วิธีคิดบวกเพื่อให้กำลังใจตัวเอง เชื่อไหมว่าแค่มองโลกในแง่บวก
ชีวิตก็เข้าใกล้ขีดความสำเร็จมากกว่าใครแล้ว
ในโลกนี้มีทั้งสีขาวและสีดำ ดังนั้นจะให้มาโลกสวยได้ตลอดคงเป็นไปได้ยากพอสมควร และแม้แต่คนที่มีชีวิตดี๊ดี โปรไฟล์เต็มไปด้วยความสำเร็จ เขาก็มีบ้างที่เคยมองโลกในด้านลบ ทว่าคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้เขามีวิธีจัดการกับวิสัยทัศน์ของตัวเอง เพราะเขาบอกว่า เพียงแค่เราคิดบวกได้มากกว่า นั่นเท่ากับการเพิ่มพื้นที่และโอกาสให้ตัวเอง ทำให้เราคิดว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง ๆ สักตั้ง ฉะนั้นหากคุณอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จบ้าง Fast Company ก็แนะนำให้คิดบวกตาม 6 ข้อนี้
1. ไม่ตอกย้ำตัวเอง
ก่อนจะก้าวหน้าไปถึงขั้นคิดบวกได้โดยไม่ต้องพยายาม Mary Jo Rapini นักจิตวิทยาให้ข้อคิดไว้ว่า อันดับแรกควรให้เกียรติตัวเองด้วยการไม่ตอกย้ำความอับอายขายหน้า หรือความผิดพลาดที่ตัวเองเคยทำมา พลาดบ้างเจ็บบ้างไม่ใช่ปัญหา ให้คิดว่านั่นคือโอกาสที่ได้เรียนรู้ และหากชีวิตเดินมาถึงทางตัน ลองหันไปทำกิจกรรมอื่นสักพัก ให้สมองได้ออกห่างจากเรื่องเดิม ๆ บ้าง เผื่อจะปิ๊งไอเดียดี ๆ และหาทางออกให้กับปัญหาเก่านั้นได้ เพราะหากย้ำคิดวนไปวนมากับสิ่งที่ตื้อไปหมดอยู่อย่างนั้น นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว ยังอาจทำให้เครียดทบทวีคูณเลยก็ได้
ในโลกนี้มีทั้งสีขาวและสีดำ ดังนั้นจะให้มาโลกสวยได้ตลอดคงเป็นไปได้ยากพอสมควร และแม้แต่คนที่มีชีวิตดี๊ดี โปรไฟล์เต็มไปด้วยความสำเร็จ เขาก็มีบ้างที่เคยมองโลกในด้านลบ ทว่าคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้เขามีวิธีจัดการกับวิสัยทัศน์ของตัวเอง เพราะเขาบอกว่า เพียงแค่เราคิดบวกได้มากกว่า นั่นเท่ากับการเพิ่มพื้นที่และโอกาสให้ตัวเอง ทำให้เราคิดว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง ๆ สักตั้ง ฉะนั้นหากคุณอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จบ้าง Fast Company ก็แนะนำให้คิดบวกตาม 6 ข้อนี้
1. ไม่ตอกย้ำตัวเอง
ก่อนจะก้าวหน้าไปถึงขั้นคิดบวกได้โดยไม่ต้องพยายาม Mary Jo Rapini นักจิตวิทยาให้ข้อคิดไว้ว่า อันดับแรกควรให้เกียรติตัวเองด้วยการไม่ตอกย้ำความอับอายขายหน้า หรือความผิดพลาดที่ตัวเองเคยทำมา พลาดบ้างเจ็บบ้างไม่ใช่ปัญหา ให้คิดว่านั่นคือโอกาสที่ได้เรียนรู้ และหากชีวิตเดินมาถึงทางตัน ลองหันไปทำกิจกรรมอื่นสักพัก ให้สมองได้ออกห่างจากเรื่องเดิม ๆ บ้าง เผื่อจะปิ๊งไอเดียดี ๆ และหาทางออกให้กับปัญหาเก่านั้นได้ เพราะหากย้ำคิดวนไปวนมากับสิ่งที่ตื้อไปหมดอยู่อย่างนั้น นอกจากจะไม่ได้อะไรกลับมาแล้ว ยังอาจทำให้เครียดทบทวีคูณเลยก็ได้
2. เป็นเด็กบ้างก็ได้ แต่ใจต้องหนักแน่น
ความเป็นเด็กมีอยู่ในทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม แต่คนที่ประสบความสำเร็จเขาจำเป็นต้องจัดการกับความเป็นเด็กอย่างเหมาะสมที่สุด อย่างน้อยคุณต้องไม่เป็นเด็กงอแงกับเรื่องที่ต้องจริงจังในชีวิต ห้ามเอาแต่ใจไม่ถูกที่ถูกทาง ที่สำคัญควรต้องหนักแน่นให้สมกับความเป็นผู้ใหญ่ตามวัยวุฒิด้วย เพราะเมื่อเราเข้าสู่โหมดของความเป็นผู้ใหญ่ เราจะเปิดใจและใช้เหตุผลกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้นนั่นเอง
3. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ประโยคเด็ดไว้คอยให้กำลังใจตัวเองในวันที่ต้องล้มหรือก้าวพลาดไปบ้าง คนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ก็ยึดคตินี้ไว้เตือนใจอยู่เสมอ และเขาไม่คิดว่า การเดินถอยหลังหรือกลับไปสู่จุดเริ่มต้นครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำให้เขาเสียเวลาในชีวิตเลย เพราะการจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงย่อมต้องสร้างรากฐานให้แน่นหนาเสียก่อน ดังนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองสิ้นหวังจนไม่คิดจะพยายามทำอะไรอีกต่อไปเด็ดขาด
