แทนการหยิบยามากิน ลองเดินเข้าไปดูของกินในครัวก่อนดีไหม
เพราะอาหารหลายอย่างให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลายอย่างที่รบกวนคุณ
1.ปวดหัวไมเกรน
งานวิจัยด้านอาหารชี้ว่าการกินปลาที่มีไขมันสูง ซึ่งอุดมด้วยไขมันอย่างโอเมก้า -3 อาจช่วยให้ร่างกายลดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวด
2.ปวดประจำเดือน
การสร้างพรอสตาแกลนดินส์ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน เพราะเมื่อพรอสตาแกลนดินส์ถูกปล่อยเข้าไปในเนื้อเยื่อ มดลูกก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยมีอาการเกร็งกระตุก ลองกินโอเมก้า -3 ที่ช่วยยับยั้งการหลั่งของพรอสตาแกลนดินส์ และหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีกรด Arachidonic ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างพรอสตาแกนดินส์
3.ปวดข้อ
วิตามินซีอาจช่วยชะลอการเสื่อมของข้อต่อได้ การศึกษาวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยบอสตัน แสดงว่าผู้ป่วยโรคไขข้อที่กินวิตามินซีจำนวนมาก มีแนวโน้มน้อยกว่าถึงสามเท่าที่จะมีอาการปวดหรือบาดเจ็บข้อ เมื่อเทียบกับคนที่กินวิตามิซีน้อยกว่า คุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ของวิตามิน อาจช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น วิตามินซียังมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนและกระดูก
4.อาการจุกเสียดจากกรดไหลย้อน (Heartburn)
ขิงอาจช่วยทำให้กล้ามเนื้อด้านล่างของหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น มันเป็นเสมือนวาล์วที่กั้นไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมา และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ที่อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอ อาหารรสจัดหรือมีกรดสูงก็อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้
5.ท้องผูก
ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ ลองกินเส้นใยอาหารให้ได้วันละ 20-35 กรัม และเพิ่มการกินช้า ๆ อย่างเช่น 4-5 กรัมต่อวันในวันแรก ๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจเกิดอาการไม่สบายท้องได้ และให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองแก้วต่อวัน ที่จะช่วยผลักให้เส้นใยอาหารไปตามลำไส้
1.ปวดหัวไมเกรน
งานวิจัยด้านอาหารชี้ว่าการกินปลาที่มีไขมันสูง ซึ่งอุดมด้วยไขมันอย่างโอเมก้า -3 อาจช่วยให้ร่างกายลดการสร้างพรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวด
2.ปวดประจำเดือน
การสร้างพรอสตาแกลนดินส์ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน เพราะเมื่อพรอสตาแกลนดินส์ถูกปล่อยเข้าไปในเนื้อเยื่อ มดลูกก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยมีอาการเกร็งกระตุก ลองกินโอเมก้า -3 ที่ช่วยยับยั้งการหลั่งของพรอสตาแกลนดินส์ และหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีกรด Arachidonic ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างพรอสตาแกนดินส์
3.ปวดข้อ
วิตามินซีอาจช่วยชะลอการเสื่อมของข้อต่อได้ การศึกษาวิจัยจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยบอสตัน แสดงว่าผู้ป่วยโรคไขข้อที่กินวิตามินซีจำนวนมาก มีแนวโน้มน้อยกว่าถึงสามเท่าที่จะมีอาการปวดหรือบาดเจ็บข้อ เมื่อเทียบกับคนที่กินวิตามิซีน้อยกว่า คุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ของวิตามิน อาจช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น วิตามินซียังมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนและกระดูก
4.อาการจุกเสียดจากกรดไหลย้อน (Heartburn)
ขิงอาจช่วยทำให้กล้ามเนื้อด้านล่างของหลอดอาหารแข็งแรงขึ้น มันเป็นเสมือนวาล์วที่กั้นไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมา และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ที่อาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอ อาหารรสจัดหรือมีกรดสูงก็อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้
5.ท้องผูก
ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ ลองกินเส้นใยอาหารให้ได้วันละ 20-35 กรัม และเพิ่มการกินช้า ๆ อย่างเช่น 4-5 กรัมต่อวันในวันแรก ๆ ไม่เช่นนั้นคุณอาจเกิดอาการไม่สบายท้องได้ และให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองแก้วต่อวัน ที่จะช่วยผลักให้เส้นใยอาหารไปตามลำไส้
เครดิตภาพ https://en.wikipedia.org/wiki/Food
No comments:
Post a Comment