วิธีป้องกันไข้หวัด
จดแล้วจำให้ขึ้นใจ ไม่อยากป่วยให้หงุดหงิดใจต้องทำตามนี้
พอ อากาศเริ่มจะเปลี่ยน โรคภัยไข้เจ็บที่รีบมาทักทายเราอย่างไม่รอช้าก็คงจะหนีไม่พ้นอาการไข้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ หรือที่เราเรียกรวม ๆ กันว่าโรคไข้หวัด ทำให้หลาย ๆ คนต้องเริ่มดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ไข้หวัดมาคุกคาม แต่เพราะเดี๋ยวนี้เชื้อโรคที่รายล้อมรอบตัวร้ายกว่าเมื่อก่อน แค่เพียงการดื่มน้ำมาก ๆ หรือพักผ่อนให้เพียงพอก็อาจจะยังไม่ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้ดีพอ ถ้างั้นลองมาศึกษาวิธีป้องกันไข้หวัดที่เราหยิบมาแนะนำกันอีกหน่อย จะได้อุ่นใจกันมากขึ้น
พอ อากาศเริ่มจะเปลี่ยน โรคภัยไข้เจ็บที่รีบมาทักทายเราอย่างไม่รอช้าก็คงจะหนีไม่พ้นอาการไข้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ หรือที่เราเรียกรวม ๆ กันว่าโรคไข้หวัด ทำให้หลาย ๆ คนต้องเริ่มดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ไข้หวัดมาคุกคาม แต่เพราะเดี๋ยวนี้เชื้อโรคที่รายล้อมรอบตัวร้ายกว่าเมื่อก่อน แค่เพียงการดื่มน้ำมาก ๆ หรือพักผ่อนให้เพียงพอก็อาจจะยังไม่ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้ดีพอ ถ้างั้นลองมาศึกษาวิธีป้องกันไข้หวัดที่เราหยิบมาแนะนำกันอีกหน่อย จะได้อุ่นใจกันมากขึ้น
1. ดื่มน้ำผักหรือผลไม้คั้นสด
การดื่มน้ำเปล่าสามารถชะล้างสารพิษและเชื้อโรคในร่างกายออกไปได้ แต่ถ้าอยากให้ได้ประโยชน์มากขึ้น การดื่มน้ำผักผลไม้คั้นสด ๆ ก็เป็นอีกวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะได้คุณค่าทางสารอาหารที่เต็มเปี่ยมแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย แค่ตื่นเช้ามาคั้นน้ำผักผลไม้ อาทิ ผักใบเขียว แอปเปิล แตงกวา แครอท หรือน้ำมะนาวดื่มสด ๆ สักแก้วก่อนเริ่มรับประทานอาหารเช้าในทุก ๆ วัน เท่านี้ก็ป้องกันไข้หวัดได้แล้วล่ะ
2. นวดอย่างน้อยเดือนละครั้ง
การนวดไม่ได้ทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของกลไกในร่างกาย ทำให้เซลล์ในร่างกายจะได้รับออกซิเจนมากขึ้น ช่วยลดภาวะความเครียดในร่างกาย และเมื่อความเครียดลดลงก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น คราวนี้สุขภาพก็จะแข็งแรง ใครไม่เคยนวดก็ลองดูนะคะ
การดื่มน้ำเปล่าสามารถชะล้างสารพิษและเชื้อโรคในร่างกายออกไปได้ แต่ถ้าอยากให้ได้ประโยชน์มากขึ้น การดื่มน้ำผักผลไม้คั้นสด ๆ ก็เป็นอีกวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะได้คุณค่าทางสารอาหารที่เต็มเปี่ยมแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย แค่ตื่นเช้ามาคั้นน้ำผักผลไม้ อาทิ ผักใบเขียว แอปเปิล แตงกวา แครอท หรือน้ำมะนาวดื่มสด ๆ สักแก้วก่อนเริ่มรับประทานอาหารเช้าในทุก ๆ วัน เท่านี้ก็ป้องกันไข้หวัดได้แล้วล่ะ
2. นวดอย่างน้อยเดือนละครั้ง
การนวดไม่ได้ทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของกลไกในร่างกาย ทำให้เซลล์ในร่างกายจะได้รับออกซิเจนมากขึ้น ช่วยลดภาวะความเครียดในร่างกาย และเมื่อความเครียดลดลงก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น คราวนี้สุขภาพก็จะแข็งแรง ใครไม่เคยนวดก็ลองดูนะคะ
3. จิบชา
นายแพทย์ Murray Grossan ผู้เชี่ยวชาญทางด้านหู ตา คอ จมูก แห่งโรงพยาบาล Cedars-Sinai ในเมืองลอสแองเจลลิส เปิดเผยว่า การจิบชาดำหรือชาเขียวผสมมะนาวหรือเลมอนและน้ำผึ้งนั้น สามารถช่วยป้องกันหวัดได้อย่างดีเยี่ยม นั่นเป็นเพราะว่าไอน้ำที่ระเหยจากชาร้อน ๆ สามารถกระตุ้นรูขุมขนในจมูก ทำให้ขนจมูกทำหน้าที่ในการดักเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมะนาวและน้ำผึ้งก็ยังช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อาจกระตุ้นให้เกิด ไข้หวัดได้ดียิ่งขึ้น รู้อย่างนี้แล้วใครชอบดื่มเครื่องดื่มร้อนอยู่แล้วเปลี่ยนจากที่คุณดื่ม ประจำมาจิบชาดูดีกว่าเนอะ
