สำหรับ ใครที่ติดกินมิลค์ช็อกโกแลตเป็นประจำทุกวัน ขอแนะนำว่า ควรหันมากินดาร์กช็อกโกแลตบ้าง เพราะในดาร์กช็อกโกแลตนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพซ่อนอยู่หลายข้อเลยทีเดียวค่ะ รับรองว่าอ่านแล้วจะยิ่งชอบกินช็อกโกแลตมากขึ้นไปอีก มาดูกันเถอะว่าช็อกโกแลตสีดำเข้มนี้จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอะไร บ้าง
บำรุงหัวใจ
จากผลการวิจัยของประเทศสวีเดนเผยว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจได้สูงถึงร้อยละ 44 ทั้งนี้เป็นเพราะปริมาณสารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยปรับสมดุล ความดันโลหิต เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจมากขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวที่จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตันในเวลาต่อมา
ช่วยให้ความจำดีขึ้น
ดาร์กช็อกโกแลตเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้เราจดจำอะไรได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Nottingham ในประเทศอังกฤษ เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำของสมองให้นานมากขึ้น ถึง 2-3 ชั่วโมง
ป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2
สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งการกระตุ้นสร้างอินซูลินในร่างกาย ได้ และยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตของเราอีกด้วย จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง และชะลอกระบวนการเกิดริ้วรอยบนผิวพรรณ เป็นต้น
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง และชะลอกระบวนการเกิดริ้วรอยบนผิวพรรณ เป็นต้น
ลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีความหวานต่ำ เพราะมีสารคาเฟอีนให้ความขมที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน(Theobromine) อยู่ในปริมาณสูง ดังนั้น กินแล้วจึงไม่ต้องห่วงว่าฟันจะผุจากการสะสมของแบคทีเรีย
บำรุงเลือด
ดาร์กช็อกโกแลตแท่งสีดำเข้มอุมดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซีย และธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยบำรุงเลือดของเราให้เกิดการไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้เราห่างไกลจากภาวะโลหิต โรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
ช่วยลดน้ำหนัก
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เผยว่า รสขมของดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งความอยากอาหารได้ดี โดยเฉพาะ อาหารที่มีรสหวาน รสเค็ม และมีไขมันสูง ซึ่งการกินดาร์กช็อกโกแลตขนาดแค่เหรียญบาทเป็นประจำทุกวัน ก็สามารถช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักตัวได้ง่ายขึ้นแล้ว น่าลองนะคะ !
ดีต่อลูกน้อยในครรภ์
คนท้องที่กินช็อกโกแลตเป็นประจำมีแนวโน้มว่าลูกน้อยในครรภ์เป็นเด็กอารมณ์ ดี ยิ้มเก่ง จากผลการวิจัยของประเทศฟินแลนด์ เผยว่า คนท้องที่กินดาร์กช็อกโกแลตมากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้องนั้น มีความเสี่ยงต่ำที่จะครรภ์เป็นพิษถึงร้อยละ 69 อีกทั้งยังมีแนวโน้มได้ลูกน้อยที่มีนิสัยน่ารัก อารมณ์ดี และยิ้มเก่งด้วย สาเหตุมาจากการที่สมองของคุณแม่หลั่งสารเคมีเฟนิลเอธิลลามีน (Phenylethylamine) ออกมาขณะกินช็อกโกแลต ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ซึ่งความรู้สึกนี้ก็จะถ่ายทอดถึงลูกน้อยด้วย
ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
ในขณะที่เรากำลังกินดาร์กช็อกโกแลตนั้น สมองของเราจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือสารเอ็นดอร์ฟิออกมาด้วย ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้น
ปกป้องผิวจากแสงแดด
จากผลการวิจัยในประเทศอังกฤษ และเยอรมนี เผยตรงกันว่า สารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตนั้นมีคุณสมบัติปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำร้าย ของรังสียูวีได้ โดยจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น จึงช่วยป้องกันเซลล์ผิวถูกทำลายได้
แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอขึ้น
มีผลการวิจัยหนึ่งเผยว่า การกินช็อกโกแลตนั้นสามารถบรรเทาอาการคันคอ และอาการไอได้ สาเหตุมาจากสารคาเฟอีนในโกโก้ที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน (Theobromine) มีคุณสมบัติทำให้ชุ่มคอคล้ายคลึงกับตัวยาโคดีอีน (codeine) หรือยาแก้ไอ
ในขณะที่เรากำลังกินดาร์กช็อกโกแลตนั้น สมองของเราจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือสารเอ็นดอร์ฟิออกมาด้วย ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้น
ปกป้องผิวจากแสงแดด
จากผลการวิจัยในประเทศอังกฤษ และเยอรมนี เผยตรงกันว่า สารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตนั้นมีคุณสมบัติปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำร้าย ของรังสียูวีได้ โดยจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น จึงช่วยป้องกันเซลล์ผิวถูกทำลายได้
แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอขึ้น
มีผลการวิจัยหนึ่งเผยว่า การกินช็อกโกแลตนั้นสามารถบรรเทาอาการคันคอ และอาการไอได้ สาเหตุมาจากสารคาเฟอีนในโกโก้ที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน (Theobromine) มีคุณสมบัติทำให้ชุ่มคอคล้ายคลึงกับตัวยาโคดีอีน (codeine) หรือยาแก้ไอ
บรรเทาอาการท้องเสีย
เคยมีบันทึกกล่าวเอาไว้ว่า ในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้สมัยศตวรรษที่ 16 นั้นมีการนำช็อกโกแลตมาใช้บรรเทาอาการท้องเสีย เพราะสารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตจะจับตัวกับโปรตีนในร่างกาย เพื่อปรับสมดุลการขับถ่ายของเราให้ดีขึ้น
บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิง (PMS)
ช็อกโกแลต สามารถบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิงได้ โดยจะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมาปรับสมดุลอารมณ์ และยังช่วยลดอาการบวมน้ำได้อีกด้วย
ช่วยลดคอเลสเตอรอล
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตได้อีกด้วย เพราะช็อกโกแลตชนิดนี้มีกรดโอเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อร่างกาย
ช็อกโกแลตกับข้อยกเว้นเรื่องสุขภาพ
ช็อกโกแลตก็มีข้อจำกัดบางประการกับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่่ป่วยเป็นโรคไตและไมเกรน หากกินเข้าไปแล้วอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ไมเกรน
เพราะในช็อกโกแลตนั้นมีสารเคมีที่ชื่อ ไทรามีน (Tyramine) ที่จะยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดอยู่ในระดับต่ำลง อาการปวดไมเกรนอาจหนักขึ้นกว่าเดิม
โรคไต
ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีกรดออกซาลิกสูง หากผู้ป่วยโรคไตกินเข้าไปอาจทำให้เกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลทสะสมเป็นก้อนนิ่วในกรวยไตมากขึ้น
การกินช็อกโกแลตเป็นประจำทุกวันจะไม่กระทบต่อสุขภาพเลย หากเรากินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากให้สุขภาพดีจึงกินแต่ช็อกโกแลตเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แบบนี้คงไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ๆ ทางที่ดีคือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินช็อกโกแลตในระหว่างมื้อค่ะ เพียงเท่านี้ ช็อกโกแลตก็ไม่ทำร้ายสุขภาพของเราแล้ว
ช็อกโกแลตก็มีข้อจำกัดบางประการกับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่่ป่วยเป็นโรคไตและไมเกรน หากกินเข้าไปแล้วอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ไมเกรน
เพราะในช็อกโกแลตนั้นมีสารเคมีที่ชื่อ ไทรามีน (Tyramine) ที่จะยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดอยู่ในระดับต่ำลง อาการปวดไมเกรนอาจหนักขึ้นกว่าเดิม
โรคไต
ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีกรดออกซาลิกสูง หากผู้ป่วยโรคไตกินเข้าไปอาจทำให้เกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลทสะสมเป็นก้อนนิ่วในกรวยไตมากขึ้น
การกินช็อกโกแลตเป็นประจำทุกวันจะไม่กระทบต่อสุขภาพเลย หากเรากินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากให้สุขภาพดีจึงกินแต่ช็อกโกแลตเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แบบนี้คงไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ๆ ทางที่ดีคือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินช็อกโกแลตในระหว่างมื้อค่ะ เพียงเท่านี้ ช็อกโกแลตก็ไม่ทำร้ายสุขภาพของเราแล้ว
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment