"ขนมจีน" เป็น ผลิตภัณฑ์อาหารเส้นชนิดหนึ่งที่แปรรูปจากข้าว
และคนไทยนิยมบริโภคกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะงานบุญและเทศกาลต่างๆ มีการผลิตเส้นขนมจีนกันแพร่หลายในทุกภาค
แต่ละภาคนิยมบริโภคกับอาหารประเภทแกงที่มีส่วนผสมแตกต่างและหลากหลาย
ปัจจุบัน "ขนมจีนน้ำยา" ยังเป็นอาหารจานเดียวนิยมกันทุกภาค ทั้งที่เป็นอาหารทั่วไปและเป็นอาหารจัดเลี้ยงในงานบุญงานพิธีต่างๆ ขนมจีนจัดเป็นเมนูนิยมสำหรับชาวต่างชาติด้วย ถึงขนาดเรียกขานขนมจีนของไทยว่าสปาเกตตี้ไทยแลนด์เลยทีเดียว
ส่วนประกอบหลักของขนมจีนน้ำยาคือ เส้น ขนมจีน น้ำยา และผักเครื่องเคียง เครื่องแกงจะคล้ายกับแกงคั่วคือ ใส่พริกแห้ง เกลือ ตะไคร้ ข่า หัวหอม กระเทียม กะปิ และกระชาย เครื่องแกงน้ำยาจะไม่ใส่ผิวมะกรูด รากผักชี และพริกไทย แต่จะใส่กระชายลงไปเป็นจำนวนมากเพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อปลา
ผักเครื่องเคียงในขนมจีนนั้นมากมายด้วยเส้นใยอาหาร และยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรในตัวอีกด้วย เช่น "ผักชีฝรั่ง" มีกลิ่นหอมสดชื่น ช่วยตัดรสเลี่ยน ดับกลิ่นเนื้อสัตว์ในอาหารอีกทั้งมีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามินเอ
ช่วยบำรุงสายตาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทั้งระบบ มากด้วยวิตามิน บี 1 บี 2 และไนอาซีนช่วยให้ระบบร่างกายสมดุล นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสอีกด้วย
"พริก" ไม่ ว่าจะเป็นพริกคั่วหรือพริกสดมีสารแคปไซซีน (Capsaicin) และไดไฮโดรแคปไซซีน (Dihhydrocapsaicine) การรับประทานพริก มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร เป็นยาขับลมบำรุงธาตุช่วยให้เจริญอาหารช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ทั้งยังช่วยเพิ่มรสชาติในการทานน้ำยาให้เผ็ดร้อนถึงใจยิ่งขึ้นด้วย
"ใบสะระแหน่" เป็นผักกลิ่นหอมเย็น มีคุณสมบัติช่วยขับเหงื่อ ช่วยย่อยอาหารมีสารเบต้าแคโรทีน กับวิตามินซี บำรุงสายตา บำรุงหัวใจ
ช่วยไม่ให้เป็นหวัดง่าย ส่วน "โหระพา" ช่วยแต่งกลิ่นขนมจีนน้ำยาให้หอม เสริมรสชาติให้เผ็ดร้อนขึ้นอีกเล็กน้อยช่วยเจริญอาหาร ขับเหงื่อและเสมหะ ขับพยาธิ แก้ท้องอืด
ช่วยขับลม ขับปัสสาวะ แก้ไข้และอาการปวดศีรษะ
นอกจากนี้ ขนมจีนน้ำยายังนิยมทานกับ "หยวกกล้วย" หรือ "หัวปลี"ที่ มีสรรพคุณช่วยบำรุงน้ำนมสำหรับสตรีที่คลอดบุตรใหม่ๆ เพราะมีสารแทนนินซึ่งจะยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค นอกจากนี้ยังมีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซีอีกด้วย ขนมจีนน้ำยาจัดเป็นเมนูอาหารที่หาทานได้ง่าย ไม่ว่าจะตามร้านค้าแผงลอย ตลาดสด งานวัด แม้แต่ในห้างสรรพสินค้าก็มีให้เลือกรับประทาน แต่ที่สำคัญเราต้องทานกับผักเครื่องเคียงด้วย จึงจะเรียกว่าได้ประโยชน์ครบครัน
โพสโดย
:จิ้มจุ่ม ( สมาชิกไอดีที่ 124883)
http://variety.teenee.com/foodforbrain/51716.html
No comments:
Post a Comment