Thursday, November 26, 2015

นี่คือสิ่งที่ควรทำในวันนี้ ถ้าเมื่อคืนนอนไม่หลับหนักมาก !




นอนไม่หลับหนักมาก จนเช้านี้แทบไม่อยากตื่น ถ้าเมื่อคืนนอนไม่หลับแบบนี้ เช้าขึ้นมาก็ต้องลองวิธีแก้ง่วง เติมความสดชื่นให้ตัวเองตื่นเต็มตา

          อีกนิดเดียว...อีกนิดเดียวตาก็จะปิดอยู่แล้ว เฮ้อ ! ถ้าเมื่อคืนนอนไม่หลับจนต้องมานั่งสัปหงกในวันรุ่งขึ้น วันนั้นทั้งวันคงเป็นอะไรที่เฟลสุด ๆ ยิ่งวันไหนมีภารกิจมากมายที่รออยู่ จะมัวมานั่งหาวนั่งเหม่อคงไม่ดีแน่ ๆ จริงไหมล่ะ ถ้างั้นลองวิธีเหล่านี้ดู ถ้าเมื่อคืนคุณนอนไม่หลับ 8 วิธีนี้จะช่วยให้เช้าวันรุ่งขึ้นสดใสได้

1. พยายามตื่นในเวลาเดิม

          อ๊ะ ๆ อย่าคิดว่าจะปิดเสียงนาฬิกาปลุกแล้วหลับต่อเชียวนะ เพราะการปล่อยให้ตัวเองหลับต่อ นอกจากจะทำให้ตื่นสายโด่งมาก ๆ แล้ว ยังจะทำให้รู้สึกเพลียมากกว่าเก่าอีกต่างหาก เนื่องจากหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ร่างกายจะตกอยู่ในสภาวะหลับ ๆ ตื่น ๆ ซึ่งการนอนหลับที่ไม่ได้คุณภาพอย่างการนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ก็จะส่งผลต่อสมองของเรา ทำให้ความสามารถในการจดจำ สมาธิ และอารมณ์ถูกรบกวนจนปรวนแปรไปด้วย วันนั้นทั้งวันคุณก็อาจจะดูง่วงซึม เหมือนคนนอนไม่พอติดต่อกันหลายคืนเลยล่ะ

2. อาบน้ำเย็น

          ความเย็นของน้ำจะช่วยปลุกให้ร่างกายตื่นตัวขึ้นได้ อย่างน้อยความรู้สึกหนาวก็จะช่วยให้เลือดสูบฉีดเพื่อมอบความอบอุ่นให้ร่าง กาย ซึ่งนี่แหละจะทำให้เรารู้สึกตื่นได้เต็มตามากขึ้น

3. ดื่มกาแฟแต่พอดี

          คาเฟอีนในกาแฟเป็นตัวช่วยที่ดีในวันที่เรารู้สึกง่วงงุนมากเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้ ดร.Joyce Walsleben ผู้เชี่ยวชาญด้าน Sleep Disorder จากสถาบันการแพทย์ NYU ก็ได้เตือนว่า การดื่มกาแฟมากเกินพอดีอาจทำให้รู้สึกระวนกระวาย และใจสั่นมากกว่าจะหายง่วง ดังนั้นดื่มกาแฟแค่สัก 2 แก้วต่อวันกำลังเหมาะ

4. อย่ากินของหวาน

          รู้สึกเพลีย ๆ ขึ้นมาทุกคนก็มักจะเรียกหาของหวาน แต่นั่นไม่ใช่วิธีเติมความสดชื่นที่ควรทำเลยสักนิดค่ะ เพราะแม้ความหวานจะช่วยให้เรารู้สึกตื่นขึ้นได้ทันที แต่ก็เป็นเพียงความสดชื่นในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และเมื่อร่างกายดึงน้ำตาลจากของหวานไปเป็นพลังงานหมด เราก็จะกลับมาง่วงงุนเหมือนเดิม หรืออาจจะแย่กว่าเดิมซะด้วยซ้ำ

