Wednesday, April 13, 2016

อาหารคลายร้อนสุดเด็ด จัดด่วน ๆ ก่อนร่างกายจะเพลียหนัก

 
อาหารคลายร้อน 15 อย่างต่อไปนี้ ช่วยเติมความสดชื่น คืนความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ดับกระหายคลายร้อน แก้อ่อนเพลีย แล้วแบบนี้จะไม่ทานได้ยังไง

          อากาศเมืองไทยร้อนขึ้นทุกวัน ยิ่งโดยเฉพาะเดือนเมษายน อุณหภูมิพุ่งแตะเลข 4 เข้าไปแล้วตั้งหลายพื้นที่ ทั้งร้อน ทั้งอบอ้าวแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ทานอะไรไม่ลง แต่ถ้าจะให้ดื่มน้ำอย่างเดียวแต่ไม่ทานอะไรเลยก็ไม่ไหวเหมือนกัน เดี๋ยวจะขาดสารอาหารเอา วันนี้ลองเปิดตู้เย็นมองหาอาหารคลายร้อนมาช่วยลดอุณหภูมิทั้งภายในและภาย นอกร่างกายหน่อยดีกว่า จะได้แก้อาการอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงไปด้วย ว่าแต่หน้าร้อน (จัด) แบบนี้ เราจะทานอะไรดีนะ 


แตงโม

          พูดถึงหน้าร้อนก็ต้องนึกถึง "แตงโม" ขึ้นมาทันที เพราะเจ้าผลไม้ลูกกลม ๆ เนื้อสีแดงหวานฉ่ำชนิดนี้ มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 95% ทานแล้วร่างกายชุ่มชื่นจากน้ำในแตงโมแน่นอน ยิ่งถ้านำไปแช่ตู้เย็น แช่ช่องฟรีซ หรือทำเป็นไอศกรีม ยิ่งเย็นสุดขั้ว คลายร้อนได้แน่นอน


แคนตาลูป

          หนึ่งในผลไม้ตระกูลแตงที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่น้อยเหมือนกัน นำไปแช่เย็นทานดับร้อนได้ หรือจะนำเนื้อไปปั่นเป็นน้ำแคนตาลูปใส่น้ำแข็งสักหน่อยก็ดื่มแก้กระหายได้ไม่น้อยเลย


ฟักเขียว

          อย่าเพิ่งสงสัยว่าน้ำแกงฟักจะช่วยดับร้อนได้จริงเหรอ (ก็ในน้ำแกงออกจะร้อน) ขอบอกว่าถึงแม้เนื้อฟักจะเก็บความร้อนได้ดี แต่เมื่อทานเข้าไปแล้ว ฟักเขียวจะช่วยให้ร่างกายเย็นลงได้ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ทานแล้วช่วยแก้ร้อนใน แก้ไอ แก้คอแห้ง ทำให้ชุ่มคอ ใช้ขับเสมหะที่เกิดจากหวัดร้อนได้ด้วย หรือถ้าไม่อยากทานเป็นน้ำแกง ก็นำฟักมาต้ม ดื่มแทนน้ำก็ได้ หรือนำไปปั่นใส่น้ำแข็ง ผสมน้ำผึ้งสักหน่อย ทานเป็นสมูธตี้ก็อร่อยอย่าบอกใคร


ผักโขม

          เมื่อเราเสียเหงื่อจากอากาศร้อน ร่างกายของเราก็จะสูญเสียธาตุแมกนีเซียมไปด้วย ดังนั้นต้องทานผักโขมและผักสีเขียวให้มาก ๆ เพราะผักเหล่านี้มีแมกนีเซียมสูง นอกจากนี้ยังมีลูติน สารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องผิวพรรณและสายตาของเราไม่ให้ถูกแสงแดดและรังสีจากแสงอาทิตย์ทำอันตราย 


พริกไทย

          ฟังแล้วอย่าเพิ่งตกใจว่า พริกไทยยิ่งกินก็ยิ่งร้อนนะสิ แต่จะบอกให้ค่ะว่า พริกไทยที่เผ็ดร้อนสามารถกระตุ้นให้เกิดการขับเหงื่อออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิว จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายแก่ร่างกายของเราได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ลองพิสูจน์ดูเลย


มะระ

          ตามหลักแพทย์แผนไทยบอกไว้ว่า ถ้าจะดับร้อนด้วยอาหารต้องทานอาหารที่มีรสขมหรือเย็น ซึ่งผักรสขมชนิดนี้ นอกจากจะเป็นยาดับร้อนแล้ว ยังช่วยถอนพิษไข้ ช่วยแก้กระหาย แก้อักเสบ เจ็บคอ บรรเทาอาการร้อนในได้อีกด้วย ซึ่งอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้มักเป็นกันมากในช่วงฤดูร้อนนี่ล่ะ


ข้าวแช่

          เมนูไทยแท้ระดับชาววัง ข้าวแช่อาจหาทานได้ไม่ง่ายนักในปัจจุบัน แต่เจ้าข้าวลอยน้ำดอกไม้อบควันเทียนหอมเย็น รับประทานคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ ทั้งลูกกะปิทอด พริกหยวกยัดไส้ หรือปลาหวาน เมนูนี้ช่วยให้ความสดชื่นหอมอร่อยในวันที่อบอ้าวดีจริง ๆ


สลัดผัก

          หันมาดูเมนูเบา ๆ ทางฝั่งตะวันตกกันบ้าง ผักสดเย็น ๆ ช่วยเพิ่มน้ำให้กับร่างกาย พร้อมผักและผลไม้สดตามฤดูกาลอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มรสชาติและวิตามิน พร้อมช่วยสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไข้หวัดเมื่ออุณหภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง แถมยังเป็นเมนูคลายร้อนที่เหมาะกับสาว ๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักด้วย
 

เฉาก๊วย

          เมนูของหวานคลายร้อนยอดฮิต เนื้อสีดำ ๆ หนึบ ๆ ใส่ในถ้วยน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม เห็นแล้วอยากทานเป็นที่สุด เพราะมีสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้โรคหวัด จัดเป็นอาหารคลายร้อนเพื่อสุขภาพอีกถ้วยหนึ่ง (แต่ต้องใส่น้ำตาลน้อย ๆ หน่อยนะ) หรือถ้าไม่ชอบเฉาก๊วยก็ทานพวกผลไม้ลอยแก้ว เช่น กระท้อนลอยแก้ว รากบัว เย็นชื่นใจแน่นอน


ตะไคร้

          ร้อนนี้เหมาะกับการดื่มน้ำตะไคร้เป็นที่สุด เพราะช่วยเติมความสดชื่น ดับกระหายให้ร่างกาย แถมยังมีสรรพคุณช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ขับของเสียในร่างกาย ได้คลายร้อนแล้วยังได้สุขภาพดีด้วย ถ้ามาต้มกับใบเตย ยิ่งหอมเย็น ชื่นใจคูณสอง

         ชาตะไคร้มะนาว เครื่องดื่มจากสมุนไพรไทยแก้จุกเสียด
         น้ำตะไคร้ใบเตย เครื่องดื่มสมุนไพรประโยชน์ล้นแก้ว  


ใบบัวบก

          แม้จะมีรสชาติขม ๆ เฝื่อนอยู่บ้าง แต่ใบบัวบกมีฤทธิ์บรรเทาอาการอ่อนเพลีย แก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ดี ทำให้เรารู้สึกสดชื่น นอกจากนี้ยังแก้ช้ำใน แก้เจ็บคอ บำรุงหัวใจ ลองดื่มดูแล้วจะติดใจ


น้ำกระเจี๊ยบ

          น้ำกระเจี๊ยบหวาน ๆ เย็น ๆ ช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ไม่น้อย แต่อย่าเติมน้ำตาลเพิ่มมากไป เพราะเดี๋ยวความอ้วนจะถามหา

         ชากระเจี๊ยบแดง ดื่มร้อน ๆ แก้ร้อนในกระหายน้ำ
         น้ำกระเจี๊ยบแดงกับพุทราจีน สองเพื่อนซี้คู่หูสมุนไพรคู่สุขภาพ


น้ำมะพร้าว

          หน้าร้อนก็ต้องคู่กับน้ำมะพร้าว เพราะมะพร้าวเป็นยาเย็น กินแล้วดับร้อน ลดอุณหภูมิในร่างกายได้ หากเป็นไข้ตัวร้อนแล้วดื่มน้ำมะพร้าว ก็จะช่วยให้ความร้อนทุเลาลง และยังช่วยแก้ร้อนใน แก้กระหายน้ำ แก้ปวดศีรษะได้อีกต่างหาก

         น้ำมะพร้าว เครื่องดื่มมหัศจรรย์ที่มากกว่าความหอมหวาน 


น้ำเก๊กฮวย
         
          เวลาร้อน ๆ ก็นึกถึงน้ำเก๊กฮวยในตู้แช่เย็นเหมือนกันนะ ด้วยสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ลดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจากอากาศร้อนได้ ทำให้หลาย ๆ บ้านต้องซื้อดอกเก๊กฮวยแห้งมาเก็บไว้ พอถึงหน้าร้อนเมื่อไรก็หยิบมาต้มมาชงแช่เย็นดื่มให้ชื่นใจ


น้ำเปล่า

          สุดท้าย ท้ายสุดก็ "น้ำเปล่า" นี่ล่ะค่ะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีที่สุดแล้ว เพราะเมื่ออากาศร้อน ร่างกายเราจะสูญเสียน้ำตลอดเวลา เราจึงต้องดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายรักษาอุณหภูมิได้ดี และไม่ขาดน้ำด้วย แต่ถ้าอยากให้ชื่นใจมากขึ้น หยดน้ำยาอุทัยผสมลงไปหน่อย สีแดง ๆ ในน้ำยาอุทัยนั้นก็คือสมุนไพร "ฝาง" มีฤทธิ์บำรุงโลหิต ทำให้เลือดเย็น แก้กระหายน้ำ มิน่าล่ะถึงชื่นใจขนาดนี้

          ทานอาหารช่วยดับร้อนได้ก็จริง แต่ก็มีอาหารบางชนิดที่ยิ่งกินยิ่งร้อน โดยเฉพาะ 7 อย่างนี้ที่ต้องเขียนตัวโต ๆ ว่า "เลี่ยงซะ"

          เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะไปเพิ่มความร้อนให้ตับต้องทำงานหนักขึ้น

          เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน กระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น เป็นการขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้เพลียแดดได้ง่าย

          ขนมหวานทั้งหลาย เพราะเมื่อร่างกายเผาผลาญน้ำตาลจะสร้างความร้อนขึ้นมา

          ของทอด ของมัน กินมาก ๆ จะทำให้ร่างกายเราร้อน

          อาหารรสเค็มจัด เพราะยิ่งกินเค็ม ไตก็ยิ่งทำงานหนัก ซึ่งโดยปกติไตก็ทำงานหนักมากขึ้นในหน้าร้อนอยู่แล้ว

          ผลไม้รสหวานฉ่ำน้ำตาล โดยเฉพาะทุเรียน มีกำมะถันสูง สร้างความร้อนให้ร่างกายได้มาก

          น้ำอัดลม เครื่องดื่มรสหวานจัด ดื่มมากไปก็ทำให้อ้วน

          ถ้าทานอาหารตามนี้แล้วยังไม่ช่วยให้หายร้อน ก็คงต้องใช้วิธีอื่นเข้าช่วย อย่างเช่นลุกไปอาบน้ำ หรือไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า ผึ่งแอร์เย็น ๆ ให้สบายกายสบายใจซะก่อน อดทนหน่อยเดี๋ยวหน้าร้อนก็ผ่านไปนะคะ


http://health.kapook.com/view116597.html

No comments:

Post a Comment