ความสกปรกย่อมมากับเชื้อโรคต่าง ๆ
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดความเจ็บป่วย เราอาจจะคิดว่าเชื้อโรคเป็นเรื่องไกลตัว
แต่จริงๆ แล้วเชื้อโรคอันตรายบางชนิดก็อยู่ใกล้ตัวเราโดยที่เราคาดไม่ถึง
สิ่งของบางอย่างหรือสถานที่บางสถานที่ที่เราไม่คิดว่าจะเป็นที่อยู่ของเชื้อโรคได้ก็อาจจะเป็นที่ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคอันตรายก็เป็นได้
วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำข้อมูลดี ๆ
เกี่ยวกับแหล่งที่สกปรกและเป็นแหล่งของเชื้อโรคที่อยู่ใกล้ตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัวมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ลองไปดูกันเลยดีค่ะ
โทรศัพท์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต
เชื่อหรือไม่ว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนี่ล่ะคือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี
มีการวิจัยพบว่าบนจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
และแท็บเล็ตมีเชื้อโรคสะสมมากกว่าโถส้วมถึง 20 เท่า !
โดยเฉพาะเชื้อโรค E. coli และ Staphyloccocus aureus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังต่าง ๆ โรคปอดอักเสบ
และการติดเชื้อในกระแสเลือด
เชื้อโรคเหล่านี้ถูกนำมาติดโดยการใช้นิ้วสัมผัสบนจอโทรศัพท์โดยไม่ได้ล้างก่อน
ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รักษาสุขอนามัยถึงขนาดล้างมือบ่อย ๆ
และไม่ยอมทำความสะอาดหน้าจอบ่อย ๆ ทำให้เชื้อโรคสะสมอยู่บนจอโทรศัพท์
ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
วิธีการแก้ไขก็ไม่ยาก
เพียงทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตด้วยน้ำยาทำความสะอาดจอทัชสกรีนโดยเฉพาะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
และล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
เพราะเป็นการยั้บยั้งเชื้อโรคได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ไม่ควรใช้โทรศัพท์ร่วมกับใครเพื่อป้องกันเชื้อโรคติดต่ออีกด้วย
คีย์บอร์ด เม้าส์คอมพิวเตอร์
บางครั้งสิ่งที่เราละเลยที่จะทำความสะอาดอย่างคีย์บอร์ดและเม้าส์คอมพิวเตอร์เพียงเพราะคิดว่ามันไม่ได้สกปรกซักเท่าไหร่นี่ล่ะ
คือแหล่งสะสมเชื้อตัวฉกาจเชียวล่ะ ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าปุ่มเล็ก ๆ บนคีย์บอร์ด
หรือปุ่มบนเม้าส์เพียงเท่านั้นที่มีเชื้อโรคสกปรกสะสมอยู่ แต่บรรดาตามซอกเล็กๆ
หรือร่องของคีย์บอร์ดก็เป็นแหล่งกักเก็บฝุ่นและเชื้คโรคที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง
ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ
การรักษาความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
นอกจากนี้ยังควรแกะคีย์บอร์ดออกมาทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วย
กระเป๋าสะพาย
เป้ กระเป๋าสตางค์
เราใช้กระเป๋าชนิดต่าง
ๆ ในการเก็บข้าวของ
แต่หารู้ไม่ว่าภายในกระเป๋าคือแหล่งกักเก็บเชื้อโรคที่เราคาดไม่ถึงเชียวล่ะ โดยมีการวิจัยพบว่าบริเวณก้นกระเป๋านั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าหมื่นตัว
นอกจากนี้กระเป๋าสตางค์ก็เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่อันตรายไม่แพ้กัน
ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้มาจากธนบัตรและเหรียญนั่นเอง
เชื้อโรคส่วนใหญ่ที่พบล้วนเป็นอันตราย ได้แก่ Staphylococcus สาเหตุของทำให้เกิดตาแดง นอกจากนี้ยังมีเชื้อ Salmonella และ E.coli ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ
และท้องเสียอีกด้วย
วิธีการรักษาความสะอาดก็ไม่ยาก
เพียงนำกระเป๋าไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและหมั่นทำความสะอาดกระเป๋าบ่อย ๆ
ด้วยทิชชู่เปียกที่มีสารเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการนำกระเป๋าไปวางในที่ที่สกปรกด้วย
เงิน
เงิน
ไม่ว่าจะเป็นธนบัตรหรือเหรียญต่างก็เต็มไปด้วยเชื้อโรคที่ส่งผ่านกันมามือต่อมือ
ซึ่งเป็นแหล่งเชื้อโรคที่ผู้คนละเลยมากที่สุด โดยผลการศึกษาจากคณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
ประเทศอังกฤษ ระบุว่า บนธนบัตร 1 ใบ
จะมีเชื้อแบคทีเรียสะสมโดยเฉลี่ย 26,000 ตัว ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้มีผลอันตรายกับผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ
ทั้งนี้
แม้เราจะไม่สามารถทำความสะอาดธนบัตรหรือเหรียญที่รับมาได้ แต่การรักษาความสะอาดที่ดีที่สุดคือการล้างมือทุกครั้งที่จับหรือสัมผัสกับเงิน
เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคเหล่านั้นค่ะ
รีโมท
เราหยิบจับรีโมทกันอยู่บ่อย
ๆ แต่หารู้ไม่ว่ามันคือแหล่งสะสมเชื้อโรคเช่นกัน
เพราะน้อยคนจะนึกถึงว่ารีโมทเป็นสิ่งที่ควรทำความสะอาดด้วยเช่นกัน ทำให้บรรดาเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มาจากสัมผัสโดยตรงกับมือของเราซึ่งยังไม่ผ่านการล้างทำความสะอาดตามสุขอนามัยที่ถูกต้อง
สะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของรีโมท
วิธีการทำความสะอาดก็ไม่ยาก
เพียงแค่ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดทำความสะอาดบ่อย ๆ
และควรจะล้างมือก่อนและหลังจับรีโมทเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
หมอน - เตียงนอน
หมอนและเตียงนอนที่เราใช้เพื่อพักผ่อนในทุก
ๆ คืนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรก เพราะในทุกคืนที่เรานอนหลับนั้นผิวของเราก็จะผลัดเซลล์ที่ตายออก
ซึ่งตกอยู่บนเตียงนอนและหมอน นอกจากนี้ยังมีบรรดาเศษสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ
ที่มาจากกิจกรรมที่เราทำบนเตียงนอน ไม่ว่าจะเป็นการนอนโดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
การนำของมาวางไว้ หรือแม้แต่การนำอาหารขึ้นมากินบนเตียงนอน
และเมื่อเรานอนในเวลากลางคืนก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เชื้อโรคเหล่านั้นจะเข้าสู่ร่างกายของเรา
อย่างไรก็ตาม แสงแดดและน้ำร้อนสามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่อยู่บนหมอนและเตียงนอนได้
เพียงนำปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนมาซักด้วยน้ำร้อนสัปดาห์ละครั้ง
และหมั่นนำเอาหมอนและเตียงนอนมาตากแดดบ่อย ๆ
เท่านี้ก็เป็นการกำจัดเชื้อโรคและเศษสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ค่ะ
สวิตช์ไฟ
สวิตช์ไฟเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่เราต้องใช้อยู่ทุกวันแต่ก็ละเลย
จากการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่า บนสวิตช์ไฟมีเชื้อแบคทีเรียถึง 217
ตัวต่อตารางนิ้ว โดยเฉพาะสวิตช์ไฟห้องน้ำนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่มากกว่าหลายเท่าตัว
ทำให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคชั้นดีไปสู่บุคคลอื่น ๆ จากการสัมผัสอีกด้วย
รู้แบบนี้แล้ว
อย่าละเลยทำความสะอาดสวิตช์ไฟเด็ดขาด
เพียงใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยทำให้สวิตช์ไฟของเราสะอาดและปราศจากเชื้อโรคค่ะ
มือจับประตู
ลูกบิด
มือจับประตูและลูกบิดคือจุดอันตรายจากเชื้อโรคอีกจุดหนึ่งที่ถูกมองข้าม
ร้อยทั้งร้อยเชื่อว่ามากกว่า 90% ของเชื้อโรคอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมือจับประตูและลูกบิดประตูบ้าน
แต่การหมั่นล้างมือและเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคบ่อย ๆ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 -3 ครั้ง เป็นการช่วยทำให้มือจับประตูและลูกบิดปราศจากเชื้อโรคได้
เครื่องปรับอากาศ
ใครว่าเครื่องปรับอากาศที่เป็นใช้กันอยู่เป็นประจำนั้นไม่มีเชื้อโรค
มันคือแหล่งกักเก็บและแพร่เชื้อโรคชั้นดีเลยต่างหากล่ะ
เพราะเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศนั้นจะถูกดักเอาด้วยแผ่นกรองอากาศ
แต่บางครั้งเราก็ลืมที่จะนำมันออกมาทำความสะอาดจนแผ่นกรองอากาศเหล่านั้นสกปรกทำให้เชื้อโรคเหล่านั้นแพร่กระจายออกมา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภัยต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ หืดหอบ
ปอดบวมจากเชื้อลีเจียนแนร์ วัณโรค สุกใส งูสวัด หัดเยอรมัน และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่น
ๆ
วิธีทำความสะอาดก็ง่าย
ๆ เพียงเรานำแผ่นกรองอากาศออกมาทำความสะอาดเดือนละครั้ง
หมั่นทำความสะอาดภายในบริเวณเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอและควรจะล้างแอร์อย่างน้อยปีละ
2 ครั้ง
ฝักบัว
ฝักบัวเป็นแหล่งสะสมเชื้อราและแบคทีเรียที่เราละเลยทั้งที่ใช้อยู่ทุกวัน
เพราะคงจะหาคนที่ทำความสะอาดฝักบัวทุกวัน หรือแม้แต่จะทำความสะอาดทุกสัปดาห์ก็ยังเป็นไปได้ยาก
ซึ่งเชื้อโรคที่อยู่ในฝักบัวนั้นเป็นสาเหตุของโรคปอดอีกด้วยค่ะ
การทำความสะอาดฝักบัวในเบื้องต้นคือการนำน้ำส้มสายชูหรือแอมโมเนียเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
และหมั่นถอดฝักบัวออกมาทำความสะอาดด้วยแปรงสีฟันกับผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจาน
หากเป็นฝักบัวที่ถอดออกไม่ได้
ก็นำถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูแล้วนำหัวฝักบัวแช่ในถุงข้ามคืนหลังจากนั้นค่อยทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่งค่ะ
ผ้าเช็ดตัว
ผ้าเช็ดตัวเป็นสิ่งที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน
เพราะในผ้าเช็ดตัวนั้นมีเชื้อโรค Staphylococus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังซุกซ่อนอยู่ นอกจากนี้ หากปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวชื้นเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดเชื้อราอีกด้วย
เราควรเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
เพื่อสุขอนามัยที่ดี และควรนำผ้าเช็ดตัวไปตากในที่แห้งทุกครั้งหลังจากใช้
เพื่อให้ไม่เกิดเชื้อรา
แปรงสีฟัน
แปรงสีฟันเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดเพราะเราต้องเอามันเข้าปากอยู่เช้าเย็น
ดังนั้นจึงยิ่งต้องควรรักษาความสะอาดอย่างยิ่ง
เพราะถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดอย่างไรแต่ผลวิจัยก็เคยพบว่า ในแปรงสีฟันก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์อย่างน้อย
10 ล้านตัว !!! ยิ่งถ้าวางอยู่ใกล้บริเวณชักโครกก็ยิ่งสกปรกขึ้นอีก
นอกจากนี้ยังมีเชื้อโรคที่ติดมาจากน้ำลายและเสมหะของผู้ใช้อีกด้วย
ดังนั้น
นอกจากทำความสะอาดแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้งที่ใช้แล้ว
เราควรทำความสะอาดที่เก็บแปรงสีฟันให้สะอาดอยู่เสมอ
และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุก 3 เดือน
เพื่อสุขอนามัยของช่องปากและสุขภาพของตัวเราเอง
โถส้วม
แชมป์ของแหล่งสะสมเชื้อโรคคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโถส้วม ยิ่งเป็นโถส้วมในห้องน้ำสาธารณะยิ่งสกปรกกว่าโถส้วมในห้องน้ำตามบ้านเรือนปกติหลายเท่าตัว
และโถส้วมนั้นนอกจากจะเป็นแหล่งของสะสมของเชื้อโรคแล้วยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคที่อันตรายและร้ายแรงอีกด้วย
เช่นนี้แล้ว
ก็ควรหมั่นทำความสะอาดโถส้วมและฝารองนั่งบ่อย ๆ
เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
นอกจากนี้เมื่อใช้โถส้วมเสร็จทุกครั้งควรกดน้ำหรือราดน้ำด้วยทุกครั้ง
และล้างมือหลังจากใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
อ่างล้างจาน
ฟองน้ำ
อ่างน้ำจานและฟองน้ำเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย รวมทั้งเชื้อราจำนวนมาก ทั้งชนิดที่รุนแรงและไม่รุนแรง อย่างเช่น
"เชื้อซัลโมเนลล่า" ซึ่งเป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษหรืออุจจาระร่วง
หากนำไปใช้ล้างและขัดถูภาชนะต่าง ๆ คนเราก็มีสิทธิ์เอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้
การทำความสะอาดอ่างล้างจานและฟองน้ำก็ไม่ยาก
เพียงใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างอ่างล้างจานที่มีสารกำจัดเชื้อแบคทีเรียล้างอ่างล้างจานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
และนำฟองน้ำที่ใช้สำหรับล้างจานไปตากแดดอย่างน้อย 2 -3 ชั่วโมงเพื่อให้แสงแดดช่วยทำลายกรดและเชื้อแบคทีเรียในฟองน้ำ
ตู้เย็น
ตู้เย็นเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศของบ้าน
และเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ อีกด้วย
เพราะเชื้อโรคเป็นจำนวนมากเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ทำให้เชื้อโรคที่ติดมากับภาชนะใส่อาหารหรืออาหารสดต่าง
ๆ สามารถเติบโตและแพร่กระจายอยู่ในตู้เย็น โดยเฉพาะเจ้าแบคทีเรียที่ชื่อ
ลิสเทอเรีย (Listeria) ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดอาการหนาวสั่น
ปวดท้อง หรือปวดศีรษะได้
ดังนั้นเราจึงควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
และควรเช็ดทำความสะอาดตู้เย็นด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อเดือนละครั้งอีกด้วย
สิ่งที่ป้องกันเชื้อโรคต่าง
ๆ รอบตัวได้นั่นก็คือการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของตนเองรวมทั้งสิ่งของ
สถานที่ต่าง ๆ ใกล้ตัวอยู่เสมอ ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะหลีกไกลจากการเจ็บป่วย
เริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสกับสิ่งสกปรก
เพียงแค่นั้นเราก็จะมีสุขภาพที่ดีได้ค่ะ
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/31173422392894611/
No comments:
Post a Comment