"การที่อาหารจานเดียวของไทยเป็นอาหารที่คนต่างชาตินิยมกินกัน
คงไม่ใช่แค่รสชาติที่อร่อย แต่เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการ ความสะอาด ปลอดภัย
มีสุขาภิบาลอาหารที่ดี โดยเฉพาะการที่ทางเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโกได้สำรวจออกมาว่ามี 10
อาหารจานด่วนของไทยที่คนต่างชาตินิยมมากที่สุด ซึ่งทั้ง 10 จานนี้นักโภชนาการของไทยเองก็แนะนำให้รับประทานเช่นกัน"
ปัจจุบันอาหารจานด่วนหรือฟาสต์ฟู้ดมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยมาก
โดยเฉพาะคนเมืองที่มีชีวิตเร่งรีบ เมื่อมีความเร่งรีบอาหารจานเดียวจึงเป็นที่พึ่งที่สำคัญ
โดยนอกจากคนไทยแล้วคนต่างชาติเองก็นิยมชมชอบอาหารจานด่วนของไทยมากด้วยเช่นกัน
โดยถึงขั้นมีการจัดอันดับอาหารจานด่วนของไทยไว้ 10 ลำดับตามความชอบ แต่เวลารับประทานต้องระมัดระวังว่าอาหารจานเดียวที่เรารับประทานเข้าไป
แล้วจะสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภาวะโภชนาการดีหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นอาจขาดสารอาหารทำให้ร่างกายอ่อนแอ
ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำเกิดความเจ็บป่วยขึ้นมาได้
ทั้งนี้ อาจารย์สง่า
ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัยและผู้จัดการแผนงานโภชนาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.) ระบุว่า การที่อาหารจานเดียวของไทยเป็นอาหารที่คนต่างชาตินิยมกินกัน คงไม่ใช่แค่รสชาติที่อร่อย
แต่เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการ ความสะอาด ปลอดภัย มีสุขาภิบาลอาหารที่ดี
โดยเฉพาะการที่ทางเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโก ได้สำรวจออกมาว่ามี 10 อาหารจานด่วนของไทยที่คนต่างชาตินิยมมากที่สุด
ซึ่งทั้ง 10 จานนี้นักโภชนาการของไทยเองก็แนะนำให้รับประทานเช่นกัน
เพราะเป็นอาหารจานด่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ไม่ต้องอาศัยวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาและเป็นอาหารที่อยู่ในวิถีชีวิตผู้คนเหมาะสมกับคนไทยซึ่งเป็นเมืองร้อนไม่ต้องการแคลอรีสูงจนเกินไป
อาหารจานด่วน
10 อันดับนี้มีอะไรบ้าง
เริ่มจากอันดับแรก คือ ผัดซีอิ๊ว สาเหตุ ที่ต่างชาติชอบและโหวตให้เป็นอันดับ
1 เพราะผัดซีอิ๊วคล้ายกับมะกะโรนีและสปาเกตตีของต่างประเทศ แต่กลิ่นของเครื่องเทศและมีผักผสมอยู่ทำให้เกิดรสชาติที่ดี
แต่ในมุมมองของนักโภชนาการผัดซีอิ๊วเป็นอาหารจานด่วนที่มีคุณค่าของโภชนาการ เกือบครบ
5 หมู่ โดยมี 4 หมู่ คือ 1. เส้นก๋วยเตี๋ยว มีคาร์โบไฮเดรต 2. มีโปรตีนจากเนื้อหมู
ไก่ ปลา กุ้ง ที่ใส่ลงไปในผัดซีอิ๊ว 3. มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง
ๆ จากผักคะน้า 4. ไขมันจากเนื้อสัตว์และน้ำมันที่ใส่ลงไป
ซึ่งการที่ผัดซีอิ๊วจะเป็นอาหารจานด่วนที่ดีต่อสุขภาพไม่ควรใช้น้ำมันเยอะจนเยิ้ม เพราะจะทำให้เกิดพลังงานเกิน ซึ่งปกติผัดซีอิ๊ว 1 จาน ถ้าผัดใส่น้ำมันเยอะ
ๆ จะมีพลังงานประมาณ 650-700 กิโลแคลอรี ถือว่าสูงมาก ปกติอาหารมื้อหนึ่งควรจะรับประทานไม่เกิน
