รวมสิ่งของและอาหารต้องห้ามที่ไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟ
ไม่เช่นนั้นอาจโดนความร้อนทำร้ายจนเสียหายทั้งสุขภาพและทรัพย์สินเงินทองเป็นแน่
ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนคิดกันไปเองว่าไมโครเวฟช่วยอุ่นร้อนและทำให้อาหารสุกได้ทุกอย่างถือเป็น การเข้าใจผิดมหันต์ เพราะมีอาหารหรือสิ่งของบางอย่างเหมือนกันที่ไม่เหมาะกับการนำเข้าไปอบใน ไมโครเวฟ มิเช่นนั้นรังสีความร้อนจะทำปฏิกิริยาจนเกิดสารละลาย เผาไหม้หรือระเบิดก็เป็นได้ บางครั้งก็อาจทำให้คุณค่าของอาหารบางชนิดนั้นหายไป กระปุกดอทคอมเลยขอรวบรวมอาหารกับสิ่งของต้องห้ามที่ไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟมาบอกกันก่อนจะมีใครได้รับอันตราย
1. พริกเผ็ดร้อน
ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าพริกนั้นเผ็ดร้อนขนาดไหน หากนำไปอบในไมโครเวฟโดยตรงแล้วละก็ ตอนเปิดประตูไมโครเวฟไอร้อนก็จะพัดพาสารที่ให้ความเผ็ดร้อนในพริกกระจายออก มา และทำให้เกิดอาการแสบตา แสบคอ ถึงขั้นหายใจติดขัด หมดอารมณ์ทำกับข้าวต่อกันเลยทีเดียว
2. ชามอุ่นอาหารที่ไม่มีฝาปิด
อย่าคิดว่าอาหารที่นำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟจะออกมาหน้าตาสวยงามหากไม่มีฝาปิด ชาม โดยเฉพาะอาหารจำพวกที่มีน้ำเป็นส่วนผสม เช่น แกงต่าง ๆ หรือมีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศเยอะ ๆ เพราะเมื่ออาหารร้อนจัดก็จะประทุตัวออกจากชามและกระเด็นติดเต็มไมโครเวฟ หากไม่อยากตามล้างตามเช็ดไมโครเวฟทีหลังก็อย่าลืมปิดฝาภาชนะที่เอามาใส่ อาหารด้วยนะคะ
ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนคิดกันไปเองว่าไมโครเวฟช่วยอุ่นร้อนและทำให้อาหารสุกได้ทุกอย่างถือเป็น การเข้าใจผิดมหันต์ เพราะมีอาหารหรือสิ่งของบางอย่างเหมือนกันที่ไม่เหมาะกับการนำเข้าไปอบใน ไมโครเวฟ มิเช่นนั้นรังสีความร้อนจะทำปฏิกิริยาจนเกิดสารละลาย เผาไหม้หรือระเบิดก็เป็นได้ บางครั้งก็อาจทำให้คุณค่าของอาหารบางชนิดนั้นหายไป กระปุกดอทคอมเลยขอรวบรวมอาหารกับสิ่งของต้องห้ามที่ไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟมาบอกกันก่อนจะมีใครได้รับอันตราย
1. พริกเผ็ดร้อน
ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าพริกนั้นเผ็ดร้อนขนาดไหน หากนำไปอบในไมโครเวฟโดยตรงแล้วละก็ ตอนเปิดประตูไมโครเวฟไอร้อนก็จะพัดพาสารที่ให้ความเผ็ดร้อนในพริกกระจายออก มา และทำให้เกิดอาการแสบตา แสบคอ ถึงขั้นหายใจติดขัด หมดอารมณ์ทำกับข้าวต่อกันเลยทีเดียว
2. ชามอุ่นอาหารที่ไม่มีฝาปิด
อย่าคิดว่าอาหารที่นำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟจะออกมาหน้าตาสวยงามหากไม่มีฝาปิด ชาม โดยเฉพาะอาหารจำพวกที่มีน้ำเป็นส่วนผสม เช่น แกงต่าง ๆ หรือมีส่วนผสมของซอสมะเขือเทศเยอะ ๆ เพราะเมื่ออาหารร้อนจัดก็จะประทุตัวออกจากชามและกระเด็นติดเต็มไมโครเวฟ หากไม่อยากตามล้างตามเช็ดไมโครเวฟทีหลังก็อย่าลืมปิดฝาภาชนะที่เอามาใส่ อาหารด้วยนะคะ
3. กล่องโฟมหรือกล่องพลาสติก
ขอเตือนไว้เลยว่าไม่ควรนำเอากล่องโฟมหรือกล่องพลาสติกธรรมดาเข้าไปอบใน ไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะทั้งกล่องโฟมและกล่องพลาสติกต่างก็มีสารประกอบที่สามารถหลอมเหลวและติด ไฟได้อย่างรวดเร็ว จนอาจจะเกิดระเบิดเปรี้ยงปร้างขณะอุ่นในไมโครเวฟและทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ ไม่คาดฝันได้นะคะ
4. ผักสดและผลไม้สด
ความร้อนจากการปรุงอาหารด้วยวิธีการต่าง ๆ นั้นทำให้สารอาหารและคุณประโยชน์ในผักหรือผลไม้สดหดหายไปเกือบครึ่ง เช่นเดียวกันถ้าเรานำผักและผลไม้สด ๆ เหล่านั้นไปปรุงในไมโครเวฟ เชื่อไหมว่าวิตามินและสารอาหารที่เราจะได้รับมาบำรุงร่างกายก็จะพลันสลายหาย ไป เหลือแค่กากของผักกับผลไม้ให้กินเท่านั้นแหละ
5. ละลายผลไม้แช่แข็งในไมโครเวฟ
เข้าใจดีค่ะว่าการรอให้ผลไม้แช่แข็งละลายนั้น มันนานจนต้องพึ่งไมโครเวฟให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากทีเดียว เพราะเมื่อน้ำตาลในผลไม้ถูกรังสีความร้อนของไมโครเวฟ ก็จะไปทำปฏิกิริยาจนเกิดเป็นสารก่อมะเร็ง ที่ค่อย ๆ เข้าไปสะสมและเกาะกินร่างกายของเราจนพัง
6. ละลายเนื้อสัตว์แช่แข็งในไมโครเวฟ
เป็นอีกหนึ่งอาหารสดแช่แข็งที่ไม่ควรนำไปละลายในไมโครเวฟ เพราะนอกจากจะมีสารก่อมะเร็งที่ได้กลับมาแทนสารอาหารที่มีประโยชน์แล้วนั้น ยังจะสูญเสียวิตามินสำคัญในเนื้อสัตว์ไปอีกด้วย หากเป็นไปได้แนะนำให้เอาเนื้อสัตว์ใส่ภาชนะแล้วตั้งทิ้งไว้ให้ละลายก่อนทำ อาหารหรือแช่น้ำเปล่าให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นแทนก็ได้ค่ะ
ขอเตือนไว้เลยว่าไม่ควรนำเอากล่องโฟมหรือกล่องพลาสติกธรรมดาเข้าไปอบใน ไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะทั้งกล่องโฟมและกล่องพลาสติกต่างก็มีสารประกอบที่สามารถหลอมเหลวและติด ไฟได้อย่างรวดเร็ว จนอาจจะเกิดระเบิดเปรี้ยงปร้างขณะอุ่นในไมโครเวฟและทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ ไม่คาดฝันได้นะคะ
4. ผักสดและผลไม้สด
ความร้อนจากการปรุงอาหารด้วยวิธีการต่าง ๆ นั้นทำให้สารอาหารและคุณประโยชน์ในผักหรือผลไม้สดหดหายไปเกือบครึ่ง เช่นเดียวกันถ้าเรานำผักและผลไม้สด ๆ เหล่านั้นไปปรุงในไมโครเวฟ เชื่อไหมว่าวิตามินและสารอาหารที่เราจะได้รับมาบำรุงร่างกายก็จะพลันสลายหาย ไป เหลือแค่กากของผักกับผลไม้ให้กินเท่านั้นแหละ
5. ละลายผลไม้แช่แข็งในไมโครเวฟ
เข้าใจดีค่ะว่าการรอให้ผลไม้แช่แข็งละลายนั้น มันนานจนต้องพึ่งไมโครเวฟให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากทีเดียว เพราะเมื่อน้ำตาลในผลไม้ถูกรังสีความร้อนของไมโครเวฟ ก็จะไปทำปฏิกิริยาจนเกิดเป็นสารก่อมะเร็ง ที่ค่อย ๆ เข้าไปสะสมและเกาะกินร่างกายของเราจนพัง
6. ละลายเนื้อสัตว์แช่แข็งในไมโครเวฟ
เป็นอีกหนึ่งอาหารสดแช่แข็งที่ไม่ควรนำไปละลายในไมโครเวฟ เพราะนอกจากจะมีสารก่อมะเร็งที่ได้กลับมาแทนสารอาหารที่มีประโยชน์แล้วนั้น ยังจะสูญเสียวิตามินสำคัญในเนื้อสัตว์ไปอีกด้วย หากเป็นไปได้แนะนำให้เอาเนื้อสัตว์ใส่ภาชนะแล้วตั้งทิ้งไว้ให้ละลายก่อนทำ อาหารหรือแช่น้ำเปล่าให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นแทนก็ได้ค่ะ
7. อบฟองน้ำเพื่อกำจัดแบคทีเรีย
