วิธีกินบุฟเฟ่ต์แบบคุ้มค่า แต่ไม่เสียสุขภาพไปกับอาหารละลานตาตรงหน้า
อิ่มอร่อยแบบไม่อ้วนก็ทำได้นะ
อาหาร บุฟเฟ่ต์ ปัจจุบันมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน มีกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นจนบางร้านต้องรอคิวกว่าชั่วโมงเพื่อเข้ารับประทาน เหตุนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า "บุฟเฟ่ต์" ได้เข้ามาเป็นวัฒนธรรมการบริโภคของสังคมไทยไปแล้ว
อาหาร บุฟเฟ่ต์ ปัจจุบันมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน มีกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นจนบางร้านต้องรอคิวกว่าชั่วโมงเพื่อเข้ารับประทาน เหตุนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า "บุฟเฟ่ต์" ได้เข้ามาเป็นวัฒนธรรมการบริโภคของสังคมไทยไปแล้ว
ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายสามารถกินได้แบบไม่อั้น
"อาหารบุฟเฟ่ต์" จึงกลายเป็นอาหารยอดนิยมของกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ นักเรียน
นักศึกษา โดยการกินบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงความคุ้มทุนโดยจะพยายามกินอาหารปริมาณ
มาก หรือเลือกกินอาหารราคาแพง เพื่อจะให้คุ้มค่ากับราคา
ทั้งนี้ ร่างกายนำพลังงานจากอาหารมาใช้กิจกรรมต่าง ๆ เช่น นั่ง นอน ยืน เดิน ทำงาน ออกกำลังกาย ถ้าได้รับพลังงานมากเกินความต้องการร่างกายจะนำพลังงานส่วนเกินนั้นไปเก็บ สะสมในรูปไขมันเพื่อเป็นพลังงานสำรอง ถ้ามีการสะสมของไขมันมากขึ้นก็จะนำไปสู่โรคอ้วน และนำไปสู่โรคต่าง ๆ
วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ ที่จะทำให้ทุกครั้งที่กินบุฟเฟ่ต์ "อิ่ม คุ้มค่า ไม่เสียสุขภาพ"
ทั้งนี้ ร่างกายนำพลังงานจากอาหารมาใช้กิจกรรมต่าง ๆ เช่น นั่ง นอน ยืน เดิน ทำงาน ออกกำลังกาย ถ้าได้รับพลังงานมากเกินความต้องการร่างกายจะนำพลังงานส่วนเกินนั้นไปเก็บ สะสมในรูปไขมันเพื่อเป็นพลังงานสำรอง ถ้ามีการสะสมของไขมันมากขึ้นก็จะนำไปสู่โรคอ้วน และนำไปสู่โรคต่าง ๆ
วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ ที่จะทำให้ทุกครั้งที่กินบุฟเฟ่ต์ "อิ่ม คุ้มค่า ไม่เสียสุขภาพ"
1. กินน้อย ก่อนกินมาก
จำ ไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า "การอดอาหารเพื่อกะไปกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อน ๆ ให้คุ้มนั้นไม่คุ้มอย่างที่คิด" เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายลดการเผาผลาญพลังงานลงแล้ว เรายังอาจรู้สึกหิวมากเกินไปตอนไปกินบุฟเฟ่ต์ ดังนั้นควรเลือกกินอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลงก่อนไปกินบุฟเฟ่ต์สัก 1 วัน หรือ 1-2 มื้อ (ถ้าหิวมากจนอดใจไม่ไหว ก็ควรกินผลไม้หรือดื่มนมไขมันต่ำ และตามด้วยน้ำเปล่ารองท้อง) แต่ถ้ามีเหตุให้ต้องไปกินแบบไม่ทันได้เตรียมตัว ก็ควรลดอาหารในวันหลังจากนั้นให้น้อยลง
2. ลุกเดิน วอร์มอัพ ก่อนหรือหลังกินบุฟเฟ่ต์
การเดิน เป็นกิจกรรมทางกายที่ง่ายสุด ๆ ฉะนั้นจะลุกขึ้นมาเดินเพิ่มขึ้น 20-30 นาที ประมาณ 5-7 วัน ก่อนหรือหลังไปกินบุฟเฟ่ต์ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถ
3. เสื้อผ้าก็สำคัญ
ควรใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัว ไม่ควรใส่ชุดหลวม ๆ เพราะเราอาจเพลิดเพลินกับอาหารจนกินเกินอิ่มได้ง่าย ๆ
จำ ไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า "การอดอาหารเพื่อกะไปกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อน ๆ ให้คุ้มนั้นไม่คุ้มอย่างที่คิด" เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายลดการเผาผลาญพลังงานลงแล้ว เรายังอาจรู้สึกหิวมากเกินไปตอนไปกินบุฟเฟ่ต์ ดังนั้นควรเลือกกินอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลงก่อนไปกินบุฟเฟ่ต์สัก 1 วัน หรือ 1-2 มื้อ (ถ้าหิวมากจนอดใจไม่ไหว ก็ควรกินผลไม้หรือดื่มนมไขมันต่ำ และตามด้วยน้ำเปล่ารองท้อง) แต่ถ้ามีเหตุให้ต้องไปกินแบบไม่ทันได้เตรียมตัว ก็ควรลดอาหารในวันหลังจากนั้นให้น้อยลง
2. ลุกเดิน วอร์มอัพ ก่อนหรือหลังกินบุฟเฟ่ต์
การเดิน เป็นกิจกรรมทางกายที่ง่ายสุด ๆ ฉะนั้นจะลุกขึ้นมาเดินเพิ่มขึ้น 20-30 นาที ประมาณ 5-7 วัน ก่อนหรือหลังไปกินบุฟเฟ่ต์ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถ
3. เสื้อผ้าก็สำคัญ
ควรใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัว ไม่ควรใส่ชุดหลวม ๆ เพราะเราอาจเพลิดเพลินกับอาหารจนกินเกินอิ่มได้ง่าย ๆ
. ไกลไว้ดีกว่าใกล้
การเลือกที่นั่งไกลจากซุ้มอาหาร ช่วยให้เราได้เพิ่มการใช้พลังงานทุกครั้งที่เดินมาตัก
5. สำรวจร้านเตรียมรับมือ
ชิง เดินสำรวจอาหารทั้งหมดให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้วางแผนการรบกับกองทัพอาหารได้ถูกว่าควรเลือกเอาอะไรใส่ปากบ้าง และไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ประเภท "อิ่มแล้ว แต่เพิ่งเดินมาเห็น" แถมยังได้เดินเพิ่มก้าวอีกเล็กน้อยด้วย
6. จานเล็กช่วยได้
การหยิบจานเล็กใส่อาหารเหมือนไม่น่าจะช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้มีการศึกษามาแล้วและพบว่าการลดขนาดจานลง 2 นิ้ว ช่วยให้เรากินอาหารลดลงถึงร้อยละ 22
การเลือกที่นั่งไกลจากซุ้มอาหาร ช่วยให้เราได้เพิ่มการใช้พลังงานทุกครั้งที่เดินมาตัก
5. สำรวจร้านเตรียมรับมือ
ชิง เดินสำรวจอาหารทั้งหมดให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้วางแผนการรบกับกองทัพอาหารได้ถูกว่าควรเลือกเอาอะไรใส่ปากบ้าง และไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ประเภท "อิ่มแล้ว แต่เพิ่งเดินมาเห็น" แถมยังได้เดินเพิ่มก้าวอีกเล็กน้อยด้วย
6. จานเล็กช่วยได้
การหยิบจานเล็กใส่อาหารเหมือนไม่น่าจะช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้มีการศึกษามาแล้วและพบว่าการลดขนาดจานลง 2 นิ้ว ช่วยให้เรากินอาหารลดลงถึงร้อยละ 22
7. สลัดมาจานแรก
ควรเลือกตักสลัด (น้ำสลัดน้อย ๆ) เป็นจานแรก
ควรเลือกตักสลัด (น้ำสลัดน้อย ๆ) เป็นจานแรก
8. ไม่ติดมัน ไม่เอาน้ำผัด
ควรเลือกกินเนื้อสัตว์ประเภทต้มหรือนึ่ง ถ้าปิ้งย่างก็ไม่เอาแบบไหม้เกรียม ส่วนพวกเนื้อติดมัน น้ำผัด และชุบแป้งชุบไข่ทอดนี่อยู่ให้ห่างไว้
ควรเลือกกินเนื้อสัตว์ประเภทต้มหรือนึ่ง ถ้าปิ้งย่างก็ไม่เอาแบบไหม้เกรียม ส่วนพวกเนื้อติดมัน น้ำผัด และชุบแป้งชุบไข่ทอดนี่อยู่ให้ห่างไว้
9. ตักเผื่อล้นโต๊ะ
การ มีน้ำใจถือเป็นสิ่งดี แต่การตักเผื่อคนอื่นเวลากินบุฟเฟ่ต์นั้น อาจทำให้มีอาหารล้นโต๊ะ ควรตักอาหารแต่ละชนิดไม่เกิน 1-2 ช้อน และตักทีละจานก็พอแล้ว
10. ผ้าเช็ดปากเตือนสติ
แค่เอาผ้าเช็ดปากมาวางไว้บนตัก เราก็สามารถรู้ตัวทุกครั้งเวลาที่ลุกไปตักอาหาร และจะได้บังคับตัวเองไม่ให้ลุกจนเพลิน
11. สนทนาละความสนใจ
มา กินบุฟเฟ่ต์ทั้งทีจะเน้นกินอย่างเดียวก็คงกระไรอยู่ ควรหันไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะให้มากขึ้นจะได้ช่วยดึงความสนใจของเราออก จากอาหารและกินอาหารได้น้อยลง
การ มีน้ำใจถือเป็นสิ่งดี แต่การตักเผื่อคนอื่นเวลากินบุฟเฟ่ต์นั้น อาจทำให้มีอาหารล้นโต๊ะ ควรตักอาหารแต่ละชนิดไม่เกิน 1-2 ช้อน และตักทีละจานก็พอแล้ว
10. ผ้าเช็ดปากเตือนสติ
แค่เอาผ้าเช็ดปากมาวางไว้บนตัก เราก็สามารถรู้ตัวทุกครั้งเวลาที่ลุกไปตักอาหาร และจะได้บังคับตัวเองไม่ให้ลุกจนเพลิน
11. สนทนาละความสนใจ
มา กินบุฟเฟ่ต์ทั้งทีจะเน้นกินอย่างเดียวก็คงกระไรอยู่ ควรหันไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะให้มากขึ้นจะได้ช่วยดึงความสนใจของเราออก จากอาหารและกินอาหารได้น้อยลง
12. น้ำเปล่าดีที่สุด
น้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมก็ล้วนเป็นเครื่องดื่มเพิ่มแคลอรีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นหันมาดื่มน้ำเปล่าดีกว่า
13. ตัดทิ้งแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์นอกจากจะทำให้เรามีภาวะขาดน้ำแล้ว ยังกระตุ้นให้เราดื่มน้ำหรือกินอาหารเพิ่มขึ้น ฉะนั้นเมินได้ก็เมินเถอะ
น้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมก็ล้วนเป็นเครื่องดื่มเพิ่มแคลอรีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นหันมาดื่มน้ำเปล่าดีกว่า
13. ตัดทิ้งแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์นอกจากจะทำให้เรามีภาวะขาดน้ำแล้ว ยังกระตุ้นให้เราดื่มน้ำหรือกินอาหารเพิ่มขึ้น ฉะนั้นเมินได้ก็เมินเถอะ
14. โปรดระวังไขมันแอบแฝง
หลีกเลี่ยงไขมันแอบแฝงซึ่งซุกซ่อนอยู่ในเนย น้ำสลัด (ไม่ว่าจะเป็น น้ำใสหรือน้ำข้น) รวมถึงเกลือแอบแฝงที่อยู่ในบรรดาซอสต่าง ๆ (ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ) หรือกระทั่งครีมทาร์ทาร์ และน้ำจิ้มเอง ก็ควรจิ้มให้น้อยที่สุด
การ กินอาหารที่ดีจะต้องใส่ใจว่าเรากินเข้าไปมากน้อยเพียงใด รู้จักการควบคุม "แคลอรี" หรือปริมาณพลังงานของอาหารที่กิน โดยผู้ชายควรได้รับพลังงานประมาณวันละ 2,000 กิโลแคลอรี และผู้หญิงวันละ 1,600 กิโลแคลอรี