4. ล้างมือบ่อย ๆ
การล้างมือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันไข้หวัด เพราะในแต่ละวันมือของเราต้องสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย และเจ้าเชื้อโรคเหล่านั้นก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้เพียงแค่เรานำมือที่ เปื้อนเชื้อโรคมาสัมผัสกับใบหน้า ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดตอนเชื้อโรคเหล่านั้น เราจึงควรล้างมือบ่อย ๆ โดยควรล้างมือทุกครั้งก่อนที่จะหยิบจับของเข้าปากหรือต้องนำมือมาสัมผัสกับ ใบหน้าค่ะ
นายแพทย์ Murray Grossan ผู้เชี่ยวชาญทางด้านหู ตา คอ จมูก แห่งโรงพยาบาล Cedars-Sinai ในเมืองลอสแองเจลลิส เปิดเผยว่า การจิบชาดำหรือชาเขียวผสมมะนาวหรือเลมอนและน้ำผึ้งนั้น สามารถช่วยป้องกันหวัดได้อย่างดีเยี่ยม นั่นเป็นเพราะว่าไอน้ำที่ระเหยจากชาร้อน ๆ สามารถกระตุ้นรูขุมขนในจมูก ทำให้ขนจมูกทำหน้าที่ในการดักเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมะนาวและน้ำผึ้งก็ยังช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อาจกระตุ้นให้เกิด ไข้หวัดได้ดียิ่งขึ้น รู้อย่างนี้แล้วใครชอบดื่มเครื่องดื่มร้อนอยู่แล้วเปลี่ยนจากที่คุณดื่ม ประจำมาจิบชาดูดีกว่าเนอะ
4. ล้างมือบ่อย ๆ
การล้างมือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันไข้หวัด เพราะในแต่ละวันมือของเราต้องสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย และเจ้าเชื้อโรคเหล่านั้นก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้เพียงแค่เรานำมือที่ เปื้อนเชื้อโรคมาสัมผัสกับใบหน้า ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดตอนเชื้อโรคเหล่านั้น เราจึงควรล้างมือบ่อย ๆ โดยควรล้างมือทุกครั้งก่อนที่จะหยิบจับของเข้าปากหรือต้องนำมือมาสัมผัสกับ ใบหน้าค่ะ
5. นอนหลับให้เพียงพอ
ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หากร่างกายของเราได้รับการพัก ผ่อนที่เพียงพอ อีกทั้งในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายของเราก็จะมีการซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรออีกด้วย ไม่อยากจะป่วยเป็นไข้หวัด ต้องนอนหลับให้เพียงพอเลยนะ อย่างน้อยก็วันละ 7-8 ชั่วโมง อย่าชะล่าใจรอให้ป่วยแล้วมานอนพักผ่อนแบบนั้นไม่คุ้มกันเลยล่ะค่ะ
ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หากร่างกายของเราได้รับการพัก ผ่อนที่เพียงพอ อีกทั้งในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายของเราก็จะมีการซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรออีกด้วย ไม่อยากจะป่วยเป็นไข้หวัด ต้องนอนหลับให้เพียงพอเลยนะ อย่างน้อยก็วันละ 7-8 ชั่วโมง อย่าชะล่าใจรอให้ป่วยแล้วมานอนพักผ่อนแบบนั้นไม่คุ้มกันเลยล่ะค่ะ
6. รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์
โปรไบโอติกส์เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อร่างกาย และช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีซึ่งอาจเข้ามาโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของ ร่างกายจนทำให้ป่วยได้ง่าย การรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ให้มากขึ้นก็เหมือนกับการสร้างเกราะคุ้ม กันเชื้อโรคไข้หวัดให้กับร่างกายนั่นเอง ฉะนั้นนอกจากจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ แล้ว ก็อย่าลืมเสริมด้วยอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวนะตะ จะได้ไม่ต้องกลัวไข้หวัดกันอีกต่อไป
7. สวมถุงเท้าเป็นประจำ
หลายคนมักจะคิดว่าการสวมถุงเท้าเป็นประจำนั้นน่าอึดอัด แต่ขอบอกเลยว่าเท้าเย็น ๆ นั่นแหละที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดได้เหมือนกัน เนื่องจากการสวมถุงเท้าเป็นการรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่และอบอุ่นอยู่ เสมอ และทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเป็นปกติ ยิ่งถ้าใครต้องอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น ๆ ตลอดเวลา ก็ควรจะสวมถุงเท้าไว้ตลอดเลยจะดีที่สุด
โปรไบโอติกส์เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อร่างกาย และช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีซึ่งอาจเข้ามาโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของ ร่างกายจนทำให้ป่วยได้ง่าย การรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ให้มากขึ้นก็เหมือนกับการสร้างเกราะคุ้ม กันเชื้อโรคไข้หวัดให้กับร่างกายนั่นเอง ฉะนั้นนอกจากจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ แล้ว ก็อย่าลืมเสริมด้วยอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวนะตะ จะได้ไม่ต้องกลัวไข้หวัดกันอีกต่อไป
7. สวมถุงเท้าเป็นประจำ
หลายคนมักจะคิดว่าการสวมถุงเท้าเป็นประจำนั้นน่าอึดอัด แต่ขอบอกเลยว่าเท้าเย็น ๆ นั่นแหละที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดได้เหมือนกัน เนื่องจากการสวมถุงเท้าเป็นการรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่และอบอุ่นอยู่ เสมอ และทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเป็นปกติ ยิ่งถ้าใครต้องอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น ๆ ตลอดเวลา ก็ควรจะสวมถุงเท้าไว้ตลอดเลยจะดีที่สุด
8. ห้ามขาดมื้อเช้า
การ ศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Maastricht ในประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า การรับประทานอาหารเช้าไม่เพียงแต่มีผลดีอย่างที่เราทราบ ๆ กันเท่านั้น แต่การกินมื้อเช้ายังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารเคมีบางชนิดที่ช่วย ป้องกันเชื้อไวรัสและการติดเชื้อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ถ้าไม่อยากเป็นไข้หวัดก็แค่กินมื้อเช้าให้เป็นนิสัย เท่านี้ก็ลดความเสี่ยงโรคภัยไข้เจ็บได้แล้วล่ะ
9. รับประทานโปรตีนให้มากขึ้น
การศึกษาจากองค์กรการวิจัยของไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่รับประทานอาหารที่มีโปรตีนต่ำ ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ด้อยประสิทธิภาพกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มี โปรตีนอย่างเพียงพอ ถ้าไม่อยากจะเป็นไข้หวัดละก็ กินโปรตีนให้มากขึ้นดีกว่านะ
10. เสริมสังกะสีให้มากขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วอาการที่มักจะมาเตือนให้เรารู้ตัวว่าเรากำลังจะเป็นหวัดก็ได้แก่ อาการไอ หรืออาการจาม ซึ่งถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้แล้วก็อย่าคิดว่าเราจะต้องเป็นหวัดแน่ ๆ เพราะเราสามารถป้องกันไม่ให้อาการหนักขึ้นจนเป็นหวัดได้ด้วยการรับประทาน อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีให้มากขึ้น หรือไม่ก็รับประทานอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุตัวนี้ก็ได้ แค่เพียงไม่กี่วันอาการไอหรือจามจะดีขึ้นเป็นปลิดทิ้ง เท่านี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องจะเป็นไข้หวัดแล้ว
