มีประโยชน์อะไรอยู่ใน‘พริกไทย’

        "พริกไทย" เป็นราชาแห่งเครื่องเทศที่มีรสชาติเป็นเลิศ มีลักษณะคือ ผลเป็นพวงเม็ดขนาดเล็กและเป็นเครื่องเทศที่ให้รสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม เราสามารนำมาทำพริกไทยแห้งเป็นเครื่องปรุงสำหรับอาหาร ซึ่งถ้าทำแห้งทั้งเปลือกจะได้พริกไทยดำ เนื่องจากผงของเปลือกเป็นสีดำปนอยู่ ส่วนพริกไทยขาวได้จากการลอกเปลือกออกก่อนทำเป็นผง ใครรับประทานแล้วต้องติดใจ ไม่ว่าจะปรุงเป็นอาหาร ปูผัดพริกไทยดำ หรือ เนื้อสัตว์ทอดกระเทียมพริกไทย นอกจากนี้ พริกไทยดำยังมีสรรพคุณต่อสุขภาพอย่างมาก

 

         คุณค่าทางด้านโภชนาการของพริกไทย

          1. มีแคลเซียมในปริมาณที่สูงมาก โดยเฉพาะพริกไทยอ่อน ซึ่งแคลเซียมเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงอยู่เสมอ และแคลซียม ยังสามารถป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้อีกด้วย

          2. มี ฟอสฟอรัส วิตามินซี ซึ่งวิตามินซีนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

          3. มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการสร้างวิตามินเอ และมีส่วนช่วยในการมองเห็น

          4. มีสารที่ชื่อว่า ไปเปอรีน และ ฟินอลิกส์ ซึ่งทั้งคู่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสรรพคุณในการป้องกันมะเร็ง



          สรรพคุณของพริกไทย

        
          ตำรายาจีนใช้พริกไทยแก้ปวดท้อง ท้องเดินจากโรคอหิวาต์ โรคมาลาเรีย และแก้ไข้ ส่วนน้ำมันพริกไทยดำ (blackpepper oil) มีสารชื่อ พิเพอรีน (piperine) กลิ่นฉุนจัด ระคายเคืองต่อผิวหนัง เมื่อใช้ต้องเจือจาง สำหรับสูดดมหรือทาถูช่วยลดอาการหนาวสั่นจากหวัดและไข้หวัดใหญ่ ทำให้หายใจโล่งและช่วยฆ่าเชื้อโรค ผสมน้ำมันนวดบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ กลิ่นพริกไทยมีฤทธิ์กระตุ้นความสนใจสภาพแวดล้อม ให้ตื่นตัวเสมอ เพิ่มพลังใจ และความเข้มแข็ง


          ตำรายาอินเดีย ใช้กลั้วคอ แก้เจ็บคอ ลดไข้ แก้หวัด ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดประจำเดือน คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย


          ตามตำรายาไทยพริกไทยจัดอยู่ใน “พิกัดตรีกฎุก” แปลว่าของที่มีรสร้อน 3 อย่าง เป็นพิกัดยาที่ประกอบด้วยเครื่องยา 3 อย่าง ในปริมาณเสมอกันคือ เมล็ดพริกไทย เหง้าขิงแห้ง และดอกดีปลี มีสรรพคุณแก้โรคที่เกิดจากวาตะ(ลม) เสมหะ และปิตตะ(ดี) ในกองธาตุ กองฤดู กองอายุ และกองสมุฏฐาน “พิกัดตัวยาเผ็ดร้อน 6 ชนิด” คือการจำกัดจำนวนตัวยาเผ็ดร้อน 6 ชนิด คือ พริกไทย ดีปลี ผลผักชีลา ใบแมงลัก ผลกระวาน ใบโหระพา มีสรรพคุณต่างๆ เช่น ใช้เมล็ดพริกไทย ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้หวัด ทำให้น้ำลายออกมาก ช่วยให้น้ำย่อยหลั่งมากขึ้น ทำให้อยากอาหาร แก้อ่อนเพลีย แก้บิด ปวดเมื่อยตามร่างกาย ตะคริว แผลปวดเพราะสุนัขกัด ฝี ห้ามเลือด และใช้เป็นยาหลังคลอดบุตร หรือสามารถใช้ในสตรีที่ระดูมาไม่สม่ำเสมอ หรือมาน้อยกว่าปกติ


          คงได้รับทราบสาระดีๆ เกี่ยวกับพริกไทย เครื่องเทศที่มีฤทธิ์ร้อนแรง แต่สรรพคุณมากมายสารพัดประโยชน์กันแล้วนะคะ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เดินทางสายกลาง จะทานอะไร ทานให้พอดี อย่ามากและน้อยจนเกินไป และทานอาหารที่มีประโยชน์ให้หลากหลาย อย่าลืมว่า You are what you eat อยากมีสุขภาพที่ดี ต้องใส่ใจอาหารที่เราจะรับประทานเข้าไปกันอย่างสม่ำเสมอนะคะ


โดย “PrincessFangy” Twitter @Princessfangy
ข้อมูลบางส่วนจาก www.uniserv.buu.ac.th

ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์

http://www.thaihealth.or.th/Content/26401-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%99%E2%80%98%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E2%80%99.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/cherobudi/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1/