Wednesday, April 17, 2024

เคล็ดลับดีๆ ในการจัดการกับอารมณ์และความเครียด



คนเราทุกคนนั้นย่อมมีอารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งจะมีทั้งอารมณ์ที่ดีและอารมณ์ที่ไม่ดี  


ความเครียดก็เป็นภาวะของอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้นกดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ


ความเครียดเกิดขึ้นได้ทุกคน แต่ถ้าเพื่อนๆ มีความเครียดมากและเป็นอยู่ในระยะเวลานาน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต พฤติกรรม ครอบครัว การทำงาน และสังคมได้


วิธีป้องกันไม่ให้เพื่อนๆ เกิดความเครียด คือ


รับรู้และเข้าใจความรู้สึกที่แตกต่างของคนอื่น เช่น รู้สึกชอบ หรือไม่ชอบ ดังนั้น เพื่อนๆ จึงไม่ควรนำความรู้สึกของผู้อื่นมาคิดมากจนเกินไป


การตอบสนองต่อคำติชม คำติชมนั้นเป็นสิ่งที่ควรรับฟัง และไปปรับปรุงงาน หรือการกระทำของเราให้ดีขึ้น แต่อย่าเสียใจกับคำตำหนิหรือกล่าวโทษตัวเองมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เพื่อนๆ เกิดความเครียดได้


การรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นจะช่วยให้เพื่อนๆ มีมุมมองที่กว้างขึ้นและจะช่วยลดความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดความเครียดได้

ถ้าเพื่อนๆ เกิดความเครียดขึ้น ผู้โพสมีเคล็ดลับดีๆ ในการจัดการกับอารมณ์และความเครียด ดังนี้


ให้เพื่อนๆ หายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ กลั้นไว้ชั่วครู่แล้วจึงหายใจออก เมื่อหายใจเข้า หน้าท้องจะพองออก และเมื่อหายใจออก หน้าท้องจะยุบลง


ให้เพื่อนๆ ทำสมาธิ ซึ่งเป็นการทำให้กระแสจิตอยู่นิ่ง และมุ่งไปจุดๆ เดียว แนะนำให้เพื่อนๆ นั่งสมาธิในที่ที่สบายๆ เงียบๆ นั่งอย่างสงบ หลับตาในลักษณะผ่อนคลาย กำหนดลมหายใจเข้าออก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที 


การฟังเพลง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เพื่อนๆ หายเครียด เพราะเสียงเพลงจะทำให้เพื่อนๆ มีความสุข สนุกสนาน รื่นเริง มีกำลังใจ


ผู้โพสคิดว่า ถ้าเราทุกคนมีอารมณ์ที่ดีได้ตลอดเวลาและไม่มีความเครียดก็คงจะดีไม่น้อย เพราะใครๆ คงจะรักเรา อยากอยู่ใกล้ๆ เรา จริงมั้ย…..


เครดิตภาพ

https://www.pinterest.com/pin/703756167409261/

Tuesday, April 16, 2024

เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับผงชูรส และอาการแพ้




ผงชูรส เป็นสารที่ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะพ่อค้า แม่ค้าใช้ใส่ในอาหารเพื่อทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า ผงชูรส เป็นสารเคมีที่ไม่มีคุณค่าทางอาหารเลย แถมยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารอีกด้วย


ผงชูรสแท้นั้น จะมีลักษณะเป็นผลึกใส แท่งยาวคล้ายกระดูก ไม่มีสี 


สารเคมีที่พบมากในผงชูรส คือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต 


ไม่ควรรับประทานผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม 


ผู้ที่แพ้ผงชูรสเมื่อรับประทานเข้าไปมากๆ จะมีอาการ ดังนี้


ชาที่ปากและลิ้น


หัวใจเต้นช้าลง


ปวดกล้ามเนื้อโหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก


ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน


ผิวหนังร้อนวูบวาบ


มีผื่นขึ้นตามตัว


แนะนำให้เพื่อนๆ หลีกเลี่ยงการใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร และหมั่นสังเกตุอาการเมื่อต้องรับประทานอาหารนอกบ้าน ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยน๊า


เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/243335186155411906/

 