การ ศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Maastricht ในประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า การรับประทานอาหารเช้าไม่เพียงแต่มีผลดีอย่างที่เราทราบ ๆ กันเท่านั้น แต่การกินมื้อเช้ายังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารเคมีบางชนิดที่ช่วย ป้องกันเชื้อไวรัสและการติดเชื้อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ถ้าไม่อยากเป็นไข้หวัดก็แค่กินมื้อเช้าให้เป็นนิสัย เท่านี้ก็ลดความเสี่ยงโรคภัยไข้เจ็บได้แล้วล่ะ
9. รับประทานโปรตีนให้มากขึ้น
การศึกษาจากองค์กรการวิจัยของไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่รับประทานอาหารที่มีโปรตีนต่ำ ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ด้อยประสิทธิภาพกว่าคนที่รับประทานอาหารที่มี โปรตีนอย่างเพียงพอ ถ้าไม่อยากจะเป็นไข้หวัดละก็ กินโปรตีนให้มากขึ้นดีกว่านะ
10. เสริมสังกะสีให้มากขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วอาการที่มักจะมาเตือนให้เรารู้ตัวว่าเรากำลังจะเป็นหวัดก็ได้แก่ อาการไอ หรืออาการจาม ซึ่งถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้แล้วก็อย่าคิดว่าเราจะต้องเป็นหวัดแน่ ๆ เพราะเราสามารถป้องกันไม่ให้อาการหนักขึ้นจนเป็นหวัดได้ด้วยการรับประทาน อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีให้มากขึ้น หรือไม่ก็รับประทานอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุตัวนี้ก็ได้ แค่เพียงไม่กี่วันอาการไอหรือจามจะดีขึ้นเป็นปลิดทิ้ง เท่านี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องจะเป็นไข้หวัดแล้ว
11. อารมณ์ดีอยู่เสมอ
ใครว่าสภาพจิตใจป้องกันโรคภัยไม่ได้ละก็ คิดใหม่เลยค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วการมีสุขภาพจิตที่ดี ร่าเริงแจ่มใส ไม่เครียด ไม่คิดมากหรือวิตกกังวล จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลังสารเอ็นดอร์ฟินที่จะไปเสริมสร้างการทำงานของ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ใครที่เอาแต่เคร่งเครียดตลอดทั้งวัน หาเวลาผ่อนคลายให้จิตใจแจ่มใสกันดีกว่าจะได้ไม่ป่วยง่าย ๆ เนอะ
12. ทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ
หน้า จอสมาร์ทโฟนที่เราใช้กันประหนึ่งเหมือนอวัยวะที่ 33 นี้ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่น่ากลัวมากเลยล่ะค่ะ และเชื่อหรือไม่ว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเรามีเชื้อโรคอยู่รวมกันมากเสียยิ่ง กว่าในโถชักโครกซะอีก แค่นี้ก็รู้สึกสยองแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เชื้อโรคเหล่านี้มาทำให้คุณป่วย หมั่นเช็ดทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์บ่อย ๆ ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ดีกว่านะ ฆ่าเชื้อโรคให้สิ้นเพื่อสุขภาพที่ดีของเราค่ะ
ใครว่าสภาพจิตใจป้องกันโรคภัยไม่ได้ละก็ คิดใหม่เลยค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วการมีสุขภาพจิตที่ดี ร่าเริงแจ่มใส ไม่เครียด ไม่คิดมากหรือวิตกกังวล จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลังสารเอ็นดอร์ฟินที่จะไปเสริมสร้างการทำงานของ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ใครที่เอาแต่เคร่งเครียดตลอดทั้งวัน หาเวลาผ่อนคลายให้จิตใจแจ่มใสกันดีกว่าจะได้ไม่ป่วยง่าย ๆ เนอะ
12. ทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ
หน้า จอสมาร์ทโฟนที่เราใช้กันประหนึ่งเหมือนอวัยวะที่ 33 นี้ เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่น่ากลัวมากเลยล่ะค่ะ และเชื่อหรือไม่ว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเรามีเชื้อโรคอยู่รวมกันมากเสียยิ่ง กว่าในโถชักโครกซะอีก แค่นี้ก็รู้สึกสยองแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เชื้อโรคเหล่านี้มาทำให้คุณป่วย หมั่นเช็ดทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์บ่อย ๆ ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ดีกว่านะ ฆ่าเชื้อโรคให้สิ้นเพื่อสุขภาพที่ดีของเราค่ะ