ปริมาณที่ว่านี้ รวมทั้งอาหารคาวและหวาน อาหาร 1 มื้อควรได้แคลอรีประมาณ 400-700 กิโลแคลอรี โดยอาหารเย็นเป็นมื้อที่มีแคลอรีต่ำกว่ามื้ออื่น ๆ อาหารว่าง ต้องจำกัดให้น้อยกว่า 200 กิโลแคลอรีในแต่ละครั้ง และเมื่อรวมกับอาหารมื้อหลักทั้งวันแล้วต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนด ลด หรืองดอาหารที่ให้พลังงานสูง อาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
เพราะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ หรืออาหารทั่วไปก็ตามหากกินมากเกินไป ก็สามารถทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย ความคุ้มค่าของราคาและปริมาณ อาจเทียบไม่ได้กับค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น กินอย่างพอดี เสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อสุขภาพที่ดีกันนะคะ
หลีกเลี่ยงไขมันแอบแฝงซึ่งซุกซ่อนอยู่ในเนย น้ำสลัด (ไม่ว่าจะเป็น น้ำใสหรือน้ำข้น) รวมถึงเกลือแอบแฝงที่อยู่ในบรรดาซอสต่าง ๆ (ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ) หรือกระทั่งครีมทาร์ทาร์ และน้ำจิ้มเอง ก็ควรจิ้มให้น้อยที่สุด
การ กินอาหารที่ดีจะต้องใส่ใจว่าเรากินเข้าไปมากน้อยเพียงใด รู้จักการควบคุม "แคลอรี" หรือปริมาณพลังงานของอาหารที่กิน โดยผู้ชายควรได้รับพลังงานประมาณวันละ 2,000 กิโลแคลอรี และผู้หญิงวันละ 1,600 กิโลแคลอรี
ปริมาณที่ว่านี้ รวมทั้งอาหารคาวและหวาน อาหาร 1 มื้อควรได้แคลอรีประมาณ 400-700 กิโลแคลอรี โดยอาหารเย็นเป็นมื้อที่มีแคลอรีต่ำกว่ามื้ออื่น ๆ อาหารว่าง ต้องจำกัดให้น้อยกว่า 200 กิโลแคลอรีในแต่ละครั้ง และเมื่อรวมกับอาหารมื้อหลักทั้งวันแล้วต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนด ลด หรืองดอาหารที่ให้พลังงานสูง อาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
เพราะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ หรืออาหารทั่วไปก็ตามหากกินมากเกินไป ก็สามารถทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย ความคุ้มค่าของราคาและปริมาณ อาจเทียบไม่ได้กับค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น กินอย่างพอดี เสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อสุขภาพที่ดีกันนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สสส
เรื่องโดย
: กิดานัล กังแฮ Team
Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูล จาก : หนังสือ "คิดเอง ทำได้ ห่างไกลโรค" เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และ หนังสือ "เดินศาสตร์" โครงการรักเดิน สสส. ร่วมกับ นิตยสารหมอชาวบ้าน
ข้อมูล จาก : หนังสือ "คิดเอง ทำได้ ห่างไกลโรค" เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และ หนังสือ "เดินศาสตร์" โครงการรักเดิน สสส. ร่วมกับ นิตยสารหมอชาวบ้าน
http://health.kapook.com/view155570.html
No comments:
Post a Comment