Monday, April 15, 2024

เทคนิคการอ่านบทความภาษาอังกฤษให้ได้ใจความสำคัญครบถ้วน



หากเพื่อนๆ ต้องการอ่านบทความภาษาอังกฤษให้ได้ใจความสำคัญครบถ้วนบริบูรณ์นั้น ผู้โพสมีเทคนิคที่น่าสนใจ และอยากบอกต่อเพื่อนๆ เผื่อเพื่อนๆ จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง ดังนี้


  1. แนะนำให้เพื่อนๆ อ่านบทความนั้นๆ ผ่านๆ โดยตลอดทั้งบทความไปก่อน เพื่อให้รู้ว่าเรื่องนั้นว่าด้วยเรื่องอะไรบ้าง และมีจุดใดบ้างที่เพื่อนๆ เห็นว่าเป็นจุดสำคัญของเรื่อง


  1. จากนั้น ให้เพื่อนๆ อ่านบทความทั้งหมดอีกครั้งโดยละเอียด เพื่อเพื่อนๆ จะได้ทำความเข้าใจบทความนั้นๆ ให้ชัดเจนขึ้น และเพื่อนๆ จะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างความคิดต่างๆ ในบทความ โดยเพื่อนๆ อาจจะขีดเส้นใต้ข้อความที่เห็นว่ามีความสำคัญไว้ด้วยก็ได้


  1. ให้เพื่อนๆ อ่านซ้ำเฉพาะตอนที่เพื่อนๆ ไม่เข้าใจ และตรวจสอบความเข้าใจในบางแห่งให้แน่นอน


  1. ให้เพื่อนทดสอบความเข้าใจของเพื่อนๆ ด้วยการตอบคำถามสั้นๆ เกี่ยวกับประเด็นของบทความและใจความสำคัญ เช่น เพื่อนๆ อาจตั้งคำถามว่า บทความนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร เป็นต้น


  1. สุดท้าย ให้เพื่อนๆ ลองเรียบเรียงใจความสำคัญ ด้วยภาษาเขียนของเพื่อนๆ เอง ที่เพื่อนๆ เห็นว่าจะทำให้เข้าใจบทความได้ชัดเจนถูกต้องที่สุด 


การทำเช่นนี้ ผู้โพสเชื่อว่า จะช่วยทำให้เพื่อนๆ อ่านบทความภาษาอังกฤษได้เข้าใจดียิ่งขึ้น ลองไปทำดูน๊า


เครดิตภาพ

https://www.pinterest.com/pin/287526757451576511/

Friday, April 12, 2024

รีวิวหนังสือเรื่อง มหกรรมในท้องทุ่ง หนังสือดีที่น่าอ่าน



มหกรรมในท้องทุ่ง เป็นนวนิยายสำหรับเยาวชนที่เล่าถึงสภาพชีวิตในท้องทุ่งที่อบอุ่นด้วยน้ำใจไมตรีของชุมชนคนบ้านเดียวกัน และมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในท้องถิ่นอันมั่นคั่ง 


เด็กๆ ชาวชนบท มีชีวิตที่สนุกสนาน เป็นอิสระเสรี มีการละเล่นและของเล่นต่างๆ ที่ทำมาจากธรรมชาติและการประดิษฐ์ของผู้ใหญ่ อันแสดงถึงสายใย ความรักและความอบอุ่นผูกพันในครอบครัวอย่างแน่นแฟ้น


นวนิยายเยาวชนเรื่องนี้ เป็นบันทึกความทรงจำในชีวิตอันแจ่มใสในวัยเยาว์ของผู้แต่ง และการละเล่นของเด็กบางส่วนของเพื่อนฝูง เช่น การเล่นปลากัด เป็นต้น


ข้อคิดที่ผู้อ่านจะได้จากการอ่านเรื่องนี้ คือ ผู้อ่านจะได้รับความรู้เรื่องราวความเป็นอยู่ของคนชนบทในสมัยก่อน


ผู้โพสคิดว่า หนังสือเรื่องมหกรรมในท้องทุ่ง เป็นหนังสือดีที่น่าอ่านทีเดียว


วรรณกรรมเยาวชน ของ อัศศิริ ธรรมโชติ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2524 และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2543

พิมพ์ครั้งี่ 9


รางวัลชมเชยประเภทบันเทิงคดี สำหรับเยาวชนก่อนวัยรุ่น

จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปี 2530


และได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 เล่ม โครงการวิจัยหนังสือดี 100 เล่มที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน


หนังสือพิมพ์ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ลิชซิ่ง ปีที่พิมพ์ 2552


Sunday, December 8, 2019

ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยพร้อมตัวอย่างและคำแปล


Precious (adj.)
คำแปล         มีค่ามาก ล้ำค่า
Nothing is as precious as love.
ไม่มีสิ่งใดมีค่าเท่ากับความรัก

Hesitation (n.)
คำแปล          ความลังเลใจ
Now there can be no more hesitations and delays.
ตอนนี้จะไม่มีความลังเลและความล่าช้าอีกต่อไป

Compare (v.)
คำแปล          เปรียบเทียบ
My love for you could not compare to anything in the world.
ความรักที่ฉันมีให้กับคุณไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งใดในโลก

In spite of
คำแปล          ถึงแม้ว่า
In spite of his poverty, he behaves well.
ถึงแม้ว่าเขาจะยากจนแต่เขาก็ประพฤติดี

Make friends with        
คำแปล ผูกมิตรกับ
He wants to make friends with you.
เขาต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ

Disappoint  (v.)                                
คำแปล        ทำให้ผิดหวัง
I don't want to disappoint you.
ฉันไม่ต้องการที่จะทำให้คุณผิดหวัง

Expression (n.)
คำแปล        การแสดงออก
Teardrop is an expression of sadness.
หยดน้ำตาคือการแสดงออกของความโศกเศร้า

Saturday, December 7, 2019

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ


Accept (v.)
คำแปล         รับ ยอมรับ
We have to accept that things change.
เราต้องยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไป

Expect (v.)
คำแปล          หวัง คาดหมาย
Don't expect too much from me.
อย่าคาดหวังจากฉันมากเกินไป

Confident (adj.)
คำแปล          มั่นใจ เชื่อมั่น
I feel confident of his love.
ฉันรู้สึกเชื่อมั่นในความรักของเขา

Desire (n.)
คำแปล                         ความปรารถนา
I confuse between desire and love.
ฉันสับสนระหว่างความปรารถนากับความรัก

Survive (v.)
คำอ่าน                       เซอไวฟ
คำแปล                      เอาตัวรอด อยู่รอด
They tried to survive in the desert.
พวกเขาพยายามที่จะเอาชีวิตให้รอดในทะเลทราย

Valuable (adj.)
คำแปล         มีค่า
Our friendship is more valuable than money.
มิตรภาพของเรามีค่ามากกว่าเงิน

Leave (v.)
คำแปล          จากไป ทิ้งไว้ ปล่อยไว้
Don't leave me alone.
อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว

cr. pic.  https://www.pinterest.com/pin/747597606879431326/

Thursday, October 17, 2019

9 นิสัยแบบนี้ สรุปว่าไม่ดีต่อสุขภาพจริงหรือเปล่า ?


      
         บางพฤติกรรมที่เราทำกันจนเคยชิน แต่กลับมีหลายคนบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเอาเสียเลยนะ ชวนให้อดสงสัยไม่ได้ว่าที่คนเขาบอกต่อมากันนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า แล้วบางพฤติกรรมที่คิดว่าดีแล้วล่ะ สรุปว่าเราทำก็ไม่เป็นไรใช่ไหม เพื่อไขข้อสงสัยใน 9 เรื่องต่อไปนี้ กระปุกดอทคอมจึงหยิบเอาข้อมูลดี ๆ จากเว็บไซต์ health.com มาฝากกัน คราวนี้เราก็จะได้รู้กันแล้วว่า หลายเรื่องสุขภาพที่เราสงสัยกันอยู่นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่

1. ลืมกินยาคุมกำเนิด คงไม่ท้องง่าย ๆ หรอกมั้ง?

          ผู้หญิงที่คุมกำเนิดด้วยการกินยาคุมกำเนิดอยู่ จำเป็นต้องมีวินัยในการกินยาค่อนข้างมาก เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะเสี่ยงตั้งครรภ์ทั้ง ๆ ที่ยังไม่พร้อม ยืนยันด้วยผลสำรวจของผู้หญิง 100 คนที่กินยาคุมกำเนิด จะมีสัก 2-9 คนที่ตั้งครรภ์ และสาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะลืมกินยาหรือตัดสินใจกินยาคุมกำเนิดช้าเกินไป

          อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำว่าหากวันไหนคุณลืมกินยาตามกำหนด ก็ควรจะกินทันทีที่นึกขึ้นได้ หรือกิน 2 เม็ดในวันถัดไป แต่ถ้าลืมกิน 2 วันติดกัน ก็ต้องกินวันละ 2 เม็ด ต่อเนื่องกัน 2 วัน และคุมกำเนิดทางอื่น เช่น สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยอีกประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ถ้ามีปัญหากับการกินยาคุมกำเนิด อย่างกินแล้วปวดหัว นอนไม่หลับ น้ำหนักขึ้น ก็ควรต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางคุมกำเนิดแบบอื่นกันต่อไป

2. ดื่มกาแฟหนักไป อันตรายหรือเปล่า?

          พฤติกรรมติดกาแฟ ชนิดที่ต้องดื่มวันละไม่ต่ำกว่า 3 แก้วต่อวัน อาจไม่ได้ทำร้ายคุณให้ถึงตาย แต่ก็มีส่วนทำให้คุณมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จนส่งผลต่อสุขภาพได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน เพราะนอกจากกาแฟจะมีคาเฟอีนแล้ว เหล่าส่วนผสมของกาแฟทั้งนม น้ำตาล ครีมเทียม วิปครีม ฟองนม ก็มีส่วนทำให้ที่เรามีน้ำหนัก และแคลอรี่เกินได้

          ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ กาแฟดำหนึ่งแก้วเพียว ๆ  ให้พลังงาน 5 กิโลแคลอรี่ น้ำตาลจำนวน 2 ก้อนหรือ 2 ช้อนชา สามารถเพิ่มพลังงานแคลอรี่ได้อีก 50 กิโลแคลอรี่ ดังนั้น กาแฟดำแก้วนี้ก็จะให้พลังงานทั้งหมด 55 กิโลแคลอรี่ นี่ยังไม่นับรวมแคลอรี่จากครีมเทียม และนมอีกนะคะ ดังนั้นถ้าคุณดื่ม 3 แก้วต่อวัน ก็นับแคลอรี่กันเพลินไปเลยล่ะ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารเพื่อสุขภาพเป็นประจำ และดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีอยู่เสมอ ขอย้ำว่าอยู่เสมอ ! กาแฟใส่ทั้งน้ำตาล ทั้งครีมเทียมสักถ้วยก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาค่ะ

3. เล่นโทรศัพท์ขณะเดิน เสี่ยงตายขนาดไหน?

          นับเป็นพฤติกรรมที่เห็นกันจนชินตา และกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมกันไปแล้ว แต่การเล่นโทรศัพท์ในขณะเดิน หรือทำอะไรอยู่ก็เพิ่มความเสี่ยงสารพัดอย่างในชีวิตมากมายเลยทีเดียว เป็นต้นว่า โดนล้วงกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว โดนฉกโทรศัพท์ไปต่อหน้าต่อตา หรือถูกรถชนเพราะเดินเล่นโทรศัพท์ขณะข้ามถนน เป็นต้น

          และจากผลการสำรวจก็พบว่า ผู้ที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในขณะเดินข้ามถนน จะมีความระมัดระวังน้อยกว่าคนที่ไม่ได้เดินเล่นโทรศัพท์ถึง 4 เท่า และส่วนมากจะเงยหน้ามาดูสัญญาณไฟ และทางเดินเพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้น และก้มหน้ากลับไปสนใจโทรศัพท์ต่อ ทำให้อุบัติเหตุอย่างรถชนจะเกิดกับคนกลุ่มนี้ค่อนข้างบ่อย ดังนัั้นคงจะดีไม่น้อยถ้าจะมีสติกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ และเก็บโทรศัพท์เอาไว้เล่นในตอนที่ว่างดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคุณเองนะคะ

4. ชั่งน้ำหนักอยู่ตลอดเวลา ช่วยลดความอ้วนจริงเหรอ?

          รู้ไหมคะว่าน้ำหนักตัวของเราผันผวนอยู่ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีน้ำหนักของเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอาหารที่กินไปในแต่ละวันร่วมด้วย ดังนั้น หากคุณขยันชั่งน้ำหนักเป็นว่าเล่นเหมือนเช็กหุ้น ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร หนำซ้ำยังอาจจะทำให้คุณกังวลไปเปล่า ๆ และไม่ได้ช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้แน่ ๆ

          แต่ถ้าคุณอยากรู้น้ำหนักตัวที่แท้จริงและแน่นอน แนะนำให้ชั่งน้ำหนักตอนตื่นนอนใหม่ ๆ ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายแล้ว และชั่งในขณะที่เนื้อตัวเปลือยเปล่า เพราะจะเป็นน้ำหนักตัวสุทธิของเราอย่างแท้จริง และการชั่งน้ำหนักตัวเองอย่างนี้ทุกวัน จะช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ง่าย ๆ เพราะถ้าน้ำหนักตัวเริ่มเพิ่มขึ้น เราก็จะไหวตัวทันก่อนยังไงล่ะ

5. ใช้ฟองน้ำล้างจานจนเก่าไม่ได้หรือ?

          หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ฟองน้ำล้างจานมีเชื้อโรคและแบคทีเรียสะสมอยู่มากแค่ไหน ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่า ฟองน้ำล้างจานเปรียบเสมือนโรงแรม 6 ดาวของเจ้าเชื้อโรคเลยล่ะ เพราะเราใช้ฟองน้ำล้างจาน เช็ดล้างทำความสะอาดจานชามที่มีคราบและเศษอาหารติดอยู่มากมาย ซึ่งถ้าหากว่าหลังการใช้งาน เราไม่ล้างฟองน้ำและบีบให้หมาดที่สุด ก่อนจะเก็บไว้ในที่แห้งทุกครั้ง ก็จะยิ่งเพิ่มเชื้อโรคและเชื้อราในฟองน้ำเข้าไปใหญ่ พอนำมาล้างจานครั้งต่อไป เจ้าสารพัดเชื้อโรคที่ว่า ก็จะกระจายเกาะอยู่ตามจานชามของเราด้วย จนอาจจะทำให้คนในบ้านที่ใช้จานชามเหล่านี้ เสี่ยงมีอาการท้องร่วง ท้องเสีย และป่วยได้ง่าย ๆ

          ดังนั้น หลังใช้ฟองน้ำทุกครั้ง ควรล้างน้ำเปล่าให้สะอาด บีบน้ำออกจนเกือบแห้ง และเก็บไว้ในที่แห้งสะอาด นอกจากนี้ควรหมั่นฆ่าเชื้อโรคด้วยการชุบฟองน้ำด้วยน้ำสะอาดให้ชุ่ม แล้วนำเข้าไปอบในไมโครเวฟ (เฉพาะฟองน้ำที่ไม่มีโลหะและเหล็กเป็นส่วนประกอบนะคะ) ตั้งความร้อนที่อุณหภูมิสูงสุด ใช้เวลาประมาณ 2 นาที  และคอยดูอย่าให้ฟองน้ำแห้ง เพราะอาจจะเกิดไฟไหม้ เป็นอันตรายได้

6. นั่งโถส้วมสาธารณะ มีสิทธิ์ติดเอดส์เลยเหรอ?

          หลายคนคิดว่าฝานั่งชักโครกมีเชื้อโรคปะปนอยู่จนอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เราเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคหนองใน โรคเอดส์ หรือโรคจากเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จนไม่กล้าลงนั่งชักโครกด้วยก้นเปลือยเปล่าได้ แต่ขอบอกว่าไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่า การนั่งชักโครกจะทำให้เราติดโรคหนองใน หรือโรคเอดส์ เพราะไม่มีทางที่เชื้อโรคเหล่านี้จะสามารถเข้ามาสู่ร่างกายเราได้ เนื่องจากช่องคลอดของคุณอยู่ในร่างกาย ไม่น่าจะมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคแถว ๆ ที่นั่งชักโครกได้แน่ ๆ จ้า

7. ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ซื้อยามากินเองบ่อย ๆ ไม่เป็นไรใช่ไหม?