13. รับประทานกระเทียม
กระเทียมมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคที่ทรงประสิทธิภาพ แถมยังช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย มีการศึกษาไม่น้อยที่พบว่าการรับประทานกระเทียมทุกวันจะช่วยป้องกันเราจาก โรคไข้หวัดได้ และไม่จำเป็นต้องนำมารับประทานสด ๆ ก็ได้ แค่เพียงเติมกระเทียมลงไปในอาหารสักหน่อยก็ช่วยป้องกันไข้หวัดได้แล้ว หรือหากใครไม่มีปัญหากับการรับประทานกระเทียมสด ก็จัดสด ๆ ไปเลยยิ่งดี
14. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
การ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักสามารถมีผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบภูมิ คุ้มกัน ส่งผลให้เกิดการอักเสบขึ้นในร่างกายได้ง่ายกว่าปกติ อีกทั้งยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้อีกด้วย นี่ยังไม่รวมถึงผลเสียจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ ที่เราทราบกันดีอยู่แล้วอีกด้วยนะ ถ้าเลิกดื่มได้ไม่เพียงแค่จะเลี่ยงไข้หวัดได้ แต่ยังเลี่ยงความเสี่ยงโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย
15. ล้างจมูกทุกวัน
อย่าคิดว่าต้องเป็นหวัดก่อนถึงค่อยล้างจมูก เพราะจริง ๆ แล้ว การล้างจมูกอย่างน้อยวันละครั้งสามารถป้องกันโรคไข้หวัด และโรคในระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้ เพราะน้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างจมูกจะเข้าไปชะล้างเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในจมูก ให้ออกไป ซึ่งในปัจจุบันนำเกลือสำหรับล้างจมูกก็มีให้เลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ แต่ถ้าไม่อยากซื้อ ก็เพียงนำเกลือไม่มีไอโอดีน 3 ช้อนชา ผสมกับเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาและน้ำอุ่น 1 ถ้วยก็จะได้น้ำเกลือล้างจมูกแล้วล่ะ
16. เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซี
ชื่อนี้แค่ได้ยินก็รู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าช่วยป้องกันไข้หวัดได้แน่ และอย่างที่เราเคยรู้กันมาว่าการรับประทานวิตามินซีเยอะ ๆ จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะวิตามินซีจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ตัวช่วยให้ร่างกายสามารถรับมือกับเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกายได้
นอกจากนี้วิตามินซียังป้องกันการอักเสบที่อาจจะเกิดขึ้นในร่างกายได้อีกด้วย แค่เพียงเสริมอาหารที่มีวิตามินซีมากขึ้นอีกหน่อย หรือรับประทานวิตามินซีแบบอาหารเสริมเป็นประจำ ก็ไม่ต้องกลัวไข้หวัดอีกต่อไป
กระเทียมมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคที่ทรงประสิทธิภาพ แถมยังช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย มีการศึกษาไม่น้อยที่พบว่าการรับประทานกระเทียมทุกวันจะช่วยป้องกันเราจาก โรคไข้หวัดได้ และไม่จำเป็นต้องนำมารับประทานสด ๆ ก็ได้ แค่เพียงเติมกระเทียมลงไปในอาหารสักหน่อยก็ช่วยป้องกันไข้หวัดได้แล้ว หรือหากใครไม่มีปัญหากับการรับประทานกระเทียมสด ก็จัดสด ๆ ไปเลยยิ่งดี
14. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
