อได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ

14. ยาลดกรดในกระเพาะ

          ยากรดลดในกระเพาะชนิดที่เป็นเม็ดให้เคี้ยว สามารถนำมาละลายในน้ำทิ้งไว้ 20 นาที แล้วนำไปเทในโถส้วมเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกในนั้นได้ด้วย หรือเพื่อประสิทธิภาพแบบคูณสอง จะเทน้ำอัดลมตามลงไป แล้วใช้แปรงขัดโถส้วมอีกทีก็ได้ค่ะ

15. ผ้าเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้ว

          คราบหินปูนที่เกาะอยู่ตามก๊อกน้ำ ก็กำจัดออกได้ง่าย ๆ ด้วยน้ำส้มสายชูกลั่น โดยนำผ้าผืนเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาชุบน้ำส้มสายชูกลั่นจนชุ่ม แล้วนำผ้าไปหุ้มที่ก๊อกน้ำให้มิด ติดกิ๊บเพื่อความแน่นหนาสักนิด ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่งโมง จากนั้นก็เช็ดทำความสะอาดอีกทีก็เรียบร้อย

16. ผงฟูและน้ำมะนาว

          ส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้ มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อราและเชื้อโรคที่ติดอยู่กับม่านกั้นในห้องน้ำ ได้ชิล ๆ เพียงแค่นำส่วนผสมของผงฟูและมะนาว ไปป้ายตามตำแหน่งที่มีเชื้อราเกาะอยู่ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดจนหมด

17. แปรงหรือพู่กันยาว 3 นิ้วขึ้นไป

          บริเวณพื้นที่เข้าถึงยาก ที่ใช้ไม้ปัดขนไก่ หรือแปรงดูดฝุ่นเข้าไปทำความสะอาดไม่ถึง ก็ใช้แปรงทาสีขนาดเล็ก หรือพู่กันที่ไม่ใช่แล้ว ที่มีความยาว 3 นิ้วขึ้นไป มาปัดฝุ่นและทำความสะอาดแทนก็ได้นะจ๊ะ

18. ขนมปัง

          รูปภาพฝาผนังที่ไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาดเลย ให้ลองปั้นแผ่นขนมปังเป็นลูกกลม ๆ แล้วนำไปกลิ้งบนภาพ เพื่อเก็บกวาดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจนหมด เมื่อเสร็จแล้วก็ใช้แปรงทาสีขนาดเล็กปัดเศษขนมปังออกอีกรอบ

19. ถุงมือผ้าสีขาว

          ถ้าที่บ้านพอจะมีถุงมือผ้าสีขาวอยู่บ้าง จะนำมาใช้ทำความสะอาดมู่ลี่ก็ได้ โดยผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่นในปริมาณเท่า ๆ กัน แล้วใส่ถุงมือทั้ง 2 ข้าง จุ่มมือลงไปแช่น้ำที่ผสมกันให้ชุ่ม จากนั้นก็ใช้นิ้วเช็ดทำความสะอาดมู่ลี่ทีละชั้น พลิกทำความสะอาดทั้ง 2 ด้านเลยนะคะ ถ้าถุงมือเริ่มดำก็นำไปจุ่มล้างแล้วชุบน้ำใหม่เรื่อย ๆ

20. มันฝรั่ง

          ปลอกเปลือกมันฝรั่ง และหั่นครึ่ง จากนั้นก็นำไปขัดคราบสกปรกที่ติดอยู่กับผ้านวม หรือผ้าคลุมเตียงเบา ๆ แล้วก็นำผ้าไปแช่น้ำเย็นจัด ต่อด้วยนำไปซักตามปกติ คราบสกปรกบนผ้านวมและผ้าคลุมเตียงที่เคยมีอยู่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยล่ะ

21. ต้นไม้

          หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ต้นไม้สามารถช่วยฟอกอากาศในบ้านให้บริสุทธิ์ขึ้นได้ ยืนยันด้วยผลการวิจัยของนาซา ที่บอกว่าต้นไม้จะช่วยดูดมลพิษที่อยู่ในบ้านได้ถึง 87% ทำให้อากาศภายในบ้านเราสะอาดขึ้นเยอะเลยทีเดียว