400-500 กิโลแคลอรี ยิ่งถ้าเรากินของหวานเพิ่มอีกก็กลายเป็นมื้อหนึ่ง
เราได้พลังงาน 1,000 กิโลแคลอรี ถือว่าเกินมาก ๆ เนื่องจากร่างกายของคนเราวันหนึ่งโดยปกติแล้วผู้หญิงไม่ควรจะได้รับพลังงาน
เกิน 1,600 กิโลแคลอรี ส่วนผู้ชายไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรีโดยเฉลี่ย
ตรงนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของอาหารจานเดียวที่เราจะกินโดยใช้ผัดซีอิ๊ว
เป็นกรณีตัวอย่าง ถ้ารับประทานไม่ถูกต้องจะได้รับัพลังงานที่สูงมาก ดังนั้นจึงมีวิธีเลือกรับประทาน
คือในผัดซีอิ๊วระหว่างเส้นหมี่กับเส้นใหญ่พลังงานแตกต่างกัน ถ้าเลือกรับประทานเส้นหมี่พลังงานจะอยู่ที่
520 กิโลแคลอรี แต่ถ้าเป็นเส้นใหญ่มีพลังงานประมาณ 600-700 กิโลแคลอรี เพราะเส้นใหญ่มีแป้งค่อนข้างเยอะ
และมีน้ำมันมาทาเส้นไม่ให้เหนียวติดกัน
ฉะนั้นการกินผัดซีอิ๊วควรเลือกกินเส้นหมี่และเส้นเล็ก
แต่หากอยากรับประทานเส้นใหญ่ก็สามารถรับประทานได้ แต่ควรรับประทานได้เป็นครั้งคราว
และหลังรับประทานผัดซีอิ๊วแล้วควรกินผลไม้ตามอีก 1 อย่างจะได้คุณค่าอาหารครบ
5 หมู่ และข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งคืออย่าให้ผัดซีอิ๊วมีรสเค็มจัด
บางคนใส่ทั้งซอสและน้ำปลา จะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมสูงเกินอาจเกิดความดันโลหิตสูงได้
อันดับต่อมาที่ซีเอ็นเอ็นโกสำรวจ
คือ ส้มตำ ในมุมมองของฝรั่งส้มตำ คือ สลัดผักดี ๆ ของพวกเขา เพราะปกติสลัดจะมีน้ำมาผสมเพิ่มรสชาติ
ซึ่งในส้มตำน้ำสลัดก็คือเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ฝรั่งติดใจในรสชาติที่กลมกล่อม
มีทั้งรสเปรี้ยว เค็ม หวาน มัน แต่สลัดของฝรั่งจะมีรสใดรสหนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นส้มตำจึงมีเสน่ห์สำหรับฝรั่ง
ขณะเดียวกันในเชิงของนักโภชนาการก็คือว่า ส้มตำเป็นอาหารที่ครบ 5 หมู่
ได้แก่ ผลไม้ได้แน่นอนจากมะละกอและแครอท วิตามินซีจากมะนาว โปรตีนจากกุ้งแห้ง และได้แคลเซียมสูงมากจากปูดองและกุ้งแห้ง
ซึ่งในส้มตำมีมะเขือเทศที่เป็นผักและผลไม้ สุดท้ายเมื่อเรากินส้มตำกับข้าวเหนียว
จะได้คาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานด้วย นอกจากนี้หากเรารับประทานส้มตำกับไก่ย่างก็ได้โปรตีนจากเนื้อไก่
ฉะนั้นการกินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง คือ การรับประทานอาหารหลัก 5 หมู่ที่สุดยอดมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระวังในการรับประทานส้มตำ
คือความสะอาด มีคนที่ท้องเดินจากการกินส้มตำเยอะมากเนื่องจากปูดอง ภาชนะไม่สะอาด มือแม่ค้าสกปรก
เพราะส้มตำเป็นของดิบไม่ผ่านความร้อน การกินจึงต้องดูเรื่องความสะอาดให้มาก เช่น
กุ้งแห้งต้องล้างให้สะอาด ปูดองและปลาร้าต้องต้ม อย่ากินปลาร้าดิบ เพราะการกินส้มตำปลาร้าดิบมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งสูงมาก
เพราะในปลาร้าดิบมีสารก่อมะเร็งผสมอยู่
ต่อมาเป็นหมูปิ้ง คล้าย สเต๊กของฝรั่ง
แต่หมูปิ้งของเรามีกลิ่นกระเทียมหอมมากและหมักกับน้ำปลา เกลือ พริกไทย
เสน่ห์ของหมูปิ้งจะอยู่ตรงนี้ ถามว่าเรากินหมูปิ้งกับข้าวเหนียวได้สารอาหารครบ 5 หมู่หรือไม่
ในมุมมองของนักโภชนาการยังไม่ครบ เพราะข้าวเหนียวหมูปิ้งกินแล้วได้ 3 หมู่ คือ คาร์โบไฮเดรตจากข้าวเหนียว โปรตีนจากเนื้อหมู และได้ไขมันจากหมู ไม่มีวิตามินและแร่ธาตุ
ฉะนั้นในภาวะที่เร่งรีบแบบนี้การกินหมูปิ้งที่เป็นอาหารจานด่วนอยากจะให้กินแอปเปิ้ลตามอีก
1 ลูก หรือฝรั่งครึ่งลูก หรือส้มโอ 3 กลีบ
หรือส้ม 2 ลูก หรือกล้วยน้ำว้า 1 ลูกหรือกล้วยหอม
1 ลูก สำหรับเด็กควรดื่มนมอีก 1 กล่องจะได้สารอาหารที่ครบ
5 หมู่ใน 1 มื้อ
จานต่อมาเป็น
ก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งเป็นอาหารจานเดียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่
ถือเป็นอาหารจานด่วนที่ดีที่สุดและคนไทยชอบมากที่สุด คือเส้นก๋วยเตี๋ยวได้คาร์โบไฮเดรต
ลูกชิ้นและหมูสับได้โปรตีน และผัก เช่น ถั่วงอก
และผักบุ้งได้วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ
แต่การรับประทานก๋วยเตี๋ยวมีข้อระวัง
คือควรกินให้หลากหลาย หรือใครชอบรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ควรใส่ผักและเนื้อสัตว์ลงไปด้วย
หรือการเลือกระหว่างก๋วยเตี๋ยวน้ำใสและน้ำข้นเราควรจะเลือกรับประทานแบบใด มีข้อแนะนำ
คือ ถ้าหากใครกำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักควรกินก๋วยเตี๋ยวน้ำใสมากกว่าก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น
สำหรับ ข้าวผัดปู
ถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่ 5
ซึ่งเราจะรวมไปถึงพวก ข้าวผัดกะเพรา หรือผัดต่าง ๆ ที่นำมาราดข้าวด้วย ถือเป็นอาหารจานด่วนที่ดีมีคุณค่าทางโภชนาการเช่นกัน แต่ขึ้นอยู่กับการสั่งของเราด้วย
ข้าวผัดส่วนมากในมุมมองของนักโภชนาการมักจะขาดผัก เพราะบางจานใส่เฉพาะต้นหอมผักชีถือว่าน้อยไปไม่เพียงพอ
ดังนั้นเวลาสั่งควรให้แม่ค้าเพิ่มผักไปด้วย เช่น ผัดกะเพรา มีแต่ใบกะเพราอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อร่างกาย
จึงควรใส่แครอท ถั่วฝักยาวเพิ่มไปด้วย และระวังอย่าใส่น้ำมันเยอะเด็ดขาด
จานต่อมาเป็น หมูแดดเดียว จานนี้เป็นการนำหมูไปหมักและตากแดด จากนั้นนำมาปิ้งหรือทอดและรับประทานกับข้าวเหนียวจะอร่อยมาก
เพราะเครื่องเทศจะซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้รสชาติหอมกลมกล่อม ส่วนข้อแนะนำเวลารับประทานจะคล้ายกับการกินข้าวเหนียวหมูปิ้งคือรับประทานผลไม้ตามไปด้วย
ขนมจีนน้ำยา เป็นอาหารจานด่วนลำดับที่
7
ที่เรียกว่าเป็นสปาเกตตีเมืองไทย ถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5
หมู่เช่นกัน โดยเส้นขนมจีนได้คาร์โบไฮเดรต ส่วนน้ำยาปลา มีโปรตีน ส่วนกะทิให้ไขมันและมีสารพัดผัก
เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วงอก จึงได้วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ครบถ้วน
ถ้าเราจะให้ฝรั่งชื่นชอบขนมจีนน้ำยาต้องพยายามอย่าทำให้มีรสชาติเผ็ดมาก
และสิ่งที่ควรระมัดระวังในการรับประทานขนมจีนน้ำยา คือเส้นขนมจีนบูดเสียง่าย
ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 4-5 ชม. ส่วนน้ำยากะทิก็เสียง่ายเช่นกัน
หากอยากเก็บไว้รับประทานได้นาน ๆ ควรอุ่นไว้อยู่ตลอด และนอกจากนี้ควรระวังเชื้อโรคที่มาจากผัก เราจึงควรล้างผักให้สะอาดก่อนรับประทานด้วย
เครื่องดื่มของไทยที่ชาวต่างชาตินิยม
คือ ชาเย็น เพราะ ความหวานมักเป็นรสชาติกลมกล่อมที่ลงตัว ซึ่งชาเย็นเป็นเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน
ถ้าดื่มวันละ 1
แก้วถือว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าดื่ม 2 แก้วขึ้นไปถือว่าอันตรายสุด
ๆ เพราะในชาเย็นมีน้ำตาลสูง และยังมีครีมและเนย ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปนำพาไปสู่โรคอ้วนได้
ส่วนข้าวเหนียวมะม่วง เป็นขนมไทยที่ถูกโหวตให้เป็นอาหารยอดนิยมอันดับ 9
ถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่นำมะม่วงสุกมารับประทานกับข้าวเหนียว และหยอดกะทินิดหนึ่ง
จะได้รสชาติที่หอมอร่อย แต่ให้พลังงานสูงมาก โดยข้าวเหนียวมะม่วง 1 จาน คือข้าวเหนียวประมาณ 1 ทัพพี และมะม่วงสุก
1 ลูก ให้พลังงานประมาณ 500-700 กิโลแคลอรี
ซึ่งพลังงานก็มาจากข้าวเหนียว มะม่วงสุก กะทิ และน้ำตาลที่มูนข้าวเหนียว
ฉะนั้นการกินข้าวเหนียวมะม่วงโดยเฉพาะกินในหน้าร้อน
เมื่อกินแล้วจะทำให้ร้อนระอุ ต้องกินน้ำตามไปมาก ๆ เพราะให้พลังงานสูง หากนาน ๆ
รับประทานทีก็ได้ แต่ควรออกกำลังกายจะไม่ทำให้อ้วน ซึ่งการกินข้าวเหนียวมะม่วงไม่ให้อ้วน
คือถ้ากินหลังจากการกินมื้อหลักในมื้อเย็น เราเคยกินข้าว 2 ทัพพี
ให้ลดลงเหลือ 1 ทัพพี
ไว้สำหรับการกินข้าวเหนียวมะม่วงจะได้ไม่อ้วน
และลำดับสุดท้าย คือ ขนมครก เป็นของหวานชนิดหนึ่ง อย่าลืมว่าเป็นแป้งและน้ำตาล ซึ่งแป้งให้เฉพาะพลังงานและมีกะทินิดหน่อย เราควรเลือกขนมครกที่ใส่ผัก
เช่น ฟักทอง ข้าวโพด เผือก ต้นหอม อย่ารับประทานมากหรือหากไม่อยากอ้วนใช้วิธีลดปริมาณอาหารมื้อหลักลงเพื่อกินขนมครกได้อย่างเอร็ดอร่อย
อาหารจานด่วนของไทยเป็นอาหารที่ดีมาก
แม้กระทั่งฝรั่งยังร่วมกันโหวตให้เป็นอาหารจานด่วนที่ชื่นชอบ รู้อย่างนี้แล้วคนไทยจะละเลยไปกินอาหารฟาสต์ฟู้ดของต่างชาติกันทำไม
แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถกินอาหารฟาสต์ฟู้ดของต่างชาติได้แต่เป็นครั้งคราว เพราะถ้าเรากินบ่อยแล้วจะเกิดผลเสียตามมาดังนี้
1. ร่างกายเราจะได้พลังงานค่อนข้างสูง
2. ราคาแพงมาก
ทำให้เราจนลง
3. เราต้องสั่งวัตถุดิบที่มาทำอาหารจานด่วนจากต่างชาติ
ทำให้เสียดุลการค้าไป
และสุดท้าย 4.จะทำให้เราเสียความเป็นไทยไปซึ่งวัฒนธรรมการกินอาหารแบบไทย
ๆ เป็นการกินที่งดงามอันหนึ่งที่บรรพบุรุษมอบให้กับเราและอยากให้คนรุ่นใหม่ หันมาใส่ใจกินอาหารแบบไทย
คงวัฒนธรรมทางอาหารของประเทศไทยไว้ให้อยู่คู่คนไทยไปตราบนานเท่านาน
สุดท้ายอาหารไม่ว่าชาติไหนก็ล้วนมีเสน่ห์ หากเรารู้จักเลือกรับประทานให้ได้คุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ย่อมจะดีต่อภาวะโภชนาการและสุขภาพร่างกายของเราไปตราบนานเท่านาน
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
โดย ทีมวาไรตี้
http://www.thaihealth.or.th
No comments:
Post a Comment