Monday, August 31, 2015

เล็บบอกโรค เช็คสิ ! ตอนนี้มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า




         ลักษณะของเล็บที่ผิดปกติ เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าคุณกำลังเป็นโรคอะไรอยู่ ก้มมองเล็บแล้วเช็คดูเลยว่าคุณกำลังเสี่ยงจะเป็นโรคอะไรนะ ?

          เคยสังเกตหรือไม่ว่า บางทีเล็บของเราก็เปลี่ยนสี หรือบางทีอาจมีรอยแปลก ๆ มาปรากฎให้เห็น เชื่อว่าหลายคนเมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรและปล่อยผ่านไป ซึ่งรู้ไหมว่าการที่เล็บมีลักษณะที่ผิดปกติไปนั้น เป็นสัญญาณเตือนบอกให้รู้ว่าสุขภาพของคุณเป็นอย่างไร แถมยังบอกให้รู้ด้วยว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคอะไร ถ้าไม่อยากเจ็บไข้ได้ป่วยละก็ ลองก้มมองเล็บแล้วเช็คกันเลยค่ะ ...

เล็บหนาหรือมีสีเหลือง

          หากสังเกตเห็นว่าเล็บดูหนาหรือดูเหลือง ๆ ที่ไม่ได้มาจากการทาเล็บบ่อย ก็ต้องบอกเลยว่านี่แหละที่เป็นสัญญาณของโรคเชื้อรา

เล็บอ่อนแอเปราะหักง่าย

          การที่เล็บเปราะหักง่ายก็เกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มขึ้น หรือการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งเล็บที่รุนแรงมากเกินไป และก็ยังเป็นการเตือนว่าร่างกายของคุณกำลังขาดวิตามินเอ วิตามินซี หรือไบโอตินที่ช่วยให้เล็บแข็งแรงด้วย

เล็บสีซีด

          ถ้าสังเกตเห็นว่าเล็บเป็นสีขาวซีดแบบผิดปกติเอามาก ๆ นั่นแหละที่เป็นสัญญาณบอกของโรคโลหิตจาง เบาหวาน และ โรคตับ

เล็บแตก

          เมื่อไรที่เห็นว่าเล็บแตกละก็ อย่าปล่อยนิ่งเฉยไว้ เพราะนี่คือสัญญาณเตือนของโรคสะเก็ดเงินนั่นเอง

เล็บสีฟ้า

          แค่เห็นว่าเล็บเปลี่ยนเป็นสีฟ้าก็น่าตกใจแล้ว ถ้ายิ่งรู้ว่าเป็นสัญญาณบอกโรคระบบทางเดินหายใจ และ หลอดเลือดมีปัญหาด้วยแล้ว ยิ่งน่าสะพรึงมากกว่าอีกนะ

เล็บมีขีดสีขาว

          อย่าคิดว่าเล็บมีขีดสีขาวขึ้นแล้วจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนี่คือสัญญาณของโรคไต ตับกำลังมีปัญหา และเตือนว่าคุณกำลังขาดสารอาหารอย่างเช่น โปรตีน เป็นต้น

เล็บโค้งเข้าด้านใน

          นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายของคุณกำลังขาดธาตุเหล็ก แต่ถ้าโค้งเป็นรูปช้อนละก็ เป็นสัญญาณบอกถึงโรคลูปัสนั่นเองค่ะ

เล็บมีแถบสีดำ

          เมื่อไรที่เห็นว่าเล็บมีแถบสีดำขึ้นที่เนื้อเยื่อใต้แผ่นเล็บ นั่นเป็นสัญญาณบอกแล้วล่ะว่าคุณเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma) ที่แสนจะอันตราย


          โอ้ โห ... ไม่นึกเลยเนอะว่าส่วนที่หลายคนมองข้ามอย่าง เล็บจะบอกถึงสุขภาพและโรคได้มากเพียงนี้ ใครที่ลองเช็คแล้วเสี่ยงโรคไหน ลองไปพบแพทย์อีกทีเพื่อความชัวร์ด้วยดีกว่านะคะ



ข้อมูลจาก : bustle และ prevention
http://health.kapook.com/view127856.html
เครดิตภาพ   http://health.teenee.com

No comments:

Post a Comment