อยากลดน้ำหนักได้ในระยะยาว
เราก็ต้องทานให้น้อยลง เพื่อควบคุมกระเพาะอาหารให้เล็กลงไปด้วย
วิธีนี้จะได้ผลจริงหรือไม่ เว็บไซต์ emaginfo มีข้อมูลดี ๆ มาบอกแล้วค่ะ
โรคอ้วนเกิดจากการผสมผสานของกรรมพันธุ์สภาพแวดล้อม และพฤติกรรม สิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่าง ๆ ทำให้คนเราใช้พลังงานน้อยลง และเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่รับประทานไปใช้ไม่หมด ทำให้พลังงานนั้นเหลือ แล้วไปสะสมเพิ่มน้ำหนักตัว
เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่หากเรารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ก็จะมีส่วนเกินสะสมทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการให้น้ำหนักไม่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานให้มากขึ้น
ที่ผ่านมามีการควบคุมน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน ก็คือการฝึกควบคุมปริมาตรของกระเพาะอาหาร ซึ่งวิธีนี้ได้มาจากผลการศึกษาที่พบว่า กระเพาะอาหารของคนอ้วนมีความจุมากกว่าคนที่ไม่อ้วน และถ้าคนเราพยายามควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักตัวได้ระยะหนึ่ง ความจุของกระเพาะอาหารมักจะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ก็เลยเป็นที่มาของวิธีควบคุมกระเพาะอาหาร เพื่อการลดน้ำหนักระยะยาวที่ได้ผล
โรคอ้วนเกิดจากการผสมผสานของกรรมพันธุ์สภาพแวดล้อม และพฤติกรรม สิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่าง ๆ ทำให้คนเราใช้พลังงานน้อยลง และเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่รับประทานไปใช้ไม่หมด ทำให้พลังงานนั้นเหลือ แล้วไปสะสมเพิ่มน้ำหนักตัว
เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่หากเรารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ก็จะมีส่วนเกินสะสมทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการให้น้ำหนักไม่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานให้มากขึ้น
ที่ผ่านมามีการควบคุมน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน ก็คือการฝึกควบคุมปริมาตรของกระเพาะอาหาร ซึ่งวิธีนี้ได้มาจากผลการศึกษาที่พบว่า กระเพาะอาหารของคนอ้วนมีความจุมากกว่าคนที่ไม่อ้วน และถ้าคนเราพยายามควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักตัวได้ระยะหนึ่ง ความจุของกระเพาะอาหารมักจะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ก็เลยเป็นที่มาของวิธีควบคุมกระเพาะอาหาร เพื่อการลดน้ำหนักระยะยาวที่ได้ผล
ลดปริมาณอาหารที่กินในแต่ละมื้อให้น้อยลง
วิธีนี้เป็นการลดความอ้วนทางเลือกที่ทำไม่ยาก แต่ไม่ค่อยถูกพูดถึง เพียงลดปริมาณอาหารต่อมื้อ เพื่อฝึกกระเพาะอาหารให้มีปริมาตรลดลง ทั้งยังช่วยลดการสร้างน้ำย่อยซึ่งกระตุ้นให้อยากอาหารน้อยลง ร่วมกับการเคี้ยวอาหารช้า ๆ นอกจากจะช่วยลดภาระการทำงานของกระเพาะแล้ว ยังทำให้ทางเดินอาหารมีเวลาส่งสัญญาณไปที่สมอง จึงรู้สึกอิ่มและกินอาหารได้น้อยลง ฝึกเช่นนี้ต่อเนื่องราว ๆ 2 สัปดาห์ จะรู้สึกชินกับการบริโภคปริมาณน้อย ๆ และทำให้น้ำหนักลดลงได้ถึง 3 กิโลกรัม ต่อเดือน แถมยังมีความสุขกับอาหารที่ชอบได้โดยไม่ต้องอดให้ทรมาน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่สูง โดยเฉพาะอาหารที่ผ่านการทอด
ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เราทานแต่ละวันสำหรับคนทั่วไป สำหรับผู้หญิงควรอยู่ที่ 1600 แคลอรี่ (kcal) และสำหรับผู้ชายควรอยู่ที่ 2000 แคลอรี่ (kcal ) เพราะแม้ว่าเราจะลดปริมาณอาหารลงแล้ว แต่เราเกิดทานอาหารที่มีพลังงานแคลอรี่มากเกินความต้องการของร่างกาย ก็ทำให้น้ำหนักขึ้นได้เช่นกัน โดยมีการคำนวณออกมาแล้วว่า ถ้ามีพลังงานส่วนเกินสะสมถึง 7,000 กิโลแคลอรี่ ก็จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องระวังไว้ในบางคน ที่แม้จะเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูง กินแต่พืชผักที่มีพลังงานน้อยหรือน้ำเปล่าหลาย ๆ แก้ว ซึ่งไม่มีพลังงานเลย แต่กลับกินจนอิ่มแน่นกระเพาะ นี่อาจส่งผลเสียได้ เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารปรับตัว สร้างน้ำย่อยตามออกมามากขึ้น ทำให้หิวโหยง่ายขึ้น ในตอนค่ำหรือวันต่อมา ดังนั้นจึงไม่ควรกินอาหารอิ่มแน่นกระเพาะอาหารขยายมากเกินไป
วิธีนี้เป็นการลดความอ้วนทางเลือกที่ทำไม่ยาก แต่ไม่ค่อยถูกพูดถึง เพียงลดปริมาณอาหารต่อมื้อ เพื่อฝึกกระเพาะอาหารให้มีปริมาตรลดลง ทั้งยังช่วยลดการสร้างน้ำย่อยซึ่งกระตุ้นให้อยากอาหารน้อยลง ร่วมกับการเคี้ยวอาหารช้า ๆ นอกจากจะช่วยลดภาระการทำงานของกระเพาะแล้ว ยังทำให้ทางเดินอาหารมีเวลาส่งสัญญาณไปที่สมอง จึงรู้สึกอิ่มและกินอาหารได้น้อยลง ฝึกเช่นนี้ต่อเนื่องราว ๆ 2 สัปดาห์ จะรู้สึกชินกับการบริโภคปริมาณน้อย ๆ และทำให้น้ำหนักลดลงได้ถึง 3 กิโลกรัม ต่อเดือน แถมยังมีความสุขกับอาหารที่ชอบได้โดยไม่ต้องอดให้ทรมาน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่สูง โดยเฉพาะอาหารที่ผ่านการทอด
ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เราทานแต่ละวันสำหรับคนทั่วไป สำหรับผู้หญิงควรอยู่ที่ 1600 แคลอรี่ (kcal) และสำหรับผู้ชายควรอยู่ที่ 2000 แคลอรี่ (kcal ) เพราะแม้ว่าเราจะลดปริมาณอาหารลงแล้ว แต่เราเกิดทานอาหารที่มีพลังงานแคลอรี่มากเกินความต้องการของร่างกาย ก็ทำให้น้ำหนักขึ้นได้เช่นกัน โดยมีการคำนวณออกมาแล้วว่า ถ้ามีพลังงานส่วนเกินสะสมถึง 7,000 กิโลแคลอรี่ ก็จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องระวังไว้ในบางคน ที่แม้จะเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูง กินแต่พืชผักที่มีพลังงานน้อยหรือน้ำเปล่าหลาย ๆ แก้ว ซึ่งไม่มีพลังงานเลย แต่กลับกินจนอิ่มแน่นกระเพาะ นี่อาจส่งผลเสียได้ เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารปรับตัว สร้างน้ำย่อยตามออกมามากขึ้น ทำให้หิวโหยง่ายขึ้น ในตอนค่ำหรือวันต่อมา ดังนั้นจึงไม่ควรกินอาหารอิ่มแน่นกระเพาะอาหารขยายมากเกินไป
เคี้ยวอาหารแต่ละคำให้ช้า ๆ และเคี้ยวนานให้ละเอียด
การเคี้ยวให้ช้าลงมีผลต่อการทำงานของสมองในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากไปช่วยกระตุ้นให้ "ต่อมน้ำลาย" และ "ต่อมใต้หู" หลั่งฮอร์โมนออกมา นอกจากนั้น ยังช่วยกระตุ้นพลังแห่งการขบคิดและสมาธิ ผลที่ตามมาก็คือ สุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาว
ประโยชน์จากการเคี้ยวอาหารให้ช้าลง นั้นคือช่วยให้ระบบย่อยทำงานน้อยลง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มาก อีกทั้งช่วยลดการอยากอาหารประเภทเนื้อ ช่วยลดความอ้วนได้ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำที่มากเกินความจำเป็นดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
การฝึกควบคุมกระเพาะอาหาร นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากค่ะ แต่จะต้องค่อยเป็นค่อยไป และต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ถึงจะได้ผลดีในระยะยาว
ทั้งนี้วิธีการลดความอ้วนด้วยการควบคุมกระเพาะอาหารนี้ อาจไม่ได้ผลดีเท่ากับการผ่าตัดเพื่อลดขนาด กระเพาะอาหารหรือการผ่าตัดใส่บอลลูนเข้าไปภายในกระเพาะเพื่อขัดขวางพื้นที่ของกระเพาะไม่ให้บรรจุอาหารได้มากดังเดิม แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า ไม่ต้องเจ็บตัวในการทำผ่าตัด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือ เราสามารถยิ้มได้อย่างภาคภูมิในผลสำเร็จของการลดน้ำหนักที่จะเกิดขึ้นด้วย ความตั้งใจของตัวเอง
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/khardy31/beyond-diet-recipes/
No comments:
Post a Comment