ผักนั้นอาจจะมีรสชาติที่จืดชืดและไม่อร่อยสำหรับใครหลายๆ คน
หากไม่นำไปปรุงรสชาติให้ดีขึ้น
แต่ผลไม้นั้นเราสามารถกินเปล่าๆ โดยที่ไม่ต้องนำไปปรุงกับอะไรเลย ก็สามารถกินได้อย่างเอร็ดอร่อย
ถึงแม้ว่าผลไม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเนื่องจากมีวิตามินเยอะ
แต่ผลไม้บางชนิดก็มีน้ำตาลสูง
โดยเฉพาะผลไม้สุกไม่ว่าจะเป็น
มะม่วงสุก มะละกอสุก ซึ่งผลไม้เหล่านี้เป็นผลไม้ที่มีรสหวานทำให้เมื่อกินไปแล้วก็เปล่าประโยชน์เพราะว่าเราก็ยังได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายอยู่ดี
ดังนั้น แม้ว่าการกินผลไม้จะเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผล แต่เราก็ควรเลือกชนิดของผลไม้และช่วงเวลาสักนิด
เพราะนอกจากน้ำตาลแล้ว บางทีผลไม้บางชนิดก็มีส่วนประกอบของแป้งผสมอยู่ด้วย
ผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำและเหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก ได้แก่
ฝรั่ง
คงไม่มีใครไม่รู้จักฝรั่ง เพราะว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านของไทยที่ราคาถูก
หากินง่าย และมีหลากหลายพันธุ์
มีรสชาติที่หวานนิดๆ
และกรอบอร่อย และที่สำคัญเหมาะกับคนที่กำลังอยู่ในช่วงลดความอ้วนเป็นที่สุด
ฝรั่ง
1 กิโลกรัม จะให้พลังงานเพียง
240 กิโลแคลอรีเท่านั้น
ซึ่งถือว่าน้อยมาก จึงเหมาะที่สุดสำหรับการลดน้ำหนัก และถึงแม้ว่าฝรั่งจะเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำเพียงใด แต่ก็ห้ามกินเกิน
3 กิโลกรัมต่อวัน และที่สำคัญไม่ควรจะกินควบคู่ไปกับเครื่องจิ้มต่างๆ
เพราะเครื่องจิ้มเหล่านั้น มักจะมีส่วนผสมของน้ำตาลและเกลือ ซึ่งทำให้เราอ้วนได้
แตงโม
บางคนอาจจะกลัวการกินแตงโม
เพื่อการลดความอ้วนเพราะแตงโมเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างจะมีรสหวาน
แต่ในความจริงนั้น แตงโมเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่น้อย
แตงโม 1 กิโลกรัมจะให้พลังงานเพียง
60 กิโลแคลอรี่เท่านั้น
ซึ่งแตงโมลูกขนาดย่อมๆ ก็น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม
สาเหตุที่แตงโมเป็นผลไม้ที่สามารถใช้ลดความอ้วนได้ดีก็เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก หรือประมาณ 93%ของส่วนประกอบทั้งหมด แต่ก็มีข้อเสียก็คือทำให้หิวเร็วและปัสสาวะบ่อยๆ
ส้ม
คนไทยเรามักจะคุ้นเคยกับผลไม้ประเภท
"ส้ม" ดี ไม่ว่าจะเป็น
ส้มเขียวหวาน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มบางมด
และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบการกินส้มไม่ว่าจะเป็นแบบผลไม้ หรือในลักษณะของน้ำส้มคั้น
ความจริงถ้าจะกินส้มให้ได้ประโยชน์จริงๆ
นั้น ควรจะกินทั้งกาก
เพราะจะช่วยทำให้ระบายท้องได้ดี
แม้ว่าส้มจะมีรสอร่อย แต่ส้มก็เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ให้ความหวานพอสมควร
ส้ม 1 กิโลกรัม
จะให้พลังงาน 340 กิโลแคลอรี่
ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะมากสักหน่อยสำหรับการลดความอ้วน ฉะนั้นถ้าเราเลือกส้มเป็นผลไม้ที่กินเพื่อลดความอ้วน ก็ไม่ควรกินเกินวันละ 2 กิโลกรัม ไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ชมพู่
ชมพู่เป็นผลไม้ที่มีหลากหลายพันธุ์ ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็มีรสชาติ
และความหวานอร่อยที่แตกต่างกันออกไป
ในเรื่องของการลดน้ำหนักหรือการควบคุมน้ำหนักนั้น แน่นอนว่า เราจะต้องเลือกชมพู่พันธุ์ที่หวานน้อยที่สุด
เพื่อที่จะให้พลังงานน้อยที่สุด เพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ
ชมพู่ที่หวานไม่มากไม่น้อยจนเกินไป 1 กิโลกรัม
จะให้พลังงานประมาณ 120 กิโลแคลอรี่
ซึ่งคนปกตินั้น
จะกินชมพู่ได้ประมาณ 3 กิโลกรัมต่อวัน
แต่ถ้ากินได้มากกว่านั้นได้ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่ควรกินเกินวันละ
6 กิโลกรัม
ผลไม้
อื่น ๆ
ความจริงก็มีผลไม้อื่นๆ ที่มีไว้สำหรับลดความอ้วนเหมือนกัน แม้ว่าผลไม้ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จะเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างจะให้พลังงานสูง แต่เราก็สามารถที่จะนำมากินได้ในปริมาณที่พอดี
ผลไม้อื่นๆ ที่นำมากินได้เมี่อเราอดอาหารชนิดอื่นก็ได้แก่
กล้วยน้ำว้า
(ไม่เกินหนึ่งหวีครึ่งต่อวัน)
กล้วยหอม
(ไม่เกินครึ่งหวีต่อวัน)
กล้วยไข่
(ไม่เกินหนึ่งหวีครึ่งต่อวัน)
ขนุนแกะเม็ด
(ไม่เกิน
7 ขีดต่อวัน)
ผลไม้ประเภทกล้วยนี้เป็นผลไม้ที่มีเกลือแร่ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง นอกจากให้พลังงานแล้วยังให้สารอาหารอื่นๆ กับร่างกายของเราอีกด้วย
แหล่งที่มา: http://www.allfashion.in.th
No comments:
Post a Comment