Monday, July 14, 2014

10 พฤติกรรมเผลอทำยามเครียด ส่งผลเสียต่อสุขภาพเกินคาด




         พฤติกรรมกัดเล็บยามที่ตกอยู่ในความกังวล และอีกหลายพฤติกรรมที่คุณเผลอทำยามเครียด รู้ไหมคะว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรามากแค่ไหน
           
          เคยลองสังเกตตัวเองดูบ้างไหมคะว่า เวลาที่เราตกอยู่ในความกังวลหรือกำลังจมจ่อมอยู่กับความเครียด เราแสดงพฤติกรรมอะไรออกมาบ้าง บางคนอาจจะบอกว่าชอบกัดเล็บตัวเองเล่น บ้างก็ใช้นิ้วพันผมเพลิน ๆ ไป แต่ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมระบายความเครียดในลักษณะไหน ทางเว็บไซต์ Health ก็กระซิบบอกข่าวร้ายให้ตกใจเบา ๆ เพราะ 10 พฤติกรรมเผลอทำยามเครียดเหล่านี้น่ะ ทำร้ายสุขภาพร่างกายเราได้อย่างคาดไม่ถึงเลยเชียว


1. กัดเล็บ
           
          เชื่อว่าหลายคนชอบกัดเล็บตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะตอนดูหนังสยองขวัญหรือคิดอะไรไม่ตก ซึ่งพฤติกรรมหมกมุ่นเช่นนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากนิวยอร์กก็ชี้ แจงผลร้ายมาว่า นอกจากการกัดเล็บจะเป็นต้นเหตุให้เล็บของคุณไม่เรียบสวยแล้ว เชื้อโรคและแบคทีเรียจากช่องปากและที่ติดอยู่รอบ ๆ บริเวณเล็บ ยังจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนที่อยู่กันอย่างเมามัน กลายเป็นปัญหาสุขภาพอย่างเชื้อราที่เล็บ รวมทั้งปัญหาช่องปากและลำคออักเสบจากการติดเชื้อ ดังนั้นทางที่ดีควรยับยั้งตัวเองไม่ให้กัดเล็บดีกว่า หรือสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย อาจทาเล็บสวย ๆ เป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้กัดเล็บก็ได้

 
2. ดึงผมตัวเอง
           
          แม้จะไม่ถึงขั้นจิกทึ้งผมของตัวเอง แต่การแสดงสภาวะเครียดด้วยการดึงผมตัวเองเล่นก็เป็นสัญญาณหนึ่งของโรคทางจิต ที่เรียกกันว่า โรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) ซึ่งอาจทำให้คุณสูญเสียเส้นผมเป็นหย่อม ๆ เสียบุคลิก และอาจพัฒนาจนรุนแรงถึงขั้นทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว หรือผลเสียอย่างเบาะ ๆ ก็ทำให้รากผมอ่อนแออย่างถาวร ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ชอบดึงผมตัวเองเล่นเป็นประจำ ก็คงไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเห็นเส้นผมตัวเองหลุดร่วงมากเกินปกติ ฉะนั้นหากรู้ตัวว่าเสพติดการดึงผม โดยเฉพาะยามที่ตกอยู่ในสภาวะเครียด ลองหาทางแก้ปัญหาหรือไปปรึกษาจิตแพทย์ดีกว่านะคะ

 

3. โยกบิดคอคลายความเมื่อยล้า
           
          ยามเมื่อยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก็สามารถทำให้เราคลายความตึงเครียดได้ไม่น้อย หลายคนเลยชอบหมุนคอไปมาหรือโยกคอไปข้างใดข้างหนึ่ง พอให้เกิดเสียงก๊อกก็รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วใช่ไหมคะ

          แต่อย่าเพิ่งยิ้มกริ่มไป เพราะศาสตราจารย์นายแพทย์จากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแอตแลนติก ได้เผยว่า พฤติกรรมบิดเอี้ยวคอไปข้างใดข้างหนึ่งอาจเสี่ยงทำให้ข้อต่อระหว่างกระดูก สันหลังกับกระดูกคอผิดรูปเอาได้ หรืออย่างน้อย ๆ ก็จะเร่งการสะสมพังผืดบริเวณข้อต่อส่วนนั้น จนส่งผลกระทบให้เกิดอาการปวดคอเรื้อรังในอนาคตได้เลยทีเดียว


4. ลูบไล้ใบหน้า
           
          อากัปกริยาสุดฮิตที่คนตกอยู่ในห้วงของความคิดคำนึงชอบทำก็มักจะเป็นการใช้ มือลูบไล้ใบหน้าตัวเองหรือเท้าคางเหม่อลอย ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจาก SUNY Downstate Medical Center นิวยอร์กก็ให้ข้อมูลว่า การใช้มือสัมผัสกับผิวหน้าเป็นสาเหตุให้เซลล์ผิวระคายเคือง บวกกับเชื้อโรคและแบคทีเรียที่ลอยนวลอยู่บนผิวมืออาจย้ายมาเกาะอยู่บนใบหน้า คุณได้ง่าย ๆ หนักเข้าก็ก่อให้เกิดปัญหาสิวและผิวหน้าอักเสบ ลุกลามไปถึงขั้นเกิดริ้วรอยและแผลเป็นรักษายาก ถ้าอย่างนั้นคงจะดีกว่าแน่ ๆ หากเราหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าไปเลย อย่างน้อยก็ลดสาเหตุการเกิดสิวและริ้วรอยบนใบหน้าได้บ้างล่ะเนอะ

 
5. กัดฟัน
          
          ใครที่รู้ตัวว่าชอบเผลอกัดฟันยามตกอยู่ในสภาวะเครียดหรือกดดันขอให้เลิก พฤติกรรมนี้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพปากและฟันเตือนมาว่า พฤติกรรมบดเคี้ยวฟันบ่อย ๆ อาจทำให้คุณเกิดปัญหาช่องปากได้สารพัด ทั้งฟันบิ่น หัก แตก เสียรูป หรือใหญ่โตไปถึงขั้นมีภาวะความผิดปกติของข้อขมับและขากรรไกรล่างไปเลย ซึ่งก็แน่นอนว่าคงส่งผลต่อการพูดและการเคี้ยวอาหารของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

 
 6. เสพติดอมยิ้มและลูกกวาด
           
          ความหวานของเจ้าอมยิ้มและลูกกวาดสีสวยสามารถกระตุ้นอารมณ์ดี ๆ ให้เราได้ก็จริง แต่หากคุณเป็นคนที่เครียดเมื่อไรก็เกิดอาการเสพติดอมยิ้มและลูกกวาดเมื่อ นั้น แถมยังกินชนิดที่เรียกว่าไม่แคร์ระดับน้ำตาลในเลือดกันเลย ลักษณะนี้อาจไม่ค่อยดีต่อสุขภาพปากและฟัน รวมไปถึงโรคความดัน เบาหวาน และโรคที่มีปัจจัยเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดเกี่ยวข้องแล้วล่ะค่ะ เพราะนอกจากฟันจะผุแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินขีดจำกัดยังอาจทำให้คุณไม่รู้สึกหิวจนกินข้าว ไม่ลง ส่งต่อผลกระทบไปที่โรคกระเพาะอีกโรคหนึ่งด้วย

 
7. กัดริมฝีปาก
           
          นับว่าเป็นข้อมูลที่ทำเอาอึ้งไม่น้อยเลยเมื่อแพทย์หญิงวิทนีย์ โบ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หนึ่งในคณะกรรมการองค์การแพทย์ผิวหนังศาสตร์จากนิวยอร์ก ออกปากเตือนว่า พฤติกรรมชอบกัดหรือเม้มริมฝีปากตัวเองก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคริมฝีปาก อักเสบได้ เนื่องจากการกัดริมฝีปากจะไปกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตเอนไซ์ย่อยขึ้นมา และเอนไซม์นั้นอาจวกกลับมาย่อยเซลล์ผิวหนังริมฝีปากเราแทน อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหาผิวปากแห้งแตกระแหงไปพร้อม ๆ กัน

 

8. ขบกระพุ้งแก้ม
           
          ดูแล้วน่าจะเป็นพฤติกรรมคลายเครียดที่ทำเอาเจ็บไม่น้อย แต่เชื่อไหมคะว่ายามเครียด ๆ หลายคนก็เผลอกัดกระพุ้งแก้มตัวเองโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็จะทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณกระพุ้งแก้มเกิดช่องโหว่ น้ำลายและเหล่าเชื้อโรคก็จะไหลมาฝังตัวอยู่ในช่องโหว่นั้น เป็นผลให้เป็นแผล บวม และต่อยอดไปเป็นอาการอักเสบเรื้อรังเอาได้

 
 9. เคี้ยวหมากฝรั่ง
          
          ถ้าเคี้ยวหมากฝรั่งวันละ 1-2 ชิ้นคงไม่เกิดปัญหาอะไร แต่สำหรับคนที่ระบายความเครียดและความกดดันด้วยการเคี้ยวหมากฝรั่งไม่ได้ เคี้ยวในปริมาณน้อยขนาดนั้นนี่คะ เบาะ ๆ ก็ปาเข้าไปกว่า 10 ชิ้นต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งสถาบันโรคระบบทางเดินอาหารนานาชาติสหรัฐอเมริกา (NDDIC) ก็เผยว่า หมากฝรั่งไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบกับปัญหาสุขภาพช่องปากเท่านั้น แต่สารให้ความหวานแทนน้ำตาลรวมทั้งชอร์บิทอลในหมากฝรั่งยังเป็นต้นเหตุของ อาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อยด้วย เนื่องจากทั้งคู่จัดเป็นสารเคมีที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้นั่นเอง


10. แทะยางลบดินสอ
           
          ลองคิดดูเล่น ๆ สิคะว่า ยางลบที่ติดอยู่ปลายดินสอไม้จะเคยสัมผัสผ่านพื้นผิวและสิ่งสกปรกอะไรมาบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็คงเป็นพื้นโต๊ะทำงานตัวสะสมฝุ่น แป้นคีย์บอร์ดแหล่งเชื้อโรค และฝ่ามือของเราที่ไม่รู้ไปจับอะไรต่อมิอะไรมาบ้าง ดังนั้นก็ไม่ต้องสืบเลยว่ายางลบปลายดินสอไม้จะระดมความสกปรกเอาไว้ปริมาณมาก ขนาดไหน  อีกทั้งนักวิจัยจากมหาวิยาลัยโรดไอแลนด์ ก็ย้ำมาด้วยว่า ถ้าคุณกัดยางลบดินสอเล่น เชื้อโรคก็คงผ่านเข้าปากของคุณไปง่าย ๆ คราวนี้ทั้งปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ ท้องเสีย และอาการหวัดคงถามหาคุณเป็นแถว

  
          10 พฤติกรรมระบายความเครียดเหล่านี้ไม่เพียงแต่พาให้คนรอบข้างรู้สึกรำคาญและวุ่นวายใจไปกับเราเท่านั้น แต่ยังทำร้ายสุขภาพร่างกายเราได้อีก ฉะนั้นเมื่อรู้ผลลัพธ์ด้านลบอย่างนี้แล้ว เราก็เลี่ยงพฤติกรรมระบายความเครียดไปซะ แล้วหาอะไรสร้างสรรค์ทำแก้เครียดดีกว่าเนอะ


เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/anr7563/candy-cakes/

No comments:

Post a Comment