Tuesday, November 19, 2013

5 พฤติกรรมพาปวดหลัง คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ !




         อาการปวดหลังเป็นหนึ่งในอาการที่ทรมานร่างกายได้มากที่สุดเลยก็ว่าได้นะคะ ไม่ว่าใครที่เกิดอาการปวดหลังขึ้นมา ก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะเพียงแค่ขยับร่างกายเพียงนิดเดียวก็มีสิทธิ์ร้องโอ๊ยออกมาดัง ๆ ได้เลยทีเดียวเชียวเนอะ แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เราปวดหลังก็คงจะพอรู้กันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะยกของหนัก หรือเคลื่อนไหวผิดท่า รวมทั้งการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ด้วย

          แต่เชื่อไหมคะว่านอกจากสาเหตุเหล่านี้ แล้ว ยังมีพฤติกรรมที่ชวนให้เราปวดหลังได้ง่าย ๆ อีก 5 พฤติกรรมเลยล่ะ ซึ่งถ้าได้รู้แล้วหลายคนอาจจะต้องประหลาดใจ แต่ข้อมูลจากเว็บไซต์ health me up ก็ยืนยันมาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า 5 พฤติกรรมนี้แหละ ที่พาให้ปวดหลังอย่าบอกใครเลยเชียว

 

1. ไอหรือจามแรง ๆ

          ถ้าไอหรือจามแบบปกติคงไม่เป็นไร อาจจะมีแสบจมูกนิดหน่อย แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณจามหรือไอสุดแรงขึ้นมาล่ะก็ คราวนี้จะได้อาการเจ็บหลังมาเป็นของแถมอย่างแน่นอน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเวลาที่เราออกแรงจามหรือไอโดยแรงจนตัวโยน กระดูกสันหลังอาจเคลื่อนที่ หรือขยับผิดท่าได้ง่าย ๆ

          ยิ่งถ้าคุณมีอาการเคล็ดขัดยอกที่หลังอยู่เป็นประจำ หรือมีแนวโน้มมีภาวะหมอนรองกระดูกยื่น หรือเคลื่อนที่อยู่แล้ว เพียงแค่ไอหรือจามสุดพลังเพียงครั้งเดียวอาจทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ อยู่ผิดท่าอย่างรวดเร็ว จนสร้างความเจ็บปวดบริเวณหลังให้คุณอย่างที่สุดเลยล่ะ

          ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพหลัง ควรสังเกตอาการของร่างกายหลังการจาม หรือไอทุกครั้งด้วย หากเกิดอาการเจ็บแปล๊บที่หลัง หลังจากการจามหรือไอ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเอ็กซเรย์พร้อมทั้งหาทางรักษาที่ถูกวิธีกันต่อไป

 

2. ทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ

          เมื่อพูดถึงพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ กันเป็นประจำทุกวันแล้วทำให้เกิดอาการเจ็บปวด หลายคนจะนึกถึงอาการของโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) กันก่อนเป็นอันดับแรก ๆ เนื่องจากหลายคน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องขยับมือยุกยิกจิ้มคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์เป็นประจำทุกวัน มักจะเป็นโรคนี้กันเยอะ

          แต่ล่าสุดก็มีรายงานทางการแพทย์ออกมาให้ได้ตกใจกัน ว่า พฤติกรรมการขยับร่างกายท่าเดิมซ้ำ ๆ กันเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องรับหน้าที่แบกของหนัก ก็มีสิทธิ์เกิดอาการปวดหลังรังเรื้อรังได้ไม่ยาก ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้คุณควรขยับเปลี่ยนท่าให้หลากหลาย พยายามอย่าเคลื่อนที่ในท่าเดิม ๆ ซ้ำกันบ่อย ๆ นาน ๆ

          แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เช่น ด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องแบกของหนักทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ก็ขอนายจ้างให้จัดนักกายภาพบำบัดมาแนะนำการเคลื่อนไหวของร่าง กายอย่างถูกต้อง แต่ถ้าดูเกินความสามารถไป คุณควรบิดเนื้อตัว หรือออกกำลังกายเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้มีโอกาสยืดและคลายตัวอยู่ตลอด วิธีนี้ก็จะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่หลังไปได้บ้างค่ะ