          ยาสามัญประจำบ้าน หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า OTC (Over-The-Counter Medication) คือยารักษาโรคทั่วไปที่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยา โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ก็ได้ จึงทำให้คนที่มีอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ยอมไปหาหมอ แต่มาหาเภสัชกรที่ร้านขายยา และซื้อยาบรรเทาอาการกินด้วยตัวเอง

          แต่ทราบไหมคะว่าพฤติกรรมแบบนี้ เป็นอันตรายกับร่างกายมาก ๆ เพราะถ้าเอะอะเกิดเจ็บไข้ขึ้นมา แล้วคุณเลือกจะกินยาที่หาซื้อมาเอง บรรเทาอาการจนติดเป็นนิสัย ก็อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้รับตัวยาเหล่านี้ในจำนวนที่เกินขนาด เป็นอันตรายต่อตับและตกค้างในไตได้ โดยเฉพาะยาแก้อักเสบ ที่อาจจะระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ในเวลาต่อมา และยิ่งถ้าคุณเป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว การกินยาสามัญเหล่านี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายที่อาการป่วยเริ่มหาย คุณอาจจะปวดหัวหรือไมเกรนกำเริบขึ้นแทนได้ เนื่องจากร่างกายจะตอบสนองต่อยาเหล่านี้หลังจากที่รับยาเข้าไปสักระยะหนึ่งแล้วนั่นเอง 

8. กินอาหารกลางวันที่โต๊ะทำงานจะอ้วนขึ้นจริงรึเปล่านะ?

          ยอมรับมาซะดี ๆ เถอะค่ะว่าคุณก็เป็นอีกคนที่มีงานติดพัน และชอบกินอาหารกลางวันที่โต๊ะทำงาน กินไปทำงานที่ค้างอยู่บนหน้าจอไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ทุกวัน ฉะนั้นหากน้ำหนักเพิ่ม หรืออ้วนขึ้นก็ไม่ต้องสงสัยนะคะ เพราะการนั่งกินอาหารบนโต๊ะทำงาน ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการนั่งกินข้าวหน้าจอทีวี ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลิน และกินมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว นึกได้อีกทีก็ตอนที่อ้วนขึ้นแล้ว รู้อย่างนี้แล้ว ทุกกลางวันก็เดินไปที่โรงอาหาร หรือเดินออกไปหาร้านอาหารใกล้ ๆ ออฟฟิศกินดีกว่า หรือถ้าไม่อยากออกไปเจอแดดร้อน ๆ ก็กินข้าวในออฟฟิศก็ได้ แต่นั่งกินอย่างเป็นกิจจะลักษณะที่โต๊ะอาหารนะจ๊ะ

9. เบี้ยวนัดคุณหมอ คงไม่เป็นไรใช่ไหม?

          หากมีนัดกับคุณหมอแล้วไม่ค่อยยอมไป เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีอาการเจ็บป่วยอะไรมากมาย หรือถึงคราวที่ต้องตรวจสุขภาพประจำปีแล้วก็เบี้ยวคณหมอดื้อ ๆ อย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะคุณจะพลาดโอกาสได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของสุขภาพตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย และอย่าลืมว่าโรคร้ายแรงหลายโรค มักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่บทจะเผยตัวให้รู้สึกก็สายเกินเยียวยาไปแล้ว

          ดังนั้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี ควรไปพบแพทย์ทุกครั้งที่รู้สึกป่วย หรือไปหาหมอตามนัดเป็นประจำ และอย่าเบี้ยวการตรวจสุขภาพประจำปี หากมีปัญหาสุขภาพ หรือความผิดปกติใด ๆ กับร่างกาย จะได้หาทางรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

          หลายพฤติกรรมที่เราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่น่าจะดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังลังเลอยู่นิดหน่อย ว่าอาจจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสักเท่าไร จึงทู่ซี้ทำกันเรื่อยมาอยู่ทุกวี่วัน วันนี้ก็คงกระจ่างแจ้งกันด้วยข้อมูลที่เรานำมาเสนอกันแล้วนะคะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
https://health.kapook.com/view66948.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/747597606877669079/?nic=1