22. ลูกกลิ้งปัดขน

          นอกจากลูกกลิ้งปัดขนจะช่วยปัดเส้นใยขนสัตว์ และขนน้องหมาน้องแมวบนเสื้อผ้าและโซฟาได้แล้ว โคมไฟ และใบไม้ที่มีฝุ่นเกาะอยู่ก็สามารถใช้ลูกกลิ้งปัดขนกำจัดออกได้ด้วยล่ะ

23. ไดร์เป่าผม

          โคมไฟเพดาน ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด จะใช้ไดร์เป่าผมเป่าเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกออกไปก็ได้ อย่าลืมตั้งไดร์เป่าผมระดับแรงลมเบาสุดด้วยนะคะ แต่ถ้ามีคราบสกปรกติดฝังแน่น ให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำ เทใส่กระบอกสเปรย์ แล้วฉีดลงบนคราบที่ติดฝังแน่น จากนั้นค่อยใช้ไดร์เป่าให้แห้งอีกที

24. ไม้กอล์ฟ

          บ้านไหนที่มีไม้กอล์ฟอยู่ในบ้าน จะพันผ้าไมโครไฟเบอร์ไว้ที่ปลายไม้กอล์ฟให้แน่นหนา แล้วใช้ปัดฝุ่นตามพื้นที่สูง ๆ หรือพื้นที่ที่เข้าถึงยากแทนไม้ปัดหยากไย่ก็ได้นะ

25. สเปรย์จัดแต่งทรงผม

          เด็กวัยซนมักจะขีดเขียนสร้างศิลปะบนฝาผนังให้เป็นริ้วรอย แต่คุณแม่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเราสามารถใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมฉีดลงไปบนศิลปะเหล่านั้น แล้วรีบใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดทันที เพื่อกำจัดสีต่าง ๆ ออกไปได้ แต่ถ้าเป็นสีเทียน ให้ใช้ยาสีฟัน ป้ายลงบนแปรงสีฟันอันเก่า แล้วนำไปจุ่มกับเบกกิ้งโซดา มาขัดลงบนศิลปะของหนูน้อยเบา ๆ สุดท้ายให้เช็ดคราบออกด้วยผ้าชุบน้ำจนสะอาด

26. ข้าวสาร

          สำหรับแจกันคอขวด หรือภาชนะคอขวดทุกชนิดที่ไม่สามารถหาอะไรแหย่ไปทำความสะอาดได้สะดวก แนะนำให้เทข้าวสารลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำอุ่น ½ ถ้วยตวง จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือปิด แล้วเขย่าแจกันแรง ๆ สักพัก คราบสกปรกที่ติดอยู่ในแจกันก็จะหลุดออกไปได้ง่าย ๆ แล้วจ้า
 
27. ซอสมะเขือเทศ

          ใครจะเชื่อว่าซอสมะเขือเทศสามารถขัดเงาทองเหลืองได้ด้วย แค่บีบซอสมะเขือเทศลงบนผ้า แล้วนำผ้าผืนนั้นมาขัดถูทองเหลืองให้ทั่ว จากนั้นก็นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าให้แห้งสนิท เท่านี้เครื่องใช้ทองเหลืองที่เคยหม่นดำก็จะเงาใสแล้วล่ะ

28. ลูกเทนนิส

          พื้นบ้าน หรือกำแพงที่มีร่องรอยด่างดำของสิ่งสกปรกติดฝังแน่นอยู่ สามารถใช้ลูกเทนนิสมาขัดถูจนคราบหลุดออกไปหมดก็ได้ ลูกเทนนิสจะไม่ทำลายพื้นผิวให้เสียหาย แค่อาจจะทำให้สีพื้นผิวซีดจางนิดหน่อยจนต้องทาสีใหม่ก็เท่านั้นจ้า

29. ชอล์ก

          รู้ไหมคะว่า ชอล์กเขียนกระดานดำที่เราเคยเห็นสมัยเด็ก ๆ สามารถขจัดคราบขี้ไคลบนคอปกเสื้อเราได้ด้วย โดยขีดชอล์กทับลงบนคราบสกปรกให้หนา ๆ สักหน่อย แล้วก็นำผ้าไปแช่ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นก็นำไปซักตามปกติ คราบขี้ไคลที่ติดแน่นอยู่จะสลายหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อนเลยล่ะ

30. นมเปรี้ยว

          เสื้อผ้าที่เหม็นกลิ่นอับ และอับชิ้นจนมีเชื้อราขึ้นเป็นจุดดำ ๆ ตามเนื้อผ้า ให้แช่ผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับในนมเปรี้ยว (อาจจะต้องใช้นมเปรี้ยวปริมาณมากหน่อยนะคะ) แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน วันรุ่งขึ้นค่อยนำผ้าไปซักด้วยวิธีปกติ เสร็จแล้วก็นำผ้าไปตากแดดจัด ๆ หรือถ้าไม่มีแดด อย่างน้อยตากผ้าในที่ที่มีลมโกรกอยู่ตลอดเวลาก็ยังดีค่ะ

          บางทีก็เป็นเพราะความเคยชิน ที่ทำให้เรานึกไม่ถึงว่าข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน สามารถทำอะไรได้นอกเหนือจากหน้าที่หลัก ๆ ของเขาอีกมากมาย เราก็เลยพลาดไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งของเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ปัญหางานบ้านบางอย่างก็จัดการได้ง่าย ๆ ด้วยของใช้ที่เรามีอยู่นั่นเอง แต่เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าเผลอลืมประโยชน์อีกด้านของเครื่องใช้เหล่านี้ด้วยนะคะ จะได้ใช้ประโยชน์จากเขาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย


เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/15270086216256341/

Monday, November 25, 2013

Top 10 วิธี ทำให้สมองแจ่ม



อันดับที่ 1 เล่นเกมส์แนววางแผน


ทำไม? การเล่นเกมส์ที่เกี่ยวกับการวางแผนจะช่วยให้คุณเพิ่มทักษะการคิดด้านการวางแผนและทำให้คุณรู้จักวิธีแก้ปัญหาที่คล้ายๆกันได้ หากเจอปัญหาในชีวิตจริง ทำไง? เกมส์ แนวนี้มีเยอะ ทั้งเกมส์กระดาน เช่น หมากรุก หรือวีดีโอเกมส์ ก็มีแนวนี้เยอะจะตาย เลือกสักเกมส์ที่คุณอยากเล่นดู หวังว่าบทความเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รู้วิธีทำให้สมองแจ่มนะครับ

อันดับที่ 2 เลิกบุหรี่!


ทำไม? นอกจากการสูบบุหรี่จะทำร้ายคนอื่นแล้ว ควันบุหรี่นี่แหละที่เป็นปัจจัยที่ทำให้คุณดูแก่ขึ้น และลดความสามารถในการจดจำ ทำไง? การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก แต่มันก็ทำได้นะครับ มีวิธีแนะนำหลายๆ อย่างเลยเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ ลด ละ เลิก ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ได้ผลดีทีเดียว

อันดับที่ 3 หางานอดิเรกที่สร้างสรรค์ทำ


ทำไม? งานด้าน Creative จะพัฒนาสมองด้านขวา ในขณะที่ สมองด้านซ้ายจะเกี่ยวกับด้านความคิด ตรรกะต่างๆ พยายามใช้สมองทั้งสองด้าน แล้วสมองของคุณจะแจ่ม!! ทำไง? ใช้เวลาสักชั่วโมง เพื่อทำงานอดิเรกที่ creative เช่น วาดรูป แกะสลัก ถ่ายภาพ หรือแม้แต่ทำอาหาร ถ้าคุณไม่รู้จะทำไรดี ก็ลองหาไรทำเป็นกลุ่มดูสิ

อันดับที่ 4 อ่านมากเก่งมาก


ทำไม? คงไม่มีใครจะปฎิเสธนะครับว่าการอ่านมีประโยชน์แค่ไหน เดี๋ยวนี้นิยายหลายเรื่อง ก็มีในรูปแบบดิจิตอล หรือหาอ่าน แบบออนไลน์ก็ได้ ทำไง? เลือกหนังสือมาสักเล่ม แล้วเริ่มอ่าน อ่านปกมันดูก่อนก็ได้ แล้วลองหาดูว่า เล่มไหนที่เราอยากอ่าน หาเจอแล้วก็อ่านมันเสีย

