Friday, June 12, 2015

ฟักข้าว กับ 5 คุณประโยชน์สุดทึ่งที่แอบซ่อนอยู่ในพืชผักรูปร่างแปลกตา




          5 ประโยชน์ฟักข้าวเด็ด ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด พบกับความอัศจรรย์จากธรรมชาติที่หาได้จากพืชผักรูปร่างแปลกสีสดผ­­­ลนี้

          ฟักข้าว หนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่ยังคงได้รับความนิยม ด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมายจนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งหลายคนที่ไม่เคยลิ้มลองพืชคงจะสงสัยใช่ไหมล­­­่ะว่า พืชผักรูปร่างแปลกสีสันสดใสนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง และดีอย่างที่เคยได้ยินกันมาหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นวันนี้รีบมาส่อง 5 เหตุผลที่ว่าทำไมฟักข้าวถึงดีต่อสุขภาพ ขอบอกเลยว่าเหตุผลที่คัดมานี้เด็ด ๆ ทั้งนั้นเลย รับรองว่าอ่านจบแล้วจะรีบไปหาซื้อมาลองชิมกันแทบไม่ทันเลยล่ะ

1. ไลโคปีนสูงปรี๊ด !

          เห็นหน้าตาแปลก ๆ ก็อย่าเพิ่งประมาทนะว่าจะเป็นแค่เพียงพืชผักธร­­­รมดา เพราะมีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า คุณค่าทางอาหารนั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลยเชียวล่ะ โดยจากการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า ฟักข้าว มีสารไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า ! ซึ่งสารไลโคปีนนั้นทำหน้าที่ในการช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย ช่วยการไหลเวียนของเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ต้านความเสื่อมถอยของร่างกาย และบำรุงสุขภาพตาอีกด้วย

2. คุณค่าทางอาหารเพียบ

          นอกจากปริมาณไลโคปีนที่สูงมากจนต้องทึ่งแล้ว เจ้าฟักข้าวยังมีเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอท 20 เท่า มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 40 เท่า และมีซีแซนทีนสูงกว่าข้าวโพดเหลืองถึง 40 เท่า เห็นไหมว่าคุณค่าทางอาหารมีมากมายมหาศาลขนาดไหน ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้มีส่วนในการทำหน้าที่เป็นสารต้าน­­­อนุมูล อิสระป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งปอด รวมทั้งโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ แถมยังช่วยบำรุงสุขภาพตา และสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เริดไม่ใช่เล่น ๆ เลยเนอะ


3. ไม่ว่าส่วนไหนของต้นก็มีประโยชน์ทั้งนั้น

          ไม่เพียงแต่ผลของฟักข้าวเท่านั้นที่มีประโยชน์ แต่ส่วนอื่น ๆ ของต้นก็ยังสามารถนำไปใช้รักษาอาการต่าง ๆ ตามตำรับยาของชาวตะวันออกอีกด้วย อย่างเช่น ตำรับยาไทย มีการนำ ใบ ยอด เมล็ด และราก มาใช้ในการรักษาโรคดังนี้

         
ใบ นำมาปรุงเป็นยาเขียว ใช้ถอนพิษ ดับพิษทุกชนิด และนำมาตำพอกที่หลังเพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง

         
ยอดของต้น มีเบต้าแคโรทีน สามารถนำมารับประทานได้ เพื่อป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ

         
เมล็ด นำมาใช้บำรุงปอด แก้ท่อน้ำดีอุดตัน และรักษาวัณโรค

         
ราก สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย เช่น ใช้ต้มดื่ม หรือตากแห้ง แล้วนำบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลมเล็ก ๆ รับประทาน ก่อนอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ 3-5 เมล็ด จะช่วยขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้เข้าข้อ ปวดตามข้อ ถอนพิษไข้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแช่น้ำ แล้วนำน้ำมาสระผม จะช่วยแก้ผมร่วง และกำจัดเหาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

          ไม่เพียงเท่านั้น ในตำรับยาของของประเทศต่าง ๆ ส่วนต่าง ๆ ของต้นฟักข้าวมาใช้ในการรักษาโรคได้ เช่น ประเทศจีน นำเมล็ดมาบดผสมกับน้ำมันหรือน้ำผึ้งทาผิวรักษาอาการอักเสบ บวม หรือรักษาโรคกลาก เกลื้อนฟกช้ำ และบรรเทาอาการผื่นคันได้อีกด้วย

          ส่วนในประเทศเวียดนามก็มีการนำน้ำมันเยื่อเมล็ดไปใช้ในการรักษา­­­มะเร็งตับ เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่นำสารสกัดของน้ำฟักข้าวไปใช้ยับยั­­­้งการ เจริญเติบโตของมะเร็งตับเช่นกัน และในประเทศฟิลิปปินส์ก็นิยมนำรากไปบดเพื่อหมักผมให้ผมดกดำขึ้น­­­อีกด้วยค่ะ

 
4. ยิ่งกินยิ่งดี ห่างไกลโรคมะเร็ง

          ฟักข้าวถือเป็นสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ควรพลา­­­ด เพราะฟักข้าวนั้นยังสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆได้ เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับ ซึ่งมีการศึกษาในประเทศจีนพบว่าโปรตีนจากเมล็ดของฟักข้าวมีความ­­­สามารถใน การต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ตับ ทำให้ความเสียหายจากการสารอนุมูลอิสระลดลง ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับก็ลดลงเช่นเดียวกัน

          นอกจากนี้ก็ยังมีผลการวิจัยในประเทศเวียดนามพบอีกว่า น้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวนั้นก็มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร­็งเช่นกัน

5. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวี

          คุณประโยชน์ของฟักข้าวที่น่าสนใจนั่นก็คือ ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่าโปรตีนจากฟักข้าวมีฤทธิ์ในก­­­ารยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อ HIV และสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ โดยผลการวิจัยนี้ก็ได้รับการจดสิทธิบัตรในประเทศไทยเรียบร้อยแล­­­้วด้วยค่ะ ถือเป็นคุณประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์สุด ๆ เลยล่ะ

 
          เห็นคุณประโยชน์อันน่าทึ่งของฟักข้าวแล้วก็คงจะหายสงสัยกันแล้ว­­­ใช่ไหมล่ะคะ ว่าทำไมฟักข้าวถึงเป็นสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ ก็คุณประโยชน์เล่นเด็ดดวงขนาดนี้ ถ้าไม่ลองสักครั้งมาเสียดายทีหลังไม่รู้ด้วยนะ


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment