Friday, August 9, 2024

ข้อควรทำและไม่ควรทำ เมื่อมีฝุ่นผงเข้าตา




เพื่อนๆ เคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่า เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมหรือฝุ่นผงเข้าตา ร่างกายของเพื่อนๆ จะขับน้ำตาออกมา ทั้งนี้ เพื่อให้ฝุ่นผงต่างๆ ที่ปลิวเข้าตาเพื่อนๆ ไหลออกไปกับน้ำตา 


แต่ถ้าหากฝุ่นผงนั้นมีขนาดใหญ่ น้ำตาเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถนำพาฝุ่นผงนั้นๆ ไหลออกมาได้  ผู้โพสแนะนำให้เพื่อนๆ ลองทำตามวิธีต่อไปนี้น๊า


  1. จุ่มหน้าในอ่างที่ใส่น้ำสะอาด แล้วกระพริบตา เพื่อให้สิ่งที่เข้าตาหลุดไปกับน้ำ

  2. อย่าขยี้ตาแรงๆ เด็ดขาด เพราะจะทำให้ดวงตาของเพื่อนๆ บอบช้ำมากขึ้น

  3. อย่าล้างตา โดยเปิดน้ำจากท่อก๊อกน้ำโดยตรง เพราะน้ำจากท่อมีแรงดันมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อดวงตาของเพื่อนๆ ได้

  4. ให้ขอความช่วยเหลือคนใกล้ตัว ช่วยใช้ผ้าสะอาดเขี่ยผงที่เข้าตาให้หลุดออกไป


แต่หากทำทุกวิธีแล้ว ยังไม่สามารถเอาสิ่งแปลกปลอมออกไปได้ แนะนำให้เพื่อนๆ ควรรีบไปให้คุณหมอที่โรงพยาบาลเอาออกให้น๊า


เครดิตภาพ

https://www.pinterest.com/pin/763923155560437982/

 

Tuesday, August 6, 2024

สุภาษิตสอนใจ: เล่นกับหมา หมาเลียปาก



สุภาษิตไทย ส่วนใหญ่จะมีไว้เพื่อเป็นสิ่งสอนใจให้กับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี


ในโพสนี้ ผู้โพสจะขอนำเสนอ สุภาษิตไทย ที่เราคุ้นเคยกันดี คือ “เล่นกับหมา หมาเลียปาก” 


“เล่นกับหมา หมาเลียปาก” นั้นมีความหมายว่า ลดตัวลงไปพูดจาเล่นหัวกับผู้ที่มีอาวุโสน้อยกว่า หรือคนที่เราไม่รู้จักมักคุ้น คนๆ นั้นจะตีเสมอ ไม่ให้ความเคารพนับถือ และไม่เกรงใจเราอีกต่อไป


ดังนั้น สุภาษิตนี้ จึงเป็นเครื่องเตือนใจและสอนใจให้เพื่อนๆ รู้จักระมัดระวังในการพูดได้เป็นอย่างดี


เครดิตภาพ

https://www.pinterest.com/pin/5911043256873695/


Friday, August 2, 2024

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ปลาปิรันย่า เพชฌฆาตหน้าโหด


โดยทั่วไป ผู้คนส่วนใหญ่ม้กจะเข้าใจกันว่า ปลาปิรันย่า ทุกตัวมีนิสัยดุร้าย หรือ เป็นปลาเพชฌฆาต แต่ที่จริงแล้ว มีปลาปิรันย่าอยู่หลายสายพันธุ์ที่ไม่ดุร้าย และกินพืชเป็นอาหารหลัก 

ได้มีการสันนิษฐานว่า สาเหตุที่ปลาปิรันย่าบางสายพันธุ์เปลี่ยนจากสัตว์ที่กินพืชมาเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีนิสัยดุร้ายนั้น อาจเกิดมาจากจำนวนปลาปิรันย่าที่เพิ่มมากขึ้นจนเกิดการขาดแคลนแหล่งอาหารแบบเดิม เช่น พวกพืชน้ำ 

วิธีการเอาตัวรอดของพวกปลาปิรันย่า คือ การที่พวกมันเปลี่ยนไปกินเนื้อจากซากปลา หรือ ซากสัตว์ที่จมน้ำตาย และมีวิวัฒนาการของฟัน เพื่อให้เหมาะกับการกัดกินเนื้อ 

หรือ มีการสันนิษฐานอีกแนวทางหนึ่งว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากการผ่าเหล่าทางพันธุกรรม ทำให้ฟันของปลาปิรันย่าบางตัวหดหายไปเหลือเพียงแถวเดียว ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้กัดแทะเมล็ดพืช พวกมันจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้อยู่รอด โดยหันไปกินเนื้อสัตว์แทน และกลายมาเป็นบรรพบุรุษของปลาปิรันย่าในปัจจุบัน

รู้หรือไม่ว่า การมีปลาปิรันย่าไว้ในความครอบครองถือว่าผิดต่อกฏหมายในประเทศไทย และในอีกหลายประเทศด้วยน๊า


เครดิตภาพ

https://www.pinterest.com/pin/319755642306271561/


รู้หรือไม่ สาเหตุที่สิ่งมีชีวิตบางชนิดต้องเรืองแสงได้




แม้ว่า สิ่งมีชีวิตที่สามารถผลิตแสงได้ด้วยตัวมันเอง หรือเรืองแสงได้ จะมีอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนของพืชและสัตว์ที่มีอยู่ในโลกก็ตาม แต่เราก็ยังสามารถพบสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ทั้งบนบก และในทะเล


โดยสิ่งมีชีวิตที่สามารถเรืองแสงได้นั้น จะมีตั้งแต่พืชชั้นต่ำเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย ฟองน้ำ แมงกะพรุน ปะการัง หนอนทะเล หอย ปลาหมึก แมลง เห็ด เป็นต้น


และรวมทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลังจำพวกปลาทะเล 


แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการพบปรากฏการณ์เรืองแสงในสัตว์น้ำจืด หรือสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีวิวัฒนาการสูงกว่าปลาแต่อย่างใด


จะสังเกตได้ว่า สิ่งมีชีวิตที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทะเล โดยได้มีการสันนิษฐานว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบรรดาสิ่งมีชีวิตที่สามารถเรืองแสงได้นั้น เริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกในทะเล โดยเป็นการปรับตัวเพื่อให้พวกมันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ในท้องทะเลอันมืดมิดและกว้างใหญ่ไพศาลนั่นเอง


ซึ่งโดยส่วนใหญ่กว่า 90% ของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึก จะมีความสามารถในการเรืองแสงได้ และการที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต้องปรับตัวให้สามารถเรืองแสงได้นั้นมีอยู่หลายสาเหตุ เช่น เพื่อป้องกันการจู่โจมของศัตรู สิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างแพลงตอนบางชนิดผลิตแสงขึ้นมาเพื่อขัดขวางสัตว์อื่นที่จะเข้ามากินมันเป็นอาหาร


สัตว์บางชนิด เช่น กุ้ง ปลาหมึก หรือ แมงกะพรุน จะเปล่งแสงออกมาเพื่อป้องกันตนเองจากศัตรูเหมือนกัน


เพื่อนๆ จะเห็นว่า สาเหตุที่แท้จริงที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต้องมีการปรับตัวให้สามารถเรืองแสงได้นั้น ไม่ใช่เพื่อความสวยงามอย่างที่เราเห็นและเข้าใจ


เครดิตภาพ: https://www.pinterest.com/pin/6473993210263296/

 

Thursday, August 1, 2024

มาทำความรู้จักกับกาฝากกัน



กาฝาก เป็นพืชชนิดหนึ่งที่ต้องอาศัยพืชชนิดอื่นอยู่ ซึ่งกาฝากจะคอยแย่งอาหารและน้ำของพืชที่กาฝากไปเกาะอยู่เพื่อนำมาดำรงชีวิตของตัวเอง จนกระทั่งพืชที่กาฝากมันเกาะนั้นตายลง ตัวกาฝากเองก็จะตายลงตามไปด้วย


เราจะสังเกตว่าพืชที่เราปลูกในสวนของเรามีกาฝากหรือไม่ โดยให้สังเกตจากกิ่งและใบของพืชนั้นๆ ถ้าหากกิ่งและใบมีความแตกต่างกันละก็ นั่นคือกาฝากแน่นอน


การที่กาฝากสามารถไปเกาะตามต้นไม้ต่างๆ ได้นั้น ก็เพราะกาฝากเดินทางโดยอาศัยนก ซึ่งนกนั้นจะเป็นตัวแพร่พันธุ์พืชหรือกาฝากได้เป็นอย่างดี  เพราะเมื่อนกกินเมล็ดของกาฝากหรือเมล็ดของพืชอื่นๆ เข้าไปเป็นอาหาร จากนั้นพวกมันก็จะถ่ายตามที่ต่างๆ ที่พวกมันบินผ่าน ซึ่งอาจเป็นพื้นดิน ตามป่า หรือบนกิ่งของต้นไม้ 


หลังจากนั้น เมล็ดก็จะงอกออกมาและสอดรากที่มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเข้าไปในกิ่งไม้ที่มันเกาะอยู่ คอยดูดกินอาหารและน้ำจากท่อลำเลียงอาหารและน้ำจากต้นไม้นั้นๆ  


กาฝาก ถือเป็นพืชที่กินจุ ถึงจะหาอาหารได้เอง แต่ก็ไม่เพียงพอ และถ้าพืชชนิดไหนที่มีกาฝากเกาะอยู่ ก็จะทำให้พืชชนิดนั้นตายลงก่อนเวลาอันควรเพราะต้องอดตายนั่นเอง


กาฝากนั้นมีหลายชนิด บางชนิดเป็นเหมือนเถาวัลย์พันไปรอบๆ ลำต้นของพืชอื่นๆ อาศัยอาหารและน้ำจากลำต้นและกิ่ง บางชนิดก็อาศัยอาหารจากรากของพืชที่ไปอยู่อาศัยด้วย 


ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกาฝากชนิดใด ก็สามารถทำความเสียหายให้กับต้นไม้ด้วยกันทั้งสิ้น  


ดังนั้น เพื่อนๆ ต้องหมั่นสังเกตต้นไม้ในสวนของเพื่อนๆ บ่อยๆ และหากพบเห็นกาฝากเกาะอยู่บนต้นไม้ ก็รีบกำจัดพวกมันทิ้งทันทีน๊า เพื่อต้นไม้ในสวนของเพื่อนๆ จะได้อยู่กับเพื่อนๆ ไปนานๆ น๊ะ


เครดิตภาพ

https://www.pinterest.com/pin/621989398556181231/