Monday, December 7, 2015

6 วิธีกินโยเกิร์ตแบบผิด ๆ ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ ถึงไม่ผอมสักที !




โยเกิร์ต ของดีเพื่อสุขภาพที่เขาว่าช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ถ้าเลือกกินแบบผิด ๆ บอกเลยว่าไม่ทางผอมแน่นอน

          ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อาหารที่หลาย ๆ คนนึกถึงเมื่อเข้าสู่ช่วงลดน้ำหนัก นอกจากบรรดาผัก และผลไม้ ก็คือ โยเกิร์ต เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยโปรตีน ก็ยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายอีกด้วย บางคนนี่แทบจะรับประทานโยเกิร์ตแทนขนมจุบจิบที่เคยกินอยู่บ่อย ๆ เลยก็ว่าได้ แล้วเคยสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมเราก็กินโยเกิร์ตก็แล้ว ลดแป้ง ลดน้ำตาลก็แล้ว แถมเน้นผักกับผลไม้ แต่ทำไมยังอ้วนอยู่ล่ะ หรือไม่แทนที่น้ำหนักจะลงก็กลับเพิ่มขึ้นเสียอีก บอกได้เลยค่ะว่าต้องเกิดข้อผิดพลาดอะไรบางอย่างแน่นอน วันนี้เราเลยขอหยิบเอาข้อผิดพลาดและความเข้าใจผิด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานโยเกิร์ตมาฝาก ถ้าหากสิ่งที่คุณทำตรงกับข้อหนึ่งในนี้ละก็ แปลว่าเจ้าโยเกิร์ตนี่ล่ะที่เป็นสาเหตุทำให้คุณอ้วน !

1. ใส่ผลไม้เยอะเกินไป

          การรับประทานโยเกิร์ตกับผลไม้เป็นเมนูลดน้ำหนักที่ดี แต่ถ้าใส่ผลไม้มากเกินไปหรือเลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูงก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน ฉะนั้นถ้าคิดจะลดน้ำหนักควรใส่ผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะและเลือกผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง แคลอรีต่ำ อย่างเช่น แอปเปิล แต่ถ้าไม่กลัวอิ่มก็สามารถเสริมด้วยธัญพืชได้ อาทิ เมล็ดพืชต่าง ๆ เมล็ดเจีย หรือข้าวโอ๊ตอบแห้ง เท่านี้เมนูนี้ก็จะเฮลธ์ตี้พอที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้แล้ว

2. ให้ความสนใจกับปริมาณแคลอรีมากเกินไป

          การนับแคลอรีเป็นวิธีที่ช่วยให้เรากำหนดปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวันได้ แต่ก็อย่าลืมว่าอาหารบางชนิด หากรับประทานน้อยไปก็อาจจะทำให้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างเช่น โยเกิร์ตในปริมาณ 100 แคลอรีมีโปรตีนถึง 7 กรัม ขณะที่ร่างกายเราต้องการโปรตีนอย่างน้อย 12 - 15 กรัม ต่ออาหาร 1 มื้อ หากเรากินโยเกิร์ตน้อยเกินไปก็จะได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ ทำให้ไม่อิ่มอยู่ท้องและหิวเร็วกว่าปกติจนต้องหันมากินจุบจิบอีก แล้วแบบนี้จะผอมได้ยังไงกันล่ะ

3. รับประทานมากเกินไป

          หลายคนพอลดน้ำหนักก็ใช้เจ้าโยเกิร์ตนี่ล่ะเป็นของว่างบรรเทาความหิวระหว่างวันแทนขนมจุบจิบต่าง ๆ แต่อย่าลืมว่าโยเกิร์ตก็มีน้ำตาล อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์จากนม หากกินมากเกินไปก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน ฉะนั้นกินในปริมาณที่พอเหมาะและเสริมด้วยผลไม้สดที่มีไฟเบอร์สูง จะอยู่ท้อง ไม่หิวง่ายระหว่างวันค่ะ

4. นำโยเกิร์ตไปแช่แข็งก่อนทาน

          โยเกิร์ต เป็นแหล่งอุดมเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การรับประทานโยเกิร์ตแบบแช่แข็งเพราะคิดว่าอร่อยกว่านั้น ประโยชน์ที่จะได้รับต่างกับโยเกิร์ตที่แช่เย็นธรรมดาเยอะเลยล่ะ เพราะจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านั้นไม่สามารถทนทานกับความเย็นในช่องแช่แข็งได้ และในที่สุดโยเกิร์ตถ้วยนั้นก็จะมีค่าแค่เพียงของหวานธรรมดาที่แทบไม่มีคุณค่าอาหารใด ๆ กินเข้าไปก็มีแต่อ้วนอย่างแน่นอน

5. เลือกกินแบบไม่มีไขมันหรือไขมันต่ำ

          โยเกิร์ตที่มีไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันนั้นมองผิวเผินแล้วอาจจะเหมือนดีกับสุขภาพและช่วยลดน้ำหนักได้ แต่รู้หรือไม่ว่าโยเกิร์ตชนิดนี้แม้ไม่มีไขมัน แต่ผู้ผลิตจะไปเพิ่มในส่วนของน้ำตาลแทน เพื่อให้รสชาติดียิ่งขึ้น และคงพอจะเดาได้ใช่ไหมคะว่าถ้าเรารับประทานเข้าไปมาก ความอ้วนก็ยังตามติดมาแบบไม่ต้องสงสัย ดังนั้นหันมารับประทานโยเกิร์ตแบบปกติกันดีกว่านะ ได้ประโยชน์พอ ๆ กัน แถมไม่ต้องกลัวเรื่องน้ำตาลอีกด้วย

6. ไม่ยอมกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติ

           จริงอยู่ที่โยเกิร์ตรสธรรมชาติอาจจะจืดชืดไปเสียหน่อย และโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมอื่นก็อร่อยกว่าเยอะ แต่อย่าลืมนะคะว่าเจ้าโยเกิร์ตที่มีการปรุงแต่งรสหรือเติมส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มลงไป สามารถทำให้อ้วนได้ โดยเฉพาะรสผลไม้ที่สวนใหญ่มักจะผสมผลไม้เชื่อมหวาน ๆ ถ้าคิดจะลดน้ำหนักจริง ๆ ก็ควรจะเปลี่ยนมากินโยเกิร์ตรสธรรมชาติแล้วเติมผลไม้สด ๆ ลงไปแทนดีกว่านะ

           ทุกข้อที่ว่ามานี้มีใครที่กำลังทำตามนี้อยู่หรือเปล่า รีบเปลี่ยนเลยนะคะ เพราะนั่นแสดงว่าคุณกำลังรับประทานโยเกิร์ตเพื่อลดน้ำหนักแบบผิด ๆ อยู่ และถ้าอยากให้การลดน้ำหนักได้ผลดี ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพก็อย่าพึ่งโยเกิร์ตเพียงอย่างเดียว ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การลดน้ำหนักนั้นก็จะได้ประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอนค่ะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
womenshealthmag.com
mevolife.com
http://health.kapook.com/view135902.html

No comments:

Post a Comment