Tuesday, January 26, 2016

10 วิธีแก้หนาว เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายฉับพลันแค่ลงมือทำตามนี้



 

  วิธีแก้หนาวในวันที่สภาพอากาศหนาวจนแทบจะร้องขอชีวิต วันนี้เรามีวิธีทำให้ร่างกายอบอุ่นทันทีมาฝาก

          ในวันที่อากาศหนาวฉับพลันมาเยือน บอกตรง ๆ ว่าเสื้อกันหนาวกี่ตัว ๆ ก็เทบเอาไม่อยู่ และหากอากาศจะหนาวอย่างนี้ต่อไปอีก แนะนำให้รีบหาวิธีแก้หนาวเจ๋ง ๆ มารับมือเลยดีกว่า อย่าง 10 วิธีแก้หนาวต่อไปนี้ก็น่าลองอยู่นะ


1) สวมเสื้อผ้าหนา ๆ ถุงมือ-ถุงเท้า ใส่ให้ครบ ช่วยแก้หนาวได้ดีสุด ๆ

2)  รับประทานอาหารคลายหนาว โดยกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารประเภทแป้ง ไขมัน เนื้อสัตว์ และผักผลไม้มากกว่าปกติ

3)  พยายามจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ และน้ำอุ่นยังช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วย

4)  ดื่มเครื่องดื่มคลายหนาว ถ้าอยากรู้ว่าควรดื่มอะไรแก้หนาว ลองดูเครื่องดื่มสุขภาพ หนาวนี้ดื่มอะไรให้อุ่นดี ?
 
5)  ปิดหน้าต่าง ประตูทุกบาน หากรู้สึกว่าทนกับลมหนาว ๆ ไม่ไหว

6)  กอดใครสักคน การกอดจะช่วยส่งผ่านอุณหภูมิอุ่น ๆ ของร่างกายให้ถึงกัน ทั้งยังช่วยลดความเครียด มอบความรู้สึกดี ๆ อีกด้วย

7)  ออกไปตากแดดบ้าง แม้จะต้องโต้ลมหนาว แต่การผึ่งแดดจะช่วยเพิ่มความอบอุ่น และการเคลื่อนไหวร่างกายก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนเพิ่มอุณหภูมิในตัวอีกแรง

8)  ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวดีกว่านั่งเฉย ๆ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือด เติมความอบอุ่นให้ร่างกาย

9)  อาบน้ำเย็น ทนหนาวแป๊บเดียว เพื่อให้ความหนาวเย็นกระตุ้นให้ร่างกายผลิตไขมันสีน้ำตาลซึ่งเป็นไขมันที่ ใช้ในการเผาผลาญพลังงาน โดยเมื่อร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นแล้ว ก็จะทำให้ความดันโลหิตและอุณหภูมิในร่างกายของเราสูงขึ้นนั่นเอง

10) เข้าครัวทำกับข้าว การอยู่หน้าเตาทำอาหาร บวกกับการเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้หายหนาวได้พอสมควร

          อากาศหนาวฉับพลันอย่างไม่ให้มีเวลาตั้งตัวแบบนี้ก็ต้องหาวิธีแก้หนาวได้ ทันทีไปสู้กันบ้าง ซึ่งหากสะดวกจะแก้หนาวแบบไหนก็ลองเลือกไปปฏิบัติกันดูนะคะ

          อ้อ ! แต่ก่อนจะจากกันขอฝากไว้อีกอย่าง ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็วแบบนี้ควรเตรียมพร้อมรับมือกับโรคภัยที่มากับ อากาศหนาวกันด้วย อย่างน้อยก็มาเตรียมจัดยารับมือไข้หวัดหน้าหนาวกันหน่อยตามนี้ เตรียมยาให้พร้อม รับมือไข้หวัดหน้าหนาว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
body+soul
lifehack
livescience
allwomenstalk
http://health.kapook.com/view140127.html

No comments:

Post a Comment