Wednesday, December 24, 2014

12 วิธีต้านไข้หวัดคัดจมูก จะป่วยหรือไม่ป่วยก็ทำได้




         โรคไข้หวัดและอาการหวัดลงคอที่ใครหลายคนบ่นว่าเป็นทีไรมักจะหายช้าทุกที แม้จะกินยาแล้วก็แค่บรรเทาอาการ ไม่หายขาดสักที แต่แน่ใจแค่ไหนว่าเราป่วยเพราะอากาศเปลี่ยน บางทีมีสาเหตุอื่นด้วยก็ได้นะ มาเช็กกัน !

          สภาพอากาศบ้านเราในช่วงนี้ดูเหมือนจะแปรปรวนไปหน่อยทั้ง ๆ ที่เข้าสู่หน้าหนาวแล้วแต่ก็ยังมีฝนหลงฤดูมาด้วย เพราะแบบนี้แหละร่างกายของเราถึงได้งง ๆ ว่าจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศแบบไหนดี เลยพาลป่วยได้ง่าย ๆ เอาล่ะ ! มาลองดูวิธีต้านหวัดจากเว็บไซต์ Health.com แนะนำเรามากันเถอะ เผื่อจะมีวิธีดี ๆ อย่างอื่นที่เราสามารถหยิบมาทำตามได้

งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
           
          ถ้าใครที่ดันมาเป็นหวัดตอนสิ้นปีขอเตือนว่าควรอยู่ห่าง ๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ก่อนเลย เพราะถ้าเราดริงก์เข้าไปตอนร่างกายกำลังอ่อนแอละก็ เราจะหายป่วยช้ากว่าเดิม ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นี่แหละที่มีผลต่อการสูบฉีดเลือดลมให้ไหลเวียนในร่าง กายมากกว่าปกติ ทำให้หัวใจเต้นเร็วส่งผลให้เรานอนไม่หลับนั่นเอง 

จิบชาร้อน
           
          เครื่องดื่มที่เป็นมิตรกับเราตอนป่วยมากที่สุดก็คือ ชาเขียวร้อน หรือชาดำร้อน ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้เลือดลมเราไหลเวียนดีขึ้น หากมีอาการเจ็บคอ และคัดจมูกด้วยก็ขอแนะนำให้เพิ่มน้ำมะนาว และน้ำผึ้งลงไปด้วย พลังจากน้ำมะนาวจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยลดน้ำมูกและเสมหะด้วยนะ ส่วนน้ำผึ้งก็ทำให้ชุ่มคอ อาการเจ็บคอของเราก็จะดีขึ้น

 
บำรุงด้วยโปรตีนและธาตุสังกะสี
                
          เวลาป่วยจนไม่มีแรงทำอะไร ลองเพิ่มพลังด้วยสารอาหารประเภทโปรตีน และแร่ธาตุสังกะสี จากผลการวิจัยพบว่า อาหารหมู่โปรตีนและสังกะสีจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น ส่งผลให้กระบวนการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายกลับมาทำหน้าที่ตามปกติ ดังนั้นหากรู้ตัวว่าอาการหวัดจะถามหาแน่แล้วก็ต้องบำรุงด้วยอาหารหมู่โปรตีน จำพวก ปลา ไข่ไก่ และโยเกิร์ต และอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีสูง เช่น ถั่วประเภทต่าง ๆ หอยนางรม เนื้อสัตว์ ไข่แดง และนม เป็นต้น

 
หมั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัว
             
          อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราป่วยอาจเป็นเพราะติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มา จากความสกปรกรอบตัว ดังนั้นเราควรใส่ใจเรื่องความสะอาดด้วยเช่นกัน โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวที่หยิบจับบ่อยอย่างน้อย อาทิตย์ละครั้ง เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หน้าจอโทรศัพท์ อุปกรณ์แต่งหน้า หรือแม้แต่โต๊ะทำงานที่เรานั่งทุกวัน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดจำนวนเชื้อโรคติดเชื้อไม่ให้สะสมเพิ่มในร่างกาย
 
ใส่ใจเรื่องความสะอาดภายในบ้าน
           
          คนที่ป่วยเรื้องรังไม่หายสักทีอาจเป็นเพราะบ้านสกปรก  ดังนั้นลองหาเวลาเคลียร์บ้านดูด้วยการปัด กวาด เช็ด ถูในบริเวณที่มีฝุ่นเกาะเยอะ เช่น ตามกรอบหน้าต่าง ผ้าม่าน หน้ากากแอร์  ใต้เตียง  บนชั้นวางของ และหลังตู้เสื้อผ้า หากลองทำแล้วก็จะช่วยให้อาการป่วยดีขึ้นได้ค่ะ

ล้างมือให้บ่อยขึ้น
               
          ในแต่ละวันเราใช้มือหยิบจับสิ่งของมากมาย เช่น ราวบันไดสะพานลอย ห่วงจับบนรถสาธารณะ พวงมาลัยรถยนต์  หรือแม้แต่รองเท้า และเราก็ต้องใช้มือหยิบจับอาหารเข้าปากด้วย จึงไม่น่าแปลกที่เราจะป่วยเพราะเชื้อโรคที่ติดมือมา ดังนั้นก่อนหยิบอาหารเข้าปากทุกครั้งก็ควรล้างมือให้ติดเป็นนิสัยนะคะ

 
บริหารกายให้เหงื่อออก
           
          ข้อนี้สำหรับคนที่มีไข้แนะนำว่าควรพักผ่อนให้มาก แต่กรณีที่มีแค่อาการไอ คัดจมูกและน้ำมูกไหลก็ขอแนะนำว่าให้บริหารกายอย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน เพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น มีการขับของเสียออกมาในรูปของเหงื่อ หากทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันก็จะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้

ใช้เบกกิ้งโซดาล้างจมูก
         
          ใครป่วยแล้วมีอาการคัดจมูก และน้ำมูกไหลรบกวนตลอดทั้งวัน เราขอแนะนำให้ลองใช้น้ำเบกกิ้งโซดาบรรเทาอาการเหล่านั้นดูนะคะ โดยผสมผงเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะกับเกลือไอโอดีน 3 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง แล้วฉีดน้ำเบกกิ้งโซดาเข้าไซริงค์ขนาดเล็กใช้ล้างจมูกวันละครั้ง น้ำเบกกิ้งโซดาจะช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัสบริเวณโพรงจมูกได้ ทำให้เราหายใจโล่งขึ้น

ดื่มน้ำผลไม้คั้นสด
         
          หากใครรู้ตัวว่าเป็นคนเลือกกินทำให้เป็นหวัดอยู่บ่อย ๆ ขอแนะนำว่าให้เสริมภูมิคุ้มกันร่างกายด้วยน้ำผักผลไม้ปั่น โดยการเลือกผักและผลไม้ที่เราชอบก็ได้มาปั่นรวมกันให้ได้ 1 แก้วดื่มในตอนเช้า หรือใครจะลองดูตัวอย่างผักที่มีฤทธิ์ต้านหวัดต่อไปนี้ดูก็ได้นะคะ เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี แอปเปิล ผักร็อกเกต พาสลีย์ แตงกวา แครอท สวิซชาร์ด เลมอน และมินท์ เป็นต้น ซึ่งกากใยของผักผลไม้จะช่วยดีท็อกซ์ระบบน้ำเหลืองของเราให้ไหลเวียนดีขึ้น ร่างกายก็จะสะอาดไม่มีเชื้อโรคสะสม

 
ดมน้ำมันหอมระเหย
           
          น้ำมันหอมระเหยก็สามารถช่วยต้านหวัดได้เหมือนกันนะคะ แต่ควรเลือกเฉพาะกลิ่นที่มีสรรพคุณทางยาช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียในระบบทาง เดินหายใจ เช่น กลิ่นเลมอน กลิ่นลาเวนเดอร์ และกลิ่นมินท์ เป็นต้น วิธีการใช้ก็คือ นำน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดผสมกับน้ำอุ่น ใช้สูดดม หรือใครจะใช้ผสมกับแฮนด์ครีมก็ได้นะคะ เหมือนได้บำรุงฝ่ามือไปด้วย ดมกลิ่นไปด้วย 

นวดกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียน
           
          เมื่อร่างกายเราอ่อนแอ ระบบการไหลเวียนโลหิตก็จะทำงานผิดปกติไปด้วย ดังนั้นควรนวดผ่อนคลายตัวเองบ้าง อาจนวดศีรษะให้ตัวเองโดยการใช้นิ้วโป้งทั้งสองมือนวดบริเวณขมับไล่ไปจนถึง หว่างคิ้วนานประมาณ 5 นาที หรือไปสปานวดผ่อนคลายอย่างน้อยเดือนละครั้งก็ได้ การนวดเป็นการกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีจะทำให้ร่างกายผลิตออกซิเจนไปหล่อ เลี้ยงเซลล์เม็ดเลือดแดงส่งผลให้เรามีสุขภาพดี

พักผ่อนให้เพียงพอ

          เพราะการนอนหลับในตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายทำการฟื้นฟูตัวเอง ดังนั้นการนอนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งโดยปกติแล้วจำนวนชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมคือ วันละ  7-8 ชั่วโมง แต่สำหรับคนป่วยก็สามารถนอนมากกว่านี้อีก 1-2 ชั่วโมงก็ได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรนอนติดเตียงทั้งวัน ควรลุกขึ้นมาบริหารร่างกายให้เลือดลมไหลเวียนบ้างจะทำให้อาการป่วยดีขึ้น 
          
          อาการผิดปกติต่าง ๆ ที่ร่างกายฟ้องออกมาไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัว ปวดท้อง เป็นหวัด คัดจมูก และมีไข้นั้นเป็นสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่บอกให้รู้ว่าเรากำลังใช้งานร่างกายหนักเกินไปแล้ว และควรที่จะพักผ่อนบ้าง เพราะถ้าเมื่อไรที่สุขภาพของเราเสียไปแล้วการฟื้นฟูให้กลับมาดีเหมือนเดิม นั้นทำได้ยากกว่าค่ะ  

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment