Monday, December 26, 2016

ปีใหม่นี้ปรับการบริโภคอย่างไร...ให้สุขภาพดี




          อีกไม่นาน เทศกาลปีใหม่กำลังจะก้าวเข้ามาพร้อมกลิ่นอายแห่งความสุขหรรษา พร้อมกับงานเลี้ยงสังสรรค์และวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน แต่สิ่งที่ตามมาซึ่งใคร ๆ ก็ไม่อยากจำ คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ที่มาพร้อมกับความเสื่อมถอยและการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย จนอาจเกิดปัญหาสุขภาพตามมา ปีใหม่นี้เรามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อมอบสุขภาพที่ดีเพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเองกันดีกว่า

           “อาหารหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการดูแลสุขภาพร่างกาย อาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การเสริมสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งการให้พลังงาน ขณะเดียวกันยังช่วยให้มีสุขภาพดีและชะลอวัยได้อีกด้วย บริโภคอย่างไรก็จะย่อมจะได้อย่างนั้น จึงแนะนำว่าควรจะปฎิบัติตัวดังนี้

          * บริโภคอาหารให้หลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ ในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ โดยแนะนำให้พยายามเลือกชนิดของอาหารให้หลากหลาย เน้นกลุ่มผักและผลไม้เป็นหลัก เพื่อให้มีสารอาหารครบทุกหมู่ ถ้าเราบริโภคอาหารซ้ำซาก ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน บางชนิดอาจมากเกินไปและบางชนิดจะน้อยเกินไป ขณะเดียวกันควรรับประทานให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน ถ้ากินมากเกินกว่าการใช้ก็จะทำให้น้ำหนักเกินและอ้วนได้ แต่ถ้ากินน้อยแต่ต้องใช้พลังงานมาก ก็อาจทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำงาน จึงควรบริโภคอาหารที่มีไขมันแต่พอควร หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัดและเค็มจัด และใส่ใจกับการดื่มน้ำให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย

           * บริโภคอาหารจากธรรมชาติ ทุกวันนี้อาหารที่วางจำหน่ายในท้องตลาด มักถูกดัดแปลงและปรุงแต่งใหม่ หรือผ่านกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นเพื่อให้รสชาติที่อร่อย ถูกใจผู้บริโภคและเก็บรักษาได้นาน แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอาหารที่ถูกดัดแปลง เช่น ข้าวที่ถูกขัดสีจนขาวจะสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการไป รวมไปถึงอาหารที่มีการใส่วัตถุกันเสียหรือสารกันบูด ล้วนแล้วแต่มีผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง การบริโภคอาหารจากธรรมชาติ ที่นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้วยังมีสารที่ให้ประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพ เช่น อาหารจำพวกเห็ดทางการแพทย์ เช่น เห็ดไมตาเกะ ถั่งเฉ้า เห็ดยามาบูชิตาเกะ มีประโยชน์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง หรือกลุ่มผลไม้จำพวกบิลเบอร์รี่ จัดเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระทางธรรมชาติ ซึ่งก็คือแอนโธไซยานินที่มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยถนอมสายตา เป็นต้น

            * บริโภคโปรตีนให้เหมาะสมเป็นประจำ โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้ง เพราะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ที่ร่างกายสามารถนำมาใช้เป็นพลังงาน เสริมสร้างการเจริญเติบโตซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสลาย และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย ชาวจีนจะนิยมเสริมพลังสมองด้วยการบริโภคอาหารจำพวกโปรตีนจากธรรมชาติอย่างเช่น ซุปไก่ตุ๋นซึ่งถูกพัฒนามาเป็นซุปไก่สกัดที่เพิ่มความสะดวกในการบริโภคในยุคนี้ มีงานวิจัยจากในหลาย ๆ ประเทศ พบว่า ซุปไก่สกัด มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยช่วยให้เลือดสามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ การคิด ตัดสินใจ ได้ดีขึ้น ทำให้มีสมาธิดีขึ้น รวมทั้งการช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพด้านการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน จึงทำให้รู้สึกมีแรง และช่วยให้ฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า

          *บริโภคอาหารเช้าเป็นประจำ อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด อาหารเช้าที่มีคุณภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและร่างกาย เราควรบริโภคอาหารเช้าที่มีคุณภาพอย่างคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพราะจะค่อย ๆ ปลดปล่อยกลูโคสให้กับสมองโดยใช้เวลานานขึ้นในการย่อยและดูดซึม และอาหารเช้าที่มีโปรตีนเล็กน้อย จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดี น้ำตาลในเลือดไม่สูง อาหารเช้าแบบง่าย ๆ ได้แก่ เกาเหลาและธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวซ้อมมือ ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่น้ำ ข้าวต้มเครื่อง ขนมปังไข่ดาว หรืออาจเสริมด้วยซุปไก่สกัด 

          ไม่มีคำว่าสายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ขณะเดียวกันต้องให้เวลาสำหรับการพักผ่อนและการออกกำลังกายที่เหมาะสม เลี่ยงหรือปล่อยวางจากความเครียดที่ผ่านเข้ามา แล้วสุขภาพกายและจิตใจของคุณก็จะแข็งแรง แลดูอ่อนกว่าวัย ไม่ว่าปีใหม่จะผ่านไปกี่ปีก็ตาม


ข้อมูลโดย ดร.นพ.เทพ เฉลิมชัย อายุรแพทย์
http://health.kapook.com/view163143.html
เครดิตภาพ   http://health.kapook.com/view163143.html

No comments:

Post a Comment