          ดังนั้นหันมากินอาหารที่ให้พลังงานได้ยาวนานอย่างโปรตีนดีกว่า ทั้งเนื้อไก่ กรีกโยเกิร์ต หรือถั่วชนิดต่าง ๆ ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุจะช่วยบูทพลังงานให้เราได้อย่างต่อเนื่อง หรือหากอยากได้ความหวานก็แนะนำให้กินผลไม้สด เช่น แตงโม น้ำมะพร้าว กล้วย เป็นต้น

          อ้อ ! อีกอย่างก็อยากให้เลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตด้วยนะคะ เพราะร่างกายก็จะย่อยและเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาล ส่งผลให้เรารู้สึกเฉื่อยชาได้เช่นกัน

5. หลบไปพักบ้างก็ได้

          หลังจากนอนไม่หลับมาเมื่อคืน เช้านี้เรามักจะรู้สึกเฉื่อยชาและขาดสมาธิมากกว่าปกติ ซึ่งหากต้องการเรียกคืนประสิทธิภาพในตัวเองกลับมา ควรหาเวลาหลบไปพักสายตาบ้างและสมองบ้าง โดยอาจจะออกไปสูดอากาศนอกอาคาร ไปเดินเล่นสัก 5-10 นาที เพื่อเติมออกซิเจนให้เลือดได้ตื่นตัวมากขึ้น หรืออาจจะออกกำลังกายเบา ๆ สัก 20 นาที พอให้เส้นเลือดได้สูบฉีดจนปลุกความสดชื่นขึ้นมาได้ หรือถ้ามีเวลาสักหน่อย การงีบหลีบสั้น ๆ สักประมาณ 25 นาทีก็จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

6. ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง

          น้ำจะช่วยให้ปริมาณออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รู้สึกตื่นตัวมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ควรจิบน้ำอุณหภูมิห้องแทนน้ำเย็นนะ เพราะร่างกายจะดูดซึมน้ำในอุณหภูมิห้องไปไหลเวียนในเลือดได้ง่ายกว่าน้ำเย็น ดังนั้นแม้น้ำเย็นจะทำให้รู้สึกสดชื่น แต่ถ้าอยากหายง่วงเร็ว ๆ ควรดื่มน้ำอุณหภูมิปกติดีกว่า

7. ฟังเพลงแก้ง่วง

          จังหวะเพลงที่เร้าใจหรือเพลงที่เราชอบฟังจะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเพลิด เพลิน ลดระดับความง่วงซึมได้พอสมควร โดยเฉพาะหากต้องนั่งทำงานอยู่กับที่บนโต๊ะ วิธีแก้ง่วงนี้ค่อนข้างเวิร์กเลยเชียวล่ะ แต่สำหรับนักเรียนนักศึกษา การฟังเพลงในคลาสเรียนคงไม่ดีเท่าไร ดังนั้นแนะนำให้เลือกใช้วิธีแก้ง่วงอื่น ๆ นะจ๊ะ

8. เข้านอนเวลาเดิม หรือนอนเร็วกว่าเดิมสัก 1 ชั่วโมง

          ความง่วงงุนที่อยู่กับคุณมาตลอดทั้งวันอาจทำให้คุณอยาก เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรเข้านอนตามเวลาปกติ หรือจะนอนก่อนเวลาเดิมสัก 1 ชั่วโมงก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้นาฬิกาชีวิตไม่รวนเรจนเกิดความสับสน ซึ่งอาจส่งผลให้การนอนหลับของเราผิดปกติไปตลอดกาลนั่นเองนะคะ

          หากเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย ก็ลองวิธีปลุกตัวเองเหล่านี้ดู รวมทั้งหากรู้ตัวว่านอนน้อย ร่างกายไม่เต็มร้อยเท่าไร ก็ควรใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้นด้วย อย่างการขับรถระยะไกลนี่ไม่ควรทำเด็ดขาดนะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
WebMd, Pure Wow
http://health.kapook.com/view135210.html
เครดิตภาพ   http://www.gambianow.com/community/blog/1219/mountain-dew/

No comments:

Post a Comment