3. นั่งนิ่งท่าเดิมนาน ๆ

          เคลื่อนไหวท่าเดิมอยู่ตลอดก็ชวนให้ปวดหลัง นั่งนิ่ง ๆ ท่าเดิมนาน ๆ ก็ทำให้ปวดหลังได้ด้วยเช่นกัน เพราะน้ำไขข้อบริเวณข้อต่อจะไหลเวียนไม่สะดวก จนอาจเกิดภาวะเหนียวหนืด และส่งผลให้เราปวดหลังได้นั่นเอง ฉะนั้น หากไม่อยากปวดหลังจนทรมาน ก็ควรหมั่นเคลื่อนไหวร่างกายทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง จะขยับลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วถือโอกาสยืดเส้นยืดสายพักสายตาสักหน่อยก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อและเอ็นข้อต่อได้บริหารตัวเองอยู่ตลอดนะจ๊ะ

 

4. นอนหลับ

          การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่ก็มีข้อแม้ว่าต้องเป็นการนอนหลับบนที่นอน หมอน และท่านอนที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นตื่นเช้ามาแทนที่จะรู้สึกสดชื่น คุณอาจจะรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และเจ็บหลังอย่างที่สุดแทนก็ได้ ดังนั้นถ้าจะให้ดี ต้องเลือกที่นอนที่ไม่นุ่ม และไม่แข็งจนเกินไป หมอนก็ไม่สูงหรือต่ำจนนอนไม่สบาย เพราะปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้กระดูกสันหลังของคุณมีโอกาสคดงออยู่ผิดท่า จนเป็นเหตุให้เกิดอาการปวดหลังเมื่อตื่น แถมยังมีสิทธิ์ปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัวเลยด้วยล่ะ


5. สะพายกระเป๋าใบใหญ่และหนัก

          แฟชั่นกระเป๋าสะพายบางช่วงก็เป็นสไตล์กระเป๋าใบใหญ่โต และถ้าคุณเป็นคนที่ตามเทรนด์แต่ก็ใช้พื้นที่กระเป๋าแสนคุ้ม ใส่ของจัดเต็ม หนำซ้ำยังแบกกระเป๋าสะพายไปเที่ยวหลายต่อหลายแห่งแบบนี้ คุณก็จะได้รับสิทธิ์เป็นอาการปวดหลังเรื้อรังอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะน้ำหนักที่หน่วงอยู่บนไหล่ข้างใดข้างหนึ่งของคุณเป็นเวลานาน ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการแบกของหนักในท่าซ้ำ ๆ กันเลยแม้แต่นิดเดียว

          ดังนั้น คงดีกว่าหากจะเปลี่ยนมาสะพายกระเป๋าใบเล็ก ที่มีขนาดไม่หนักจนเกินไป แต่ถ้าหากจำเป็นต้องแบกของเยอะก็ควรเฉลี่ยน้ำหนักสิ่งของไปใส่กระเป๋าใบอื่น บ้าง ใส่ถุงแล้วถือบ้าง เพื่อลดภาระให้ข้อต่อและกระดูกสันหลังของเราไม่ต้องทำงานหนัก จนฟ้องด้วยอาการปวดนะคะ

          เชื่อว่าใครก็คงไม่อยากเจออาการปวดหลังกันอย่างแน่นอน เพราะมันสุดแสนจะทรมานอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงไหมคะ ดังนั้นก็พยายามเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหมดเลยดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมเสี่ยงทั้ง 5 ข้อนี้ รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุหลักให้เกิดอาการปวดหลังด้วย และที่สำคัญควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เอ็นกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และกระดูกได้มีโอกาสขยับเขยื้อนบริหารความแข็งแรงด้วยนะจ๊ะ


เครดิตภาพ    http://www.lovethispic.com/image/105024/rose-garden

No comments:

Post a Comment