อันดับที่ 5 เล่นเกมส์พัฒนาสมอง


ทำไม? เกมส์ ด้าน ตรรกะ จะช่วยให้คุณได้ใช้งานสมอง ด้านซ้าย ช่วยพัฒนากระบวนการคิดอย่างมีเหตุมีผล และทำให้กระบวนการคิดด้านตรรกะดีขึ้น ทำไง? เดี๋ยวนี้มีเกมส์แนวนี้เยอะแยะ เช่นเกมส์อักษรไขว้ โซดูกุ หาซื้อสักเล่มก็ได้ หรือจะเล่นวีดีโอเกมส์ หรือเกมส์คอมฯ ที่มันเอาไว้ "พัฒนาสมอง" หรือไม่ก็หาเล่นเกมส์แนวนี้ออนไลน์ ก็ได้ มีเยอะแยะเชียวแหละคับ ก็ลองหาไรทำเป็นกลุ่มดูสิ

อันดับที่ 6 เข้าเรียน!!

ทำไมละ? ก็ความรู้คือพลังไงละ เคยได้ยินบ่? ทำไงดี? พยายามหาความรู้เข้าสมองให้เยอะๆ มีเรียนก็เข้าเรียน หุๆ แค่เพียงการ เทคคอร์สสักคอร์ส เพียงคอร์สเดียว ก็จะช่วยให้คุณได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้วแหล่ะ รู้มาก เก่งมาก ไม่ยาก ใช่ไหม....

อันดับที่ 7 กินเยอะๆ พวกผักสีเขียว


ทำไมละ? ผักสีเขียวหนะมีวิตามินสูง ทั้งยังมีแอนตี้ออกซิเด้นที่จะช่วยป้องกัน ความจำเสื่อม เช่น vitamin E,C,B มีอยู่เยอะในผักสีเขียว ดังนั้นกินเข้าไปโลด ดีทั้งนั้น ทำไง? กินผักผลไม้ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ ลองทำอาหารบำรุงสมอง เช่น สลัด ดูก็ได้

อันดับที่ 8 ออกกำลังกาย


ทำไมละ? ออกกำลังกายที่เน้นการทำงานของหัวใจ จะทำให้ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานดีขึ้น และทำให้หัวใจไม่เสื่อมเร็วด้วย ทำไง? ไปออกกำลังกายไง เน้นการออกกำลังกายที่เน้นการทำงานของหัวใจ และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

อันดับที่ 9 ผ่อนคลาย


ทำไมละ? ก็เพราะว่าความเครียดมีผลต่อด้านจิตใจ และลดประสิทธิภาพด้านความคิด ทำไง? พยายามทำอะไรที่เป็นการ relax เช่นการนั่งสมาธิ เช่นโยคะ เป็นต้น

อันดับที่ 10 นอนหลับอย่างเพียงพอ


ทำไมละ? การอดหลับอดนอน มันมีผลต่อระบบต่างๆในร่างกายของเฮา โดยเฉพาะในส่วนของการรับรู้ ดังเช่น ความทรงจำ และ สมาธิ นอนไม่พอยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ ที่เรียกว่า snowball effect แถมจะมีผลเรื้อรังอีกด้วยนะ!! ทำไง? เข้านอนให้ตรงเวลา ก่อนนอนก็อย่าแจ้นไปกินข้าว เล่นเกมส์ หรือ หาโน่นหานี่มาทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาว พยายามเข้านอนแต่หัวค่ำ จะได้ตื่นขึ้นมารับรุ่งอรุณ ได้อย่างแจ่มใส เข้านอนแต่หัวค่ำจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีและกระปรี้กระเปร่าด้วยนะ เจ๋งไหมละ!!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.toptenthailand.com/
http://women.postjung.com/724088.html


Sunday, November 24, 2013

บรรเทาความหิวยามดึกแบบไม่รู้สึกผิด




          กินดึกไม่ดีใคร ๆ ก็รู้ แต่ถ้าความหิวไม่ปราณี แสบท้องจนนอนไม่ได้ จะทำยังไงดีล่ะ?! อะไรกินได้และอะไรกินไม่ได้ คุณปาล์ม-ขัตติยา ประชาเดชะ นักโภชนาการ จากคลับสุขภาพและความงามอาเมทิส มีคำแนะนำ

กินได้ไม่ผิด !