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมสูตรทำความสะอาดถึงได้บอกว่าสามารถเอาฟองน้ำไปอบ เพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเพราะถ้าจะอบฟองน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรคจริง ๆ ควรชุบน้ำให้ชุ่ม ไม่แห้งสนิท และต้องเวฟด้วยความร้อนต่ำสุดเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ถ้าหากฟองน้ำในลักษณะที่ไม่ได้กล่าวมาก็จะเกิดประกายไฟและทำให้เกิดการลุก ไหม้ได้
8. เวฟไข่ไก่ทั้งฟอง
แม้เมนูไข่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนแต่ก็ใช่ว่าจะนำไปเข้าไปเวฟได้ทั้งฟอง เหมือนกับการต้มไข่ในน้ำร้อน รังสีความร้อนในไมโครเวฟจะทำให้ไข่ร้อนจัดจนระเบิดตัวเองในไมโครเวฟทันที ทางที่ดีควรตอกไข่ใส่ภาชนะให้เรียบร้อยก่อนนำเข้าไปเวฟดีกว่านะคะ
9. ถุงกระดาษบรรจุอาหาร
ถุงกระดาษเป็นบรรจุภัณฑ์อีกหนึ่งชนิดที่ไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟ เพราะเนื้อกระดาษบาง ๆ ค่อนข้างไวต่อความร้อน และอาจทำให้เกิดประกายไฟเมื่อโดนรังสีความร้อนในไมโครเวฟ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมสูตรทำความสะอาดถึงได้บอกว่าสามารถเอาฟองน้ำไปอบ เพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเพราะถ้าจะอบฟองน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรคจริง ๆ ควรชุบน้ำให้ชุ่ม ไม่แห้งสนิท และต้องเวฟด้วยความร้อนต่ำสุดเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ถ้าหากฟองน้ำในลักษณะที่ไม่ได้กล่าวมาก็จะเกิดประกายไฟและทำให้เกิดการลุก ไหม้ได้
8. เวฟไข่ไก่ทั้งฟอง
แม้เมนูไข่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนแต่ก็ใช่ว่าจะนำไปเข้าไปเวฟได้ทั้งฟอง เหมือนกับการต้มไข่ในน้ำร้อน รังสีความร้อนในไมโครเวฟจะทำให้ไข่ร้อนจัดจนระเบิดตัวเองในไมโครเวฟทันที ทางที่ดีควรตอกไข่ใส่ภาชนะให้เรียบร้อยก่อนนำเข้าไปเวฟดีกว่านะคะ
9. ถุงกระดาษบรรจุอาหาร
ถุงกระดาษเป็นบรรจุภัณฑ์อีกหนึ่งชนิดที่ไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟ เพราะเนื้อกระดาษบาง ๆ ค่อนข้างไวต่อความร้อน และอาจทำให้เกิดประกายไฟเมื่อโดนรังสีความร้อนในไมโครเวฟ
10. ฟอยล์ห่ออาหาร
ฟอยล์ห่ออาหารอาจจะเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งในการทำอาหารของใครหลาย ๆ คน แต่หากคิดจะปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟแนะนำว่าให้เลี่ยงฟอยล์ห่ออาหารเสียเถอะ เพราะนอกจากจะทำให้อาหารสุกเร็ว สุกไว จนไหม้เกรียมได้ง่าย ๆ หากไม่ระวังแล้ว รังสีความร้อนที่กระทบลงบนฟอยล์ห่ออาหารยังทำให้เกิดประกายไฟได้อีกด้วยนะ
11. จาน-ชามกระเบื้องเคลือบและมีลวดลายสะท้อนแสง
ก่อนจะนำอาหารเข้าอุ่นในไมโครเวฟทั้งภาชนะโปรดสำรวจดูก่อนว่า เครื่องกระเบื้องเหล่านั้นเป็นเคลือบและมีลวดลายหรือไม่ เพราะสีที่ใช้เพ้นท์ลายจาน-ชามส่วนใหญ่ไม่ทนต่อความร้อนและอาจปนเปื้อนมากับ อาหารขณะอุ่นด้วยไมโครเวฟ อีกทั้งยังทำให้เนื้อจาน-ชามแตกหักได้ หากเป็นไปได้เช็กที่ฉลากก่อนซื้อจาน-ชามสักนิดว่าสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ หรือเปล่า ?
12. กระติกน้ำเก็บอุณหภูมิแบบพกพาและภาชนะสเตนเลส
ใช่ว่ากระติกน้ำเก็บอุณหภูมิแบบพกพาที่ทำมาจากสเตนเลสจจะอุ่นด้วยไมโครเวฟ ได้ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟขณะที่นำภาชนะเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ อีกทั้งยังส่งผลให้มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายเจือปนมากับน้ำหรืออาหารด้วย
ฟอยล์ห่ออาหารอาจจะเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งในการทำอาหารของใครหลาย ๆ คน แต่หากคิดจะปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟแนะนำว่าให้เลี่ยงฟอยล์ห่ออาหารเสียเถอะ เพราะนอกจากจะทำให้อาหารสุกเร็ว สุกไว จนไหม้เกรียมได้ง่าย ๆ หากไม่ระวังแล้ว รังสีความร้อนที่กระทบลงบนฟอยล์ห่ออาหารยังทำให้เกิดประกายไฟได้อีกด้วยนะ
11. จาน-ชามกระเบื้องเคลือบและมีลวดลายสะท้อนแสง
ก่อนจะนำอาหารเข้าอุ่นในไมโครเวฟทั้งภาชนะโปรดสำรวจดูก่อนว่า เครื่องกระเบื้องเหล่านั้นเป็นเคลือบและมีลวดลายหรือไม่ เพราะสีที่ใช้เพ้นท์ลายจาน-ชามส่วนใหญ่ไม่ทนต่อความร้อนและอาจปนเปื้อนมากับ อาหารขณะอุ่นด้วยไมโครเวฟ อีกทั้งยังทำให้เนื้อจาน-ชามแตกหักได้ หากเป็นไปได้เช็กที่ฉลากก่อนซื้อจาน-ชามสักนิดว่าสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ หรือเปล่า ?
12. กระติกน้ำเก็บอุณหภูมิแบบพกพาและภาชนะสเตนเลส
ใช่ว่ากระติกน้ำเก็บอุณหภูมิแบบพกพาที่ทำมาจากสเตนเลสจจะอุ่นด้วยไมโครเวฟ ได้ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟขณะที่นำภาชนะเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ อีกทั้งยังส่งผลให้มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายเจือปนมากับน้ำหรืออาหารด้วย
13. น้ำเปล่า
ดูเหมือนว่าการนำน้ำเปล่าเข้าไมโครเวฟจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่หารู้ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดแล้ว เพราะน้ำจะปะทุขึ้นมาเมื่อถึงจุดเดือดจนกระจายเต็มไมโครเวฟ ถ้าต้องการใช้น้ำร้อนจริง ๆ แนะนำให้ใช้วิธีอื่น เช่น กระติกต้มน้ำร้อนหรือใช้หม้อต้มบนเตาดีกว่า
14. น้ำนมแม่
ขนาดผักสดและเนื้อสดยังไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟ แล้วนับภาษาอะไรกับน้ำนมแม่ที่ถือว่าเป็นนมที่มีประโยชน์ต่อลูกน้อยมากที่ สุดล่ะ หากเผลอนำนมแม่ไปอุ่นด้วยไมโครเวฟ ก็จะทำให้ลูกน้อยไม่ได้รับสารอาหารจากนมแม่อย่างเต็มที่เพราะจะเหลือไออุ่น กับรสชาติที่คุ้นเคยเท่านั้น นอกจากนี้ลูกอาจจะได้รับเชื้ออีโคไลที่เพาะตัวได้ดีด้วยความร้อนจากไมโครเวฟ อีกนะเออ
15. เสื้อผ้า
อย่าคิดแผลง ๆ นำเสื้อผ้าไปฆ่าเชื้อโรคในไมโครเวฟโดยเด็ดขาด เพราะแตกต่างจากการอบด้วยเครื่องอบผ้าโดยสิ้นเชิง เนื่องจากรังสีความร้อนจากไมโครเวฟจะแผดเผาเสื้อผ้าจนทำให้เกิดประกายไฟหรือ ไม่ก็แห้งกรอบจนใส่ไม่ได้ ส่วนเสื้อผ้าที่มียางยืดก็อาจจะย้วยจนเสียทรง ฉะนั้นใช้วิธีตากแดดหรือทางลัดอื่นเพื่อให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นจะดีกว่า
เชื่อว่าหลายคนอ่านเสร็จแล้วคงตกใจกับสิ่งที่เผลอทำไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าฝืนทำโดยเด็ดขาด และถ้าได้นำข้อมูลดี ๆ อย่างนี้ไปบอกต่อคนในบ้านและคนอื่น ๆ ก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, huffingtonpost และ girlsfriendclub
http://home.kapook.com/view134575.html
ดูเหมือนว่าการนำน้ำเปล่าเข้าไมโครเวฟจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่หารู้ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดแล้ว เพราะน้ำจะปะทุขึ้นมาเมื่อถึงจุดเดือดจนกระจายเต็มไมโครเวฟ ถ้าต้องการใช้น้ำร้อนจริง ๆ แนะนำให้ใช้วิธีอื่น เช่น กระติกต้มน้ำร้อนหรือใช้หม้อต้มบนเตาดีกว่า
14. น้ำนมแม่
ขนาดผักสดและเนื้อสดยังไม่ควรนำเข้าไมโครเวฟ แล้วนับภาษาอะไรกับน้ำนมแม่ที่ถือว่าเป็นนมที่มีประโยชน์ต่อลูกน้อยมากที่ สุดล่ะ หากเผลอนำนมแม่ไปอุ่นด้วยไมโครเวฟ ก็จะทำให้ลูกน้อยไม่ได้รับสารอาหารจากนมแม่อย่างเต็มที่เพราะจะเหลือไออุ่น กับรสชาติที่คุ้นเคยเท่านั้น นอกจากนี้ลูกอาจจะได้รับเชื้ออีโคไลที่เพาะตัวได้ดีด้วยความร้อนจากไมโครเวฟ อีกนะเออ
15. เสื้อผ้า
อย่าคิดแผลง ๆ นำเสื้อผ้าไปฆ่าเชื้อโรคในไมโครเวฟโดยเด็ดขาด เพราะแตกต่างจากการอบด้วยเครื่องอบผ้าโดยสิ้นเชิง เนื่องจากรังสีความร้อนจากไมโครเวฟจะแผดเผาเสื้อผ้าจนทำให้เกิดประกายไฟหรือ ไม่ก็แห้งกรอบจนใส่ไม่ได้ ส่วนเสื้อผ้าที่มียางยืดก็อาจจะย้วยจนเสียทรง ฉะนั้นใช้วิธีตากแดดหรือทางลัดอื่นเพื่อให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้นจะดีกว่า
เชื่อว่าหลายคนอ่านเสร็จแล้วคงตกใจกับสิ่งที่เผลอทำไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าฝืนทำโดยเด็ดขาด และถ้าได้นำข้อมูลดี ๆ อย่างนี้ไปบอกต่อคนในบ้านและคนอื่น ๆ ก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, huffingtonpost และ girlsfriendclub
http://home.kapook.com/view134575.html
**หมายเหตุ แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558
เวลา 12.04 น.
No comments:
Post a Comment