ความเป็นเด็กมีอยู่ในทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม แต่คนที่ประสบความสำเร็จเขาจำเป็นต้องจัดการกับความเป็นเด็กอย่างเหมาะสมที่สุด อย่างน้อยคุณต้องไม่เป็นเด็กงอแงกับเรื่องที่ต้องจริงจังในชีวิต ห้ามเอาแต่ใจไม่ถูกที่ถูกทาง ที่สำคัญควรต้องหนักแน่นให้สมกับความเป็นผู้ใหญ่ตามวัยวุฒิด้วย เพราะเมื่อเราเข้าสู่โหมดของความเป็นผู้ใหญ่ เราจะเปิดใจและใช้เหตุผลกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้นนั่นเอง
3. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ประโยคเด็ดไว้คอยให้กำลังใจตัวเองในวันที่ต้องล้มหรือก้าวพลาดไปบ้าง คนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ก็ยึดคตินี้ไว้เตือนใจอยู่เสมอ และเขาไม่คิดว่า การเดินถอยหลังหรือกลับไปสู่จุดเริ่มต้นครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำให้เขาเสียเวลาในชีวิตเลย เพราะการจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงย่อมต้องสร้างรากฐานให้แน่นหนาเสียก่อน ดังนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองสิ้นหวังจนไม่คิดจะพยายามทำอะไรอีกต่อไปเด็ดขาด
4. ไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งนี้ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นคนล้มเหลว
จำไว้ว่าเราไม่ใช่ยอดมนุษย์จากดาวดวงไหน แต่เป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่มีด้านดีเด่นและสามารถด้อยในบางเรื่องได้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะไม่ถนัดในด้านใดด้านหนึ่ง แต่กลับเก่งมากในอีกหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นสิ่งไหนทำไม่ได้จริง ๆ ก็อย่าเพิ่งท้อใจ แล้วลองหาในสิ่งที่ถนัดและใช่สำหรับคุณต่อไปดีกว่า
5. สนใจเหตุมากกว่าผล
แค่เพียงเปลี่ยนวิธีคิดก็มีชีวิตด้านบวกได้แล้วล่ะ อย่างถ้ามีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นมาในชีวิต แทนที่เราจะมัวฟูมฟายหรือโทษชะตาฟ้าลิขิต เราควรมองหาต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดดีกว่า ลองพิจารณาที่ไปที่มาของสิ่งนั้นดี ๆ แล้วคุณจะหาทางออกให้กับปัญหาได้เอง
จำไว้ว่าเราไม่ใช่ยอดมนุษย์จากดาวดวงไหน แต่เป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่มีด้านดีเด่นและสามารถด้อยในบางเรื่องได้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะไม่ถนัดในด้านใดด้านหนึ่ง แต่กลับเก่งมากในอีกหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นสิ่งไหนทำไม่ได้จริง ๆ ก็อย่าเพิ่งท้อใจ แล้วลองหาในสิ่งที่ถนัดและใช่สำหรับคุณต่อไปดีกว่า
5. สนใจเหตุมากกว่าผล
แค่เพียงเปลี่ยนวิธีคิดก็มีชีวิตด้านบวกได้แล้วล่ะ อย่างถ้ามีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้นมาในชีวิต แทนที่เราจะมัวฟูมฟายหรือโทษชะตาฟ้าลิขิต เราควรมองหาต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดดีกว่า ลองพิจารณาที่ไปที่มาของสิ่งนั้นดี ๆ แล้วคุณจะหาทางออกให้กับปัญหาได้เอง
6. ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ
จงภูมิใจกับทุกความผิดพลาดที่ผ่านมา เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณได้ลงมือทำอะไรหลายต่อหลายสิ่งแล้ว ดังนั้นให้อภัยกับสิ่งที่ทำพลั้งพลาดไป แล้วมุ่งมั่นตั้งใจลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง
สุดท้ายแล้วความคิดของเราเป็นใหญ่ที่สุด คุณจะเดินไปถูกทางหรือต้องเคว้งคว้างอยู่กลางทาง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของตัวคุณเองแทบทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าเป็นคนคิดบวกมากกว่าคิดติดลบ ก็ถือว่าชีวิตมีกำไรมากกว่าขาดทุนแล้วล่ะเนอะ
จงภูมิใจกับทุกความผิดพลาดที่ผ่านมา เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณได้ลงมือทำอะไรหลายต่อหลายสิ่งแล้ว ดังนั้นให้อภัยกับสิ่งที่ทำพลั้งพลาดไป แล้วมุ่งมั่นตั้งใจลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง
สุดท้ายแล้วความคิดของเราเป็นใหญ่ที่สุด คุณจะเดินไปถูกทางหรือต้องเคว้งคว้างอยู่กลางทาง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของตัวคุณเองแทบทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าเป็นคนคิดบวกมากกว่าคิดติดลบ ก็ถือว่าชีวิตมีกำไรมากกว่าขาดทุนแล้วล่ะเนอะ
แหล่งที่มา http://health.kapook.com/view124176.html
No comments:
Post a Comment