น้ำเต้าหู้

 
          น้ำเต้าหู้ที่มีขายทั่วไปในตลาดโต้รุ่ง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบรรเทาความหิวยามกลางคืน นอกจากจะอุ่นท้องแล้ว ยังมีกรดอะมิโนทริปโตฟานที่ช่วยให้คุณหลับสบายอีกด้วย ควรเลือกดื่มแบบที่ไม่เติมน้ำตาลและธัญพืชอะไรเลย ระบบย่อยจะได้ไม่ต้องทำงานหนักมากนัก แต่หากติดหวานก็พออนุโลมให้ใส่น้ำตาลได้ 1 ช้อนชา

ส้ม



          ส้มเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารมากมายทั้งวิตามินเอ บี ซี และอื่นๆ แต่ก็มีน้ำตาลสูงเช่นกัน เวลากินต้องกินทั้งผลเท่านั้น ไม่ควรดื่มเฉพาะน้ำส้มคั้น เพราะจะให้น้ำตาลในปริมาณเกินพอดี หากคุณกินแล้วต้องกลับไปทำงานต่อ รสเปรี้ยว ๆ หน่อยของส้มจะช่วยลดความเครียดและทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้น

แอปเปิล
 

          ถ้าเป็นแอปเปิลเขียวก็ดี แต่ถ้าไม่มี แอปเปิลแดงก็ได้ เพราะผลไม้ชนิดนี้มีใยอาหารสูง ทำให้คุณอิ่มท้อง แต่มีแคลอรี่ค่อนข้างต่ำ ลูกขนาดประมาณหนึ่งกำมือให้พลังงานไม่ถึง 60 แคลอรี่ด้วยซ้ำ

น้ำเปล่า
 

          หากคุณจำเป็นต้องอยู่ดึก ควรจิบน้ำเปล่าเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ และให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นลองดื่มน้ำสักแก้วสองแก้ว รอสัก 10 นาที หากท้องยังร้องไม่หยุด ค่อยตรงเข้าไปค้นตู้เย็นหาตัวช่วยบรรเทาความหิวอื่น ๆ

อย่าได้กินเด็ดขาด !!

กล้วยหอม
 

 กล้วยหอมจัดเป็นอาหารเพิ่มพลังงาน เพราะมีแคลอรี่สูงมากถึงประมาณ 100 แคลอรี่ต่อผล เคยมีผลจากการวิจัยพบว่าแค่กล้วยหอมเพียง 2 ผล ก็สามารถให้พลังงานได้มากถึง 90 นาที แม้กล้วยหอมจะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมที่เหมาะกับคนที่มีอาการบวมน้ำ ก็ไม่ใช่อาหารที่เหมาะสำหรับรับประทานยามใกล้เข้านอนอยู่ดี

 โจ๊ก

         
          คุณอาจคิดว่าอาหารอ่อน ๆ อย่างโจ๊กหรือข้าวต้ม เป็นอาหารย่อยง่ายเหมาะกับการกินยามดึก แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ทั้งสองอย่างให้พลังงานที่ค่อนข้างสูง แถมเนื้อสัตว์ที่ใส่ลงไปยังทำให้ระบบย่อยต้องทำงานหนักอีกด้วย

นม/โยเกิร์ต
 

          นมวัวและโยเกิร์ตมีไขมันจากสัตว์ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในย่อยมากกว่าน้ำ เต้าหู้ เหมาะสำหรับกินในยามเช้ามากกว่ากลางดึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโยเกิร์ต ถ้าเป็นรสธรรมชาติอาจจะพอโอเค แต่ถ้าเป็นรสต่าง ๆ ที่ผสมผลไม้เชื่อมลงไป น้ำตาลก็จะยิ่งพุ่งสูง

แหล่งที่มา  Lisa, http://health.kapook.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต