หดหู่ เบื่อ เศร้า เหงา เซ็ง เป็นเรื่องปกติของจิตใจก็จริง แต่ถ้าอาการเหล่านี้อยู่กับเรานานเกินกว่าสองอาทิตย์
ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันผิดปกติแล้ว !!
เคยสังเกตตัวเองกันบ้างไหมว่าเวลาที่เรารู้สึกหดหู่
เบื่อ เศร้า เหงา เซ็ง ร่างกายจะฟ้องออกมาด้วย 10
อาการยอดฮิตต่อไปนี้ จากคำแนะนำของเว็บไซต์ health.com บอกเรามาว่า
หากมีอาการเหล่านี้เกินกว่า 5 ข้อ และเป็นทุกวันติดต่อกันเกิน
2 สัปดาห์ ควรไปพบจิตแพทย์ได้เลยเพราะคุณกำลังเครียด
และมีแนวโน้มจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วย หากไม่รีบกำจัดความเครียดทิ้งไป
1. กินไม่หยุด
อาการกินไม่หยุดมีสาเหตุมาจากความเครียด
โดยที่สมองสั่งให้เราหาอะไรกินเพื่อชดเชยให้อารมณ์ดีขึ้น ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่ากินจุมากขึ้นทุกวันให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเราอาจจะกำลังเครียดอยู่
2. อยากนอนทั้งวัน
เมื่อไรที่จิตใจเรากำลังเหนื่อยล้า
ร่างกายจะมีอาการฟ้องว่าอยากนอนทั้งวัน ไม่อยากลุกจากเตียงไปทำอะไรเลย หากมีอาการเหล่านี้นานติดต่อกันหลายวันไม่ดีแน่
เพราะจะส่งผลให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานรวนไปหมด
3. เหวี่ยงใส่คนรอบข้างบ่อย ๆ
หากคนรอบข้างเริ่มบ่นให้ฟังแล้วว่าพักนี้คุณมักจะวีนแตกกับเรื่องเล็ก ๆ
น้อย ๆ นั่นเป็นอาการที่ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องบางเรื่อง พาลรู้สึกว่าเรื่องอื่น
ๆ น่ารำคาญไปซะหมด ต้นเหตุของอาการนี้เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนความเครียดมากเกินไป
จึงเป็นผลให้อารมณ์ของเราแปรปรวนตามไปด้วย ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่ากำลังอยู่ในอารมณ์เครียดก็ควรบอกคนรอบข้างให้รู้ก่อนนะ
4. ทำอะไรไม่มีสติ
ลองนึกภาพเวลาที่เรารู้สึกหดหู่หรือเศร้ากับอะไรสักอย่าง
เราก็มักจะคิดวนอยู่แต่เรื่องราวนั้น ๆ ไปมาจนลืมนึกไปว่ายังมีเรื่องสำคัญอื่น ๆ
ที่รอให้จัดการอยู่ หากปล่อยให้อาการนี้เรื้อรังเป็นเวลานานคุณอาจจะมีปัญหากับคนรอบข้างแน่เชียว
5. รู้สึกว่าทุกอย่างช่างน่าเบื่อไปหมด
อาการแบบนี้เรียกว่าหมดอาลัยตายอยากทำให้รู้สึกเบื่อที่จะเปิดใจรับอะไร
ใหม่ ๆ หากปล่อยทิ้งไว้นานย่อมมีผลเปลี่ยนนิสัยให้เรากลายเป็นคนเฉื่อยได้ในที่สุด
6. รู้สึกว่าตัวเองไม่มีดีอะไรเลย
อาการดูถูกตัวเองเป็นตัวชักนำให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบตามมาอีกนับไม่ถ้วน
ดังนั้น หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าคนอื่น เราขอร้องว่าให้ปรับความคิดเสียใหม่
แล้วพลังฮึดสู้จะบังเกิด
7. รู้สึกว่าชีวิตมาถึงทางตัน
ถ้าหนทางชีวิตไม่ราบรื่นอย่างที่คิด ยังไงก็ขอให้อยู่ไกล ๆ จากความคิดที่ว่า
‘อยู่ไปก็เท่านั้น’ เพราะถ้าเมื่อไรที่ผุดความคิดยอดแย่นี้ขึ้นมาละก็
นั่นหมายถึงความคิดอยากฆ่าตัวตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว ซึ่งจริง ๆ ชีวิตคนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอนะ
8. กังวลไปซะหมด
ถ้าเราอยู่ในสภาพจิตใจปกติก็จะไม่นึกกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด
เว้นเสียแต่ว่าช่วงนั้นกำลังเครียดหนักจริง ๆ ที่ทำให้นึกกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิด
และรู้สึกท้อแท้กับความคิดที่จะลงมือทำอะไร หากเป็นแบบนี้ตั้งสติให้ดี นึกถึงแต่เฉพาะเรื่องในปัจจุบันเท่านั้น
มิเช่นนั้นคุณจะกลายเป็นผู้ป่วยโรควิตกกังวลไปในที่สุด
9. ทำร้ายตัวเอง
อาการทำร้ายตัวเองเป็นผลมาจากการที่เราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติได้ จึงทำการระบายออกด้วยการใช้ความรุนแรงเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกแย่ที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือคุณมีโอกาสที่จะลงมือทำร้ายร่างกายคนใกล้ตัวด้วย
10. ป่วยออด ๆ แอด ๆ
หากภายในหนึ่งอาทิตย์คุณมี อาการ ปวดหัว ปวดท้อง
ปวดหลัง ปวดคอ และอาการคลื่นไส้อาเจียน กินยาเท่าไรอาการก็ไม่ทุเลาลงเลย
ขอให้รู้เลยว่าร่างกายคุณไม่ได้เป็นอะไร แต่จิตใจต่างหากที่ต้องการผ่อนคลายบ้าง
เห็นไหมคะว่าสุขภาพกายและใจมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
อย่าคิดว่าถ้าใจป่วยแล้วกายจะไม่ป่วยตามไปด้วย ดังนั้นต้องหมั่นหาเวลาออกไปผ่อนคลายจิตใจบ้างเช่น
เดินทางท่องเที่ยว หรือหางานอดิเรกที่เราชื่นชอบทำ เพียงเท่านี้ก็เป็นการฟิตสุขภาพใจให้แข็งแรงพร้อมรับมือกับทุก
ๆ สถานการณ์แล้วล่ะค่ะ
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/41306521558368894/
No comments:
Post a Comment