1. กินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีและซี
เนื่องจากถ้าเราไม่เข้านอนตามเวลาที่เคยชิน ต่อมไพเนียลซึ่งเป็นต่อมใต้สมองที่มีหน้าที่ทำให้หลับจะปั่นป่วน ร่างกายจะเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่นอนไม่พอถึงอารมณ์ไม่ดี จึงต้องแก้ด้วยการทานวิตามินบีและซีซึ่งมีสารเซโรโทนินที่ทำให้สมองหายเครียดอยู่เป็นจำนวนมาก อาหารที่ขอแนะนำ คือ ข้าวกล้อง กินผักผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หรืออาจจะทานวิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1.000 ม.ก. 1 เม็ดหลังอาหารเช้าก็ได้
2. กินมื้อดึก
โดยปกติอาหารที่เราทานเข้าไปจะให้พลังงานอยู่เพียง 6 ชั่วโมง เช่น ทานมื้อเย็นตอน 1 ทุ่ม พอเที่ยงคืนก็จะหมดแรงแล้วร่างกายจึงต้องการพลังงานมาเสริมทัพ แต่มื้อดึกนี้ควรเป็นของเบาๆ ที่ย่อยง่าย จะได้ไม่เป็นภาระกับกระเพาะ เช่น น้ำเต้าหู้อุ่นๆ โจ๊ก น้ำธัญพืช ไม่ควรทานอาหารไขมันสูงหรือดื่มอาหารที่มีไขมันอย่างนม โกโก้เพราะไขมันเป็นกลุ่มอาหารที่ย่อยยาก
3. หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ เสร็จหมดแล้วควรเข้านอนทันที
เพราะร่างกายเราต้องการพักติดต่อกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ถ้าเข้านอนตอนตี 2 อย่างน้อยก็ต้องตื่นตอน 6 โมงเช้า แต่บางคนนอนดึกก็จริงแต่ต้องรีบตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปทำงาน ร่างกายจึงรับไม่ไหว สุขภาพก็จะแย่
4. ไม่ควรแก้ง่วงด้วยเครื่องดื่มคาเฟอีน
เพราะชาหรือกาแฟมีฤิทธิ์กระตุ้นร่างกายถึง 6-8 ชั่วโมง ถ้าดื่มกาแฟตอน 4 ทุ่ม ก็หมายความว่าคุณจะไปหลับจริงๆ ตอนตี 4 ซึ่งทำให้อดนอนไปโดยปริยาย
5. ตื่นเช้าหลังจากอดนอน
หลังจากอดนอนแล้ว ไม่ควรพยายามชดเชยด้วยการนอนตื่นสาย เพราะร่ากายจะยิ่งเซื่องซึม สมองก็จะล้า ทางที่ดีควรจะตื่นนอนตามเวลาปกติที่ร่างกายเคยชินแล้วเติมความสดชื่นด้วย วิตามิน หรืออาหารประเภทที่ทำให้กระปรี้กระเปร่า อย่างเช่น กาแฟหรือโสม แต่ถ้าเป็นไปได้ควรทานโสมมากกว่า เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่าการดื่มกาแฟ.
"นอนมาก-นอนน้อย" เสี่ยงป่วยเท่ากัน-ดีสุด 7 ช.ม
ดังนั้น
การนอนมากไป นอนน้อยไป จึงไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าจะให้ดีต่อสุขภาพแล้ว นอนวันละ 7 ชั่วโมง
นักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า "ดีที่สุด"เนื่องจากถ้าเราไม่เข้านอนตามเวลาที่เคยชิน ต่อมไพเนียลซึ่งเป็นต่อมใต้สมองที่มีหน้าที่ทำให้หลับจะปั่นป่วน ร่างกายจะเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่นอนไม่พอถึงอารมณ์ไม่ดี จึงต้องแก้ด้วยการทานวิตามินบีและซีซึ่งมีสารเซโรโทนินที่ทำให้สมองหายเครียดอยู่เป็นจำนวนมาก อาหารที่ขอแนะนำ คือ ข้าวกล้อง กินผักผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หรืออาจจะทานวิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1.000 ม.ก. 1 เม็ดหลังอาหารเช้าก็ได้
2. กินมื้อดึก
โดยปกติอาหารที่เราทานเข้าไปจะให้พลังงานอยู่เพียง 6 ชั่วโมง เช่น ทานมื้อเย็นตอน 1 ทุ่ม พอเที่ยงคืนก็จะหมดแรงแล้วร่างกายจึงต้องการพลังงานมาเสริมทัพ แต่มื้อดึกนี้ควรเป็นของเบาๆ ที่ย่อยง่าย จะได้ไม่เป็นภาระกับกระเพาะ เช่น น้ำเต้าหู้อุ่นๆ โจ๊ก น้ำธัญพืช ไม่ควรทานอาหารไขมันสูงหรือดื่มอาหารที่มีไขมันอย่างนม โกโก้เพราะไขมันเป็นกลุ่มอาหารที่ย่อยยาก
3. หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ เสร็จหมดแล้วควรเข้านอนทันที
เพราะร่างกายเราต้องการพักติดต่อกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ถ้าเข้านอนตอนตี 2 อย่างน้อยก็ต้องตื่นตอน 6 โมงเช้า แต่บางคนนอนดึกก็จริงแต่ต้องรีบตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปทำงาน ร่างกายจึงรับไม่ไหว สุขภาพก็จะแย่
4. ไม่ควรแก้ง่วงด้วยเครื่องดื่มคาเฟอีน
เพราะชาหรือกาแฟมีฤิทธิ์กระตุ้นร่างกายถึง 6-8 ชั่วโมง ถ้าดื่มกาแฟตอน 4 ทุ่ม ก็หมายความว่าคุณจะไปหลับจริงๆ ตอนตี 4 ซึ่งทำให้อดนอนไปโดยปริยาย
5. ตื่นเช้าหลังจากอดนอน
หลังจากอดนอนแล้ว ไม่ควรพยายามชดเชยด้วยการนอนตื่นสาย เพราะร่ากายจะยิ่งเซื่องซึม สมองก็จะล้า ทางที่ดีควรจะตื่นนอนตามเวลาปกติที่ร่างกายเคยชินแล้วเติมความสดชื่นด้วย วิตามิน หรืออาหารประเภทที่ทำให้กระปรี้กระเปร่า อย่างเช่น กาแฟหรือโสม แต่ถ้าเป็นไปได้ควรทานโสมมากกว่า เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่าการดื่มกาแฟ.
"นอนมาก-นอนน้อย" เสี่ยงป่วยเท่ากัน-ดีสุด 7 ช.ม
แหล่งที่มา www.teenee.com
No comments:
Post a Comment