การ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักสามารถมีผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบภูมิ คุ้มกัน ส่งผลให้เกิดการอักเสบขึ้นในร่างกายได้ง่ายกว่าปกติ อีกทั้งยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้อีกด้วย นี่ยังไม่รวมถึงผลเสียจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ ที่เราทราบกันดีอยู่แล้วอีกด้วยนะ ถ้าเลิกดื่มได้ไม่เพียงแค่จะเลี่ยงไข้หวัดได้ แต่ยังเลี่ยงความเสี่ยงโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย
15. ล้างจมูกทุกวัน
อย่าคิดว่าต้องเป็นหวัดก่อนถึงค่อยล้างจมูก เพราะจริง ๆ แล้ว การล้างจมูกอย่างน้อยวันละครั้งสามารถป้องกันโรคไข้หวัด และโรคในระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้ เพราะน้ำเกลือที่ใช้สำหรับล้างจมูกจะเข้าไปชะล้างเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในจมูก ให้ออกไป ซึ่งในปัจจุบันนำเกลือสำหรับล้างจมูกก็มีให้เลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ แต่ถ้าไม่อยากซื้อ ก็เพียงนำเกลือไม่มีไอโอดีน 3 ช้อนชา ผสมกับเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาและน้ำอุ่น 1 ถ้วยก็จะได้น้ำเกลือล้างจมูกแล้วล่ะ
16. เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซี
ชื่อนี้แค่ได้ยินก็รู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าช่วยป้องกันไข้หวัดได้แน่ และอย่างที่เราเคยรู้กันมาว่าการรับประทานวิตามินซีเยอะ ๆ จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะวิตามินซีจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ตัวช่วยให้ร่างกายสามารถรับมือกับเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกายได้
นอกจากนี้วิตามินซียังป้องกันการอักเสบที่อาจจะเกิดขึ้นในร่างกายได้อีกด้วย แค่เพียงเสริมอาหารที่มีวิตามินซีมากขึ้นอีกหน่อย หรือรับประทานวิตามินซีแบบอาหารเสริมเป็นประจำ ก็ไม่ต้องกลัวไข้หวัดอีกต่อไป
17. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วย
สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมก็คือโรคไข้หวัดนั้นติดต่อกันได้ง่าย การไอ หรือจามรดกันก็อาจทำให้ป่วยได้แล้ว ดังนั้นหากมีคนใกล้ชิดกำลังป่วยด้วยโรคไข้หวัดก็ควรจะอยู่ห่าง ๆ จนกว่าเขาจะหายดีกว่า และอย่าลืมใช้หน้ากากอนามัยด้วยนะคะ ผู้ป่วยก็เช่นกัน ควรสวมหน้ากากอนามัย และไม่ควรใช้มือปิดปากขณะที่ไอหรือจาม เพราะนั่นอาจเป็นการแพร่เชื้อไข้หวัดได้โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งยังควรเลี่ยงการใช้ของใช้บางอย่างร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ถ้าต้องรับประทานอาหารร่วมกันก็ควรใช้ช้อนกลางดีกว่านะคะ
18. ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน
สำหรับคนทำงาน เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าโต๊ะทำงานของเราที่เต็มไปด้วยข้าวของนี่ล่ะที่เป็น สาเหตุของอาการป่วยได้ การทำความสะอาดโต๊ะทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สามารถช่วยขจัดบรรดาเชื้อโรคต่าง ๆ ให้ออกไปได้ ใครที่ไม่ค่อยทำความสะอาดโต๊ะทำงาน รีบหาเวลาว่างจัดโต๊ะใหม่ แล้วเช็ดให้สะอาดเดี๋ยวนี้เลย
สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมก็คือโรคไข้หวัดนั้นติดต่อกันได้ง่าย การไอ หรือจามรดกันก็อาจทำให้ป่วยได้แล้ว ดังนั้นหากมีคนใกล้ชิดกำลังป่วยด้วยโรคไข้หวัดก็ควรจะอยู่ห่าง ๆ จนกว่าเขาจะหายดีกว่า และอย่าลืมใช้หน้ากากอนามัยด้วยนะคะ ผู้ป่วยก็เช่นกัน ควรสวมหน้ากากอนามัย และไม่ควรใช้มือปิดปากขณะที่ไอหรือจาม เพราะนั่นอาจเป็นการแพร่เชื้อไข้หวัดได้โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งยังควรเลี่ยงการใช้ของใช้บางอย่างร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ถ้าต้องรับประทานอาหารร่วมกันก็ควรใช้ช้อนกลางดีกว่านะคะ
18. ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน
สำหรับคนทำงาน เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าโต๊ะทำงานของเราที่เต็มไปด้วยข้าวของนี่ล่ะที่เป็น สาเหตุของอาการป่วยได้ การทำความสะอาดโต๊ะทำงานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สามารถช่วยขจัดบรรดาเชื้อโรคต่าง ๆ ให้ออกไปได้ ใครที่ไม่ค่อยทำความสะอาดโต๊ะทำงาน รีบหาเวลาว่างจัดโต๊ะใหม่ แล้วเช็ดให้สะอาดเดี๋ยวนี้เลย
19. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยม และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายได้อีกด้วย อีกทั้ง เหงื่อที่ออกจากการออกกำลังกายก็ยังช่วยขับสารพิษหรือเชื้อโรคบางชนิดได้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเราจึงควรออกกำลังกาย แม้แต่คนป่วยที่ยังพอมีแรงก็ยังได้รับคำแนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อให้หายป่วยเร็วขึ้นเลยล่ะ ดังนั้นถ้าอยากสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลจากโรคไข้หวัด มาออกกำลังกายกันเถอะ
การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยม และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายได้อีกด้วย อีกทั้ง เหงื่อที่ออกจากการออกกำลังกายก็ยังช่วยขับสารพิษหรือเชื้อโรคบางชนิดได้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเราจึงควรออกกำลังกาย แม้แต่คนป่วยที่ยังพอมีแรงก็ยังได้รับคำแนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อให้หายป่วยเร็วขึ้นเลยล่ะ ดังนั้นถ้าอยากสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลจากโรคไข้หวัด มาออกกำลังกายกันเถอะ
20. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
ถ้า หากใช้วิธีที่ว่ามาทั้งหมดแล้วยังกลัวว่าตัวเองจะเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัด ใหญ่ละก็ การฉีดวัคซีนทุก ๆ ปี ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าวัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดได้ทุกสาย พันธุ์ จะช่วยแค่เพียงป้องกันไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่มีการระบาดในปีนั้น ๆ ได้ แต่อย่างน้อยกันเหนียวไว้หน่อยก็ยังดีนะ
โรค ไข้หวัดไม่ใช่โรคที่อันตรายหรือน่ากลัว แต่ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะเมื่อป่วยแล้วก็ทำให้เราอาจจะเสียการเรียนหรือการงานจากการต้องพักผ่อน กินยาให้อาการบรรเทาได้ ฉะนั้นก็ควรจะป้องกันไข้หวัดด้วยวิธีข้างต้นเหล่านี้น่าจะดีที่สุด กันไว้ย่อมดีกว่าแก้จริงไหมคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
everydayhealth.com
bodyecology.com
womansday.com
health.com
ถ้า หากใช้วิธีที่ว่ามาทั้งหมดแล้วยังกลัวว่าตัวเองจะเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัด ใหญ่ละก็ การฉีดวัคซีนทุก ๆ ปี ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าวัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดได้ทุกสาย พันธุ์ จะช่วยแค่เพียงป้องกันไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่มีการระบาดในปีนั้น ๆ ได้ แต่อย่างน้อยกันเหนียวไว้หน่อยก็ยังดีนะ
โรค ไข้หวัดไม่ใช่โรคที่อันตรายหรือน่ากลัว แต่ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะเมื่อป่วยแล้วก็ทำให้เราอาจจะเสียการเรียนหรือการงานจากการต้องพักผ่อน กินยาให้อาการบรรเทาได้ ฉะนั้นก็ควรจะป้องกันไข้หวัดด้วยวิธีข้างต้นเหล่านี้น่าจะดีที่สุด กันไว้ย่อมดีกว่าแก้จริงไหมคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
everydayhealth.com
bodyecology.com
womansday.com
health.com
http://health.kapook.com/view136430.html
No comments